กว่า 30 ปี ของนวัตกรรมอวกาศเพื่อประเทศ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีดาวเทียมในประเทศไทย เดินหน้าสร้างคุณค่าให้กับประเทศด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านอวกาศสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ปัญหาระดับชาติและโลก เช่น การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการประเมินความเสี่ยงภัยพิบัติ
นายปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทฯ กล่าวว่า “ไทยคมมุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีอวกาศเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาประเทศ พร้อมส่งเสริมความยั่งยืนในระยะยาว โดยมองว่าเทคโนโลยีอวกาศไม่ได้มีประโยชน์เพียงสำหรับการสำรวจ แต่ยังสามารถนำมาใช้ในการวางแผนและตัดสินใจในเรื่องสำคัญ เช่น การจัดการคาร์บอนเครดิต การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Change
โลกปัจจุบันก็ให้ความสำคัญกับเรื่อง Climate Change มากขึ้น เราจึงมองว่าโลกต้องการโซลูชันใหม่ๆ เพื่อมาบริหารจัดการในเรื่องของ Climate Change ซึ่งในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องดาวเทียม ไทยคมก็หันมาทำเรื่อง CarbonWatch จนกว่าจะสำเร็จ เราเชื่อว่าทุกๆ ความท้าทายมันมีโอกาสเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะหาได้หรือเปล่า”
CarbonWatch นวัตกรรมดาวเทียมเพื่อคาร์บอนเครดิต
หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นของไทยคม คือการพัฒนาแพลตฟอร์ม “CarbonWatch” ซึ่งเป็นโซลูชันประเมินคาร์บอนเครดิตในพื้นที่ป่าโดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียมร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) แพลตฟอร์มนี้มีความแม่นยำกว่า 90% และได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ทำให้ไทยคมเป็นบริษัทแรกในประเทศที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยสร้างความโปร่งใสและประหยัดค่าใช้จ่ายในการประเมินการกักเก็บคาร์บอนในป่าขนาดใหญ่
โครงการนี้ได้ร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง โดยใช้ข้อมูลดาวเทียมเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ป่าชุมชนและประเมินประสิทธิภาพของป่าในการดูดซับคาร์บอน ช่วยให้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
ใช้เทคโนโลยีอวกาศขับเคลื่อนภาคเกษตรและประเมินภัยพิบัติ
ไทยคมยังมีบทบาทสำคัญในด้านการเกษตร โดยร่วมมือกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนาแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลพื้นที่การเกษตรสำหรับโครงการประกันพืชผล โดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียม ระบบนี้ช่วยประเมินความเสียหายจากภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม และภัยแล้ง ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ส่งผลให้เกษตรกรได้รับเงินชดเชยอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีการประเมินพื้นที่เกษตรสำเร็จไปแล้วกว่า 12 ล้านไร่ทั่วประเทศ
นายปฐมภพยังระบุว่า “บางครั้งพืชผลตัวไหนกำลังเป็นที่นิยมของตลาด เกษตรกรทุกคนก็ปลูกเหมือนกันหมด ปัญหาที่ตามมาคือผลผลิตล้นตลาด ราคาก็ตกต่ำ ในอนาคต การใช้ข้อมูลจากดาวเทียม และการวิเคราะห์ด้วย AI สามารถช่วยวางแผนการเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การแนะนำชนิดพืชที่เหมาะสมกับดินในแต่ละพื้นที่ และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร”
นายปฐมภพกล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามองว่าเศรษฐกิจอวกาศคือกุญแจสำคัญของอนาคต ไทยคมตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ พร้อมส่งเสริมให้ทั้งภาครัฐและเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีอวกาศแก้ปัญหาและสร้างมูลค่าให้กับประเทศ”
Embedded ESG: ฝังรากในธุรกิจหลักเพื่อความยั่งยืน
นอกเหนือจากการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ไทยคมยังให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Governance) และการสร้างความไว้วางใจในกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย โดยบริษัทเป็นหนึ่งในสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) มุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
นายปฐมภพกล่าวว่า “เราส่งต่อแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม ให้กับทางคู่ค้าของเรา จึงให้ความสำคัญมากกับเรื่องนี้ในการสร้างความโปร่งใส ความไว้วางใจ เพราะฉะนั้นความสำเร็จของเราจึงอยู่บนพื้นฐานของการทำงานที่โปร่งใส ความเป็นมืออาชีพ และวิธีการบริหารธุรกิจที่ตรวจสอบได้
ในด้านสังคม ไทยคมได้ส่งเสริมการศึกษาในพื้นที่ห่างไกลมาเกือบ 30 ปี โดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียมเชื่อมโยงคอร์สการเรียนออนไลน์สู่โรงเรียนในพื้นที่ชายแดน รวมถึงสนับสนุนการสื่อสารในพื้นที่ที่ไม่มีโครงข่ายอินเทอร์เน็ตพื้นฐาน
หลายบริษัทอาจจะมอง ESG เป็นแผนกหนึ่ง ก็ทำไป เรื่องธุรกิจเป็นอีกแผนกหนึ่ง ก็ทำไป แต่เราเอา 2 ส่วนนี้รวมเป็นหนึ่งคือทำทั้งธุรกิจและ ESG ไปพร้อมๆ กัน ส่งเสริมซึ่งกันและกัน เราให้ความสำคัญตรงนี้มาก”
ธุรกิจต้อง “ปรับตัว Adaptation” ในโลกที่เปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจอวกาศคืออนาคต
ในยุคที่โลกเผชิญกับ “ภาวะโลกเดือด” จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นายปฐมภพเน้นย้ำว่า “ความยั่งยืนของไทยคมขึ้นอยู่กับ “Adaptability” หรือความสามารถในการปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ มองเทคโนโลยีเป็นโอกาส ไม่ใช่อุปสรรค
กุญแจสำคัญของการปรับตัวคือความยืดหยุ่น เพื่อความอยู่รอดในระยะยาว การที่องค์กรมีความยืดหยุ่นทำให้สามารถปรับตัวได้ตามสถานการณ์ เพื่อค้นหาโอกาสและอยู่รอดในตลาด ธุรกิจที่มีอายุยาวนานไม่ได้รับประกันว่าจะสามารถอยู่รอดได้อีก 100 ปี การพัฒนาความยืดหยุ่นและไหวพริบในการปรับตัวคือสิ่งจำเป็นสำหรับความยั่งยืน ในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง ธุรกิจต้องไม่เพียงยืนหยัดต่อความท้าทาย แต่ยังต้องมองเห็นโอกาสในวิกฤตที่เกิดขึ้น เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต
บริษัทจึงได้ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์จากธุรกิจดาวเทียมสื่อสาร มาสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีอวกาศชั้นนำในภูมิภาค (Regional Space Tech Company) เพราะเล็งเห็นถึงโอกาสสำคัญทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นจากการเติบโตของอุตสาหกรรมอวกาศในยุค New Space Economy (เศรษฐกิจอวกาศยุคใหม่) และเล็งเห็นว่าในอนาคต ประเทศไทยมีโอกาสสร้างนวัตกรรมในอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศในปัจจุบันเปิดโอกาสให้บริษัททุกขนาดสามารถเข้าถึงได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง
ดังนั้นทั้งบริษัทขนาดใหญ่ SMEs Start-up เด็กรุ่นใหม่ จึงมีโอกาสเหมือนกันหมด ยิ่งปัจจุบันค่าส่งจรวดในการขนส่งวัตถุหรือคนไปอวกาศมีราคาถูกลงเป็นร้อยเท่า จากที่เคยต้องจ่าย 3 พันล้านบาทในครึ่งชั่วโมง เพราะฉะนั้นมันจะสร้างโอกาสให้แม้กระทั่งเอสเอ็มอี หรือนักศึกษารุ่นใหม่ที่ชอบเรื่องอวกาศ ก็อาจจะสามารถทำการทดลองดาวเทียมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แล้วส่งไปในอวกาศในราคาที่ถูกได้ และอาจจะสร้างนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ ได้จากตรงนี้
อุปสรรคและความท้าทายในการพัฒนา ESG
สองอุปสรรคและความท้าทายสำคัญ ที่บริษัทต้องเผชิญในการดำเนินงานด้าน ESG อย่างมีประสิทธิภาพ คือ
1. Technology Disruption
ความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเป็นอุปสรรคสำคัญในเชิงเศรษฐกิจ เพราะการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อความยั่งยืนของผลประกอบการ บริษัทจึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อมองหาโอกาสที่ซ่อนอยู่ใน Disruption ที่เกิดขึ้น แทนที่จะมองเป็นเพียงความท้าทาย
2. การบริหารจัดการพันธมิตร
การทำงานร่วมกับพันธมิตรหลากหลายทั้งในและต่างประเทศถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญ การสร้าง “Synergy” ที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน (win-win) ระหว่างบริษัทและพันธมิตรที่มีความเชื่อมั่นและมุ่งมั่นในเรื่อง ESG เหมือนกัน ถือเป็นสิ่งจำเป็น หากพันธมิตรขาดความมุ่งมั่นในด้าน ESG ความยั่งยืนของห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ก็จะไม่สมบูรณ์
“ดังนั้นเราต้องบอกพันธมิตรว่า เรื่องของความยั่งยืนและเรื่องธุรกิจ มันเป็นประโยชน์ร่วมกัน ตรงนี้สำคัญที่สุด และไม่ใช่แค่เราต้องไป Convince พันธมิตร บางครั้งพันธมิตรต้องมา Convince เราด้วยเหมือนกัน เพราะว่าเราทำธุรกิจกับพันธมิตรระดับโลกเยอะ เขาเข้มงวดในเรื่องนี้มาก”
“นอกจากนี้ การทำเรื่อง ESG ถือเป็นจุดแข็งของการทำธุรกิจอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะทำให้พันธมิตรระดับโลกมีโอกาสที่จะเลือกเรามากกว่าคนอื่น ๆ ถ้าเรามีความเข้มแข็งในเรื่องของ ESG”
นายปฐมภพสรุปว่า “เราต้องทำให้ ESG เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ธุรกิจทั้งหมด ไม่ใช่เพียงเรื่องของไทยคมเท่านั้น แต่ต้องพาพันธมิตร ลูกค้า และซัพพลายเออร์เดินไปด้วยกันในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ความยั่งยืนในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเกิดผลอย่างแท้จริง”
ไทยคมกับการเป็นตัวอย่างในยุคเศรษฐกิจใหม่
ไทยคมมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศเพื่อสนับสนุนแนวทาง ESG (Environment, Social, and Governance) แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของบริษัทในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศไทย การประยุกต์ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมอย่างสร้างสรรค์ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ แต่ยังสนับสนุนความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อมและสังคมอีกด้วย
ในช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลง ไทยคมได้พิสูจน์ว่าการปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการใหม่ๆ ของโลกสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีในเชิงธุรกิจ และมีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม การริเริ่มโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น CarbonWatch และการสนับสนุนเกษตรกรผ่านข้อมูลที่มีความแม่นยำ แสดงถึงศักยภาพของเทคโนโลยีอวกาศที่มีมากกว่าการใช้งานทั่วไป
ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ กำลังลงทุนในอุตสาหกรรมอวกาศ ไทยคมกำลังวางรากฐานที่มั่นคงให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในเวทีโลก บริษัทไม่เพียงตั้งเป้าที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ แต่ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าและความเชื่อมั่นให้กับผู้คน ชุมชน และโลกที่เราอาศัยอยู่
มองไปข้างหน้า: ไทยคมในปี 2030
ด้วยความมุ่งมั่นในด้าน ESG และนวัตกรรมอวกาศ ไทยคมได้ตั้งเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่ปี 2030 ในฐานะหนึ่งในองค์กรชั้นนำด้าน Space Tech ระดับโลก พร้อมสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ภายใต้ความเชื่อที่ว่าเทคโนโลยีอวกาศไม่ใช่เพียงเรื่องของนวัตกรรม แต่เป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตของธุรกิจและสร้างโลกที่ดีกว่าเดิม
ในปีนี้ ไทยคมได้รับรางวัล SET Awards 2024 Highly Commended Sustainability Awards ในกลุ่มรางวัล Sustainability Excellence จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนและนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไทยคมกำลังก้าวสู่การเป็นผู้นำด้าน Space Tech พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน