ThaiPublica > คอลัมน์ > ส่องชุดโอลิมปิกที่ถูกไทยด้อยค่า

ส่องชุดโอลิมปิกที่ถูกไทยด้อยค่า

22 กรกฎาคม 2024


1721955

นับตั้งแต่มนุษย์ถ้ำ สมัยที่คนเรายังโง่อยู่ มนุษย์ขัดเกลาตนเองด้วยแนวความคิดมากหลาย เพื่อยกระดับความเป็นมนุษย์ และแม้ว่าทุกวันนี้เราจะพล่ามพ่นและอวดดีใส่กันว่าเราพัฒนาและรู้จักสิทธิมนุษยชนสากลแล้ว แต่โลกก็ยังคงมีสงคราม และประเทศเราก็ยังมีประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ที่ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่และคนดีบ้านเราทั้งหลาย เก่งในการเหยียดด้อยค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ต่างจากเรา

“ชมนักชมหนามองโกเลีย ชมนักชมหนาของเกาหลี ชมนักชมหนาของเฮติ ขอโทษนะครับ เหมือนงิ้วกับลิเกถ้าดูกันดี ๆ เราจะเอาชุดลิเกเข้าไปหรือที่ปารีส คงไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ…เพราะฉะนั้น สิ่งต่าง ๆ เมื่อเราฟังเสียงของประชาชน เราพยายามจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อให้ถูกต้องกับกาลเทศะ…”

-ศาสตราจารย์พิเศษ เจริญ วรรธนะสิน รองประธานกรรมการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ วัย 87 ปี กล่าวเนื่องจากกระแสวิจารณ์ “ชุดพิธีการ” ผ้าไหมสีฟ้าโอลิมปิค ปารีส ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม-18 กันยายน 2024

หมายเหตุ: เว็บไซต์สำนักงานราชบัณฑิตยสภา อธิบายคำว่า “ศาสตราจารย์พิเศษ” (ที่มา 11 มกราคม 2552) เป็นตำแหน่งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามคำกราบบังคมทูลของสภามหาวิทยาลัย จากผู้ซึ่งไม่ได้เป็นอาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัย แต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ทางวิชาการสูง และเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยมานาน หรือแต่งตั้งผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยที่เกษียณอายุราชการและเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัย คุณสมบัติของศาสตราจารย์พิเศษเป็นไปตามข้อบังคับของสภามหาวิทยาลัย

และนี่คือบรรดาชุดที่ท่านศาสตราจารย์พิเศษปรามาสว่าเหมือนงิ้วเหมือนลิเก ที่นอกจากจะด้อยค่าชาติอื่นแล้วยังด้อยค่าชาติตนเองได้อย่างน่าประหลาดใจ

งิ้วและลิเก อาชีพ “เต้นกินรำกิน” ที่ในอดีตเคยถูกด้อยค่าว่า “ไม่เจริญ” ออกมาจากปาก ท่านเจริญ ศาสตราจารย์พิเศษ ผู้มีตำแหน่งใหญ่ในการแข่งขันกีฬาระดับโลก งิ้วอันสืบทอดมาจากชาวจีนโพ้นทะเล ลิเกการแสดงให้ความบันเทิงชาวบ้านที่ปัจจุบันถ้าไม่ใช่คณะที่ดังจริง ๆ ที่หลงเหลืออยู่ก็จะไปโผล่บนเวทีหมอลำที่ตระเวนเล่นกันในแถบอีสาน (อย่างที่รัฐไทยชอบผลิตซ้ำวาทกรรม โง่ จน เจ็บ / กันดาร แห้งแล้ง ไปจนถึงคำเหยียดอย่างคำว่า “เสี่ยว” หรือ “ลาว” เหมือนที่ในอดีตชาวจีนมักถูกล้อเลียนว่า “เจ๊กกบฏ” “คอมมิวนิสต์” เคยถูกกว้านจับปราบปรามไปจนถึงห้ามให้เรียนหนังสือไทย และให้ค่าคนลาวกับพวกเจ๊กเป็นเพียงจับกัง กรรมกร รากหญ้า)

ผลงานต่าง ๆ ของ Michel and Amazonka

มองโกเลีย

แม้ท่านตำแหน่งใหญ่ในไทยจะจวก แต่กระแสโลกต่างชื่นชมแฟชั่นจากทีมมองโกเลียจนกลายเป็นไวรัล และแต่ละสื่อชั้นนำต่างตีข่าวไปทั่วด้วยการจั่วหัวว่า “ตื่นตะลึง” อาทิ VOGUE, Designboom, The Independent, CNN, NBC, Global Voices ฯลฯ อันเป็นผลงานจากแบรนด์หรูแห่งมองโกเลียที่เปิดตัวเมื่อปี 2013 นามว่า Michel and Amazonka ผู้ออกแบบเป็นพี่น้อง Yanjindulam (มิเชล) และ Nyamkhand (อะมาซอนก้า) โดยมีCEO เป็นน้องสาวคนที่สาม Munkhjargal แห่งตระกูล Choigaalaa ซี่งแบรนด์นี้เคยคว้ารางวัลนักออกแบบยอดเยี่ยมในงาน Fashion Asia Awards เมื่อปี 2014 โดยผลงานของพวกเธอนอกจากจะยกระดับความเป็นมองโกลแล้ว ยังใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรและลดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมด้วย รวมถึงการใช้เส้นใยที่แลดูเหมือนขนสัตว์แต่ไม่ใช่ขนจากสัตว์จริง ๆ ล่าสุดพวกเธอกำลังค้นคว้าผลิตภัณฑ์จากผ้าแคชเมียร์อีกด้วย

นิตยสารไลฟ์สไตล์ระดับโลก DAZED สัมภาษณ์พวกเธอว่า “เรายังอยู่ในอาการช็อคอยู่เลย ไม่น่าเชื่อว่าบทความและโพสต์ใหม่ ๆ จะทะลักเข้ามาทุกชั่วโมงและพวกเขาพูดถึงผลงานของเรา เหลือเชื่อมากที่เห็นคนจำนวนมากจากทั่วโลกรักการออกแบบของเรา ทั้งทางเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมต่างเข้ามาคอมเม้นต์ชม ทำเอาเรางงไปเลย ไม่คิดว่าเราจะกลายเป็นไวรัลได้ขนาดนี้”

“อันที่จริงเราเคยผลิตชุดโอลิมปิกมาก่อนแล้ว ครั้งแรกคือในปี 2020 สำหรับทีมมองโกเลียทั้งหมดที่โตเกียว และที่ปักกิ่งในปี 2022 สำหรับชุดผู้เชิญธงในโอลิมปิคฤดูหนาว ดังนั้นที่ปารีสนี้จึงเป็นครั้งที่สาม ตอนแรกเราไม่ได้ถูกเลือก แต่จู่ ๆ บริษัทเดิมที่เคยถูกเลือกก็ยกเลิกการเข้าร่วม ดังนั้นคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติมองโกเลียจึงเลือกให้เราเป็นผู้จัดเตรียมชุดอย่างเป็นทางการสำหรับโอลิมปิกที่ปารีสครั้งนี้ เราเพิ่งเซ็นสัญญาเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้เองทำให้เรามีเวลาเหลือน้อยมากแค่สามเดือน ช่วงนั้นเรากำลังทำคอลเล็คชั่นใหญ่สำหรับเทศกาลนาดัม (eriin gurvan naadam หนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ที่ยูเนสโกขึ้นทะเบียนเมื่อปี 2010 อันเป็นกีฬาทั้งสามแห่งบุรุษ อันได้แก่ มวยปล้ำ ขี่ม้า และยิงธนู ในช่วงฤดูร้อนซึ่งปัจจุบันยอมรับให้หญิงสามารถร่วมยิงธนูและแข่งม้าได้ แต่ห้ามเล่นมวยปล้ำ) สุดท้ายเราต้องทิ้งมันไปแล้วหันมาทำชุดโอลิมปิกมันเลยเป็นสามเดือนที่วุ่นวายและบ้าคลั่งมากสำหรับพวกเรา”

รายละเอียดชุดพิธีการโอลิมปิกทีมมองโกเลีย

“ส่วนเรื่องไอเดียการออกแบบ เราคงต้องย้อนกลับไปพูดถึงเทศกาลนาดัม ซึ่งชาวมองโกลส่วนใหญ่มักจะผสมผสานชุดแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า ดีล (Deel) ผสมกับเสื้อกั๊กแบบยุโรป เราจึงออกแบบเป็นเวอร์ชั่นที่ทันสมัยขึ้นด้วยองค์ประกอบดั้งเดิมเหล่านี้ อาทิ ปลอกแขนดัดแปลงมาจากปลอกแขนของชุดนักธนู ซึ่งเดิมทีมันช่วยให้การยิงธนูมีประสิทธิภาพและไกลขึ้น เรามองว่าส่วนนี้สื่อความหมายที่ดีในการแข่งขันกีฬา บนเสื้อกั๊กเราปักธงสีขาวทั้งเก้า คบเพลิงโอลิมปิก ลวดลายนก ดอกไม้ ภูเขาและท้องฟ้าที่มีความหมายดังนี้: เทศกาลนาดัมของเราจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อธงทั้งเก้าถูกเชิญเข้ามาในสนามแข่ง อันเป็นสัญลักษณ์ถึงสันติภาพและความสามัคคี เช่นเดียวกับการแข่งขันโอลิมปิกที่จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีการจุดคบเพลิง นกเป็นตัวแทนอิสรภาพและความทะเยอทะยานเราปักไว้บนไหล่และชายเสื้อ ส่วนดอกไม้ ภูเขาและท้องฟ้า สื่อถึงภูมิประเทศอันกว้างใหญ่ของมองโกเลีย และความงามตามธรรมชาติอันละเอียดอ่อน อีกทั้งการที่นักกีฬามีความมุ่งมั่นคว้าเหรียญทองก็เปรียบเสมือนการปีนสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์อันแสนยากลำบาก และเราใช้สีประจำชาติของมองโกเลีย คือ น้ำเงิน แดง และขาว เราวางตำแหน่งและผสมผสานสีเหล่านี้อย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าจะดูโดดเด่นและเป็นตัวแทนประจำชาติได้ และเราใช้ดิ้นทองกับเงินในการปักเพื่อเพิ่มสัมผัสแห่งความสง่างาม ดังเช่นนักกีฬามุ่งมั่นคว้าเหรียญทอง”

“โดยบรีฟคำสั่งที่เราได้รับจากทางรัฐบาลคือ ต้องคำนึงถึงความสะดวกสบาย สีสัน ตลอดจนความภาคภูมิใจและเอกลักษณ์ของชาติ ส่วนทางเราคิดว่าต้องคำนึงว่าปีนี้ปารีสจะร้อนมาก วัสดุจึงเบากว่าตัวเลือกแบบเดิม ๆ อีกทั้งปารีสยังเป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่นอีกด้วย ดังนั้นเราจึงต้องการให้เครื่องแบบของเราโดดเด่นด้วยดีไซน์ งานฝีมือ สื่อความหมายอย่างละเอียดละออ แสดงคุณค่าทางมรดก และความสง่างาม”

(ซ้ายสุด) พี่น้องนักออกแบบ

นอกจากนี้ในบทสัมภาษณ์จากนิตยสาร FORBES เธอยังเล่าเพิ่มเติมด้วยว่า “เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วนับตั้งแต่การปฏิวัติไปสู่ระบอบประชาธิปไตยในมองโกเลีย และเราคิดว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นของเราล้าหลังแฟชั่นโลกก่อนหน้านั้นมาก ดังนั้นเป้าหมายประการหนึ่งที่ Michel and Amazonka ตั้งใจ คือการตามให้ทันและอยู่ในระดับเดียวกับเทรนด์แฟชั่นของโลก”

“เรากำลังออกแบบในระดับเดียวกับที่แบรนด์แฟชั่นระดับโลกทำ และแม้เราจะล้าหลังแค่ไหนเราก็จะไม่ไปชี้หน้าว่ามีเทรนด์แฟชั่นแบบไหนที่เราไม่ชอบเพราะแต่ละเทรนด์ก็มีผู้ติดตามเป็นของตัวเอง เพราะผู้คนมีความหลากหลาย เมื่อคุณมองเข้าไปในโลกภายในของแต่ละบุคคลเหล่านั้น คุณจะเข้าใจความชื่นชอบและมุมมองของพวกเขา…นักออกแบบแต่ละคนมีความชอบของตัวเอง และถูกแสดงออกมาในการออกแบบ”

“แม่ของเราเคยตัดเย็บงานปักด้วยมือสวย ๆ มากมาย เราสืบทอดความสนใจของเธอด้วยการตกแต่งเพิ่มเติมในแบบของเราลงไปด้วย ปู่ของเราที่เป็นพระก็เป็นแรงบันดาลใจให้เรามากด้วย ของที่เขาสวมใส่ก็นำมาเป็นไอเดียได้ดีมาก พวกท่านจึงเป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลต่อเรามากกว่าใคร ๆ…ผู้คนมักจะรู้จักเราจากประวัติศาสตร์โบราณอย่างเจงกีสข่าน แต่ในยุคปัจจุบัน คุณสามารถพบไอเดียแต่งตัวมากมายจากชาวพื้นเมือง ที่ผสมผสานแฟชั่นทันสมัยเข้ากับชุดแบบประเพณี ไปจนถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม พิธีกรรม พิธีการ รวมถึงโลกรู้อยู่แล้วว่าเรามีผ้าแคชเมียร์ (Cashmere เส้นใยธรรมชาติที่ได้จากขนชั้นในของแพะภูเขาตามที่ราบสูง ซึ่งหายากไม่เหมือนขนแกะแบบผ้าวูลทั่วไป ทำให้ผ้าแคชเมียร์มีราคาที่สูงมาก) แต่เราต้องการให้โลกรู้อีกด้วยว่ามีนักออกแบบหลายรายในมองโกลที่ทำงานกับผ้าที่แตกต่างกันนอกเหนือจากผ้าแคชเมียร์”

“การได้มีโอกาสแสดงผลงานในตลาดโลกเป็นเรื่องยาก แต่เราก็หวังว่าสักวันประเทศเราจะมีโอกาสส่งนักออกแบบไปเรียนรู้กับปรมาจารย์จากเมืองนอกโดยตรง และเราคงทำได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้…บางทีวันหนึ่งโลกจะสังเกตเห็นเรา เห็นการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวมองโกลได้รับการยอมรับจากทั่วโลก”

เกาหลีใต้

ขณะที่มองโกเลียโดดเด่นเฉพาะตัวด้วยชุดวัฒนธรรมปักมือละเอียดละออ เกาหลีกลับแตกต่างด้วยความเรียบโก้แต่ซ่อนลูกเล่นด้วยดีเทลเนี๊ยบ ๆ โดยทีมผู้ออกแบบจากแบรนด์ musinsa standard อันเป็นแบรนด์เสื้อผ้าสำเร็จรูปเพราะต้องตัดเย็บคราวละมาก ๆ ตรงนี้ต้องมองด้วยว่าขณะที่มองโกเลียมีนักกีฬาเพียง 32 คน (ชาย 14 หญิง 18) แต่เกาหลีใต้มีมากถึง 141 คน (ชาย 66 หญิง 75) แบรนด์สำเร็จรูปจึงเป็นคำตอบสำหรับเกาหลีใต้

ขณะที่เกาหลีเองกมีเทรนด์แฟชั่นของตัวเองที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก ถึงกระนั้นก็ไม่วายถูกชาวเน็ตจีนเหยียดว่าชุดสีฟ้าของเกาหลีนี่มันช่างคล้ายชุดนักโทษหญิงจากในซีรีส์ The Glory ฝ่ายชาวเน็ตเกาหลีที่ขี้เหยียดพอกันก็จวกกลับว่า ทำไมจีนถึงเหยียดเพศได้ขนาดนี้เพราะบังคับให้นักกีฬาหญิงต้องใส่กระโปรง ลองนึกสภาพถ้านักกีฬามวยปล้ำหญิงมาใส่กระโปรงแบบนี้คงดูไม่จืด

เช่นเดียวกับกรณีของมองโกเลีย การออกแบบชุดพิธีการในงานกีฬาคราวนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของ musinsa standard เพราะทีมนี้เคยออกแบบชุดพิธีการในกีฬาเอเชียนเกม 2022 ที่หางโจวมาแล้วด้วย โดยทั้งสองครั้งนี้เป็นสไตล์ในแบบเกาหลีที่เรียกว่า “New Basic” โดยนายอีเกียนโอ CEO ของแบรนด์กล่าวว่า “เรามีความสุขและภูมิใจมากที่ได้ผลิตชุดพิธีการสำหรับทีมชาติที่จะไปแข่งขันบนเวทีโลก musinsa standard แตกต่างจากเครื่องแบบที่ผลิตโดยบริษัทแฟชั่นขนาดใหญ่ทั่วไป เราได้รับการประเมินว่าเหนือกว่าในด้านภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เรียบง่ายและคุ้มค่า ก้าวไปสู่แบรนด์ระดับสูงด้วยการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันโดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบ การผลิต และการตลาด”

“บรีฟที่เราได้รับจากสภากีฬาแห่งชาติเกาหลีในการแข่งขันทั้งสองครั้ง คือ ต้องการสร้างลุคที่ดูอ่อนเยาว์ แสดงพลังของคนรุ่นใหม่ และมีชีวิตชีวา สะท้อนถึงคำสำคัญสองคำคือ ‘การเปลี่ยนแปลง’ และ ‘ความเยาว์วัย’ ในฐานะแบรนด์แฟชั่น การผลิตเสื้อผ้าสำหรับนักกีฬาทีมชาติถือเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า นอกจากนี้ แนวคิด ‘เครื่องแบบที่อ่อนเยาว์และมีพละกำลัง’ ยังสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ musinsa standard อีกด้วย”

สมัยตอนแบรนด์นี้ผลิตชุดสำหรับหางโจวเอเชียนเกม คิมจีฮุน หัวหน้าทีมออกแบบชายเผยถึงไอเดียในคราวนั้นว่า “ผมมั่นใจว่าทีมชาติของเราจะโดดเด่นด้วยชุดเครื่องแบบเดนิมที่ให้ความรู้สึกสบายๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของ musinsa standard แทนที่จะเป็นชุดสูทและชุดวอร์มทั่วไปที่ประเทศส่วนใหญ่ใส่กัน แต่ของเกาหลีจะโดดเด่นด้วยความรู้สึกสบายๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เรา”

ส่วนในโอลิมปิกคราวนี้ musinsa standard ยังคงรูปแบบ New Basic ด้วยสไตล์กึ่งทางการโดยไม่ใช้สูท แต่เป็นเสื้อคลุมแจ็คเก็ตแบบเบลเซอร์ โดยทีมผู้ออกแบบได้โพสต์ไอเดียไว้บนไอจีว่า ‘ชุดเครื่องแบบสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของตะวันออก และแสดงถึงจิตวิญญาณอ่อนเยาว์ ความคิดริเริ่ม และความมีชีวิตชีวา สวมใส่สบายในฤดูร้อน เสื้อคลุมเบลเซอร์กึ่งทางการที่มองดูคล้ายเสื้อโคท ด้วยการเน้นทรวดทรงโดยเข็มขัดอันดัดแปลงมาจากแถบผ้ารัดกักแดในชุดข้าราชการสมัยอดีต ซับในแสดงออกถึงความงามแบบเกาหลีด้วยลวดลายจากเครื่องลายครามโบราณน้ำเงินและขาว นักกีฬาทีมเกาหลีจะสวมชุดทีมชาตินี้ทั้งในพิธีเปิดและปิดการแข่งขัน อันประกอบด้วย 7 ชิ้น ได้แก่ เบลเซอร์ กางเกงสแล็ก เสื้อยืด เข็มขัด ถุงเท้า รองเท้าผ้าใบ สร้อยคอพร้อมจี้’

เฮติ

ในส่วนของชาติเฮติ น่าจะพิเศษกว่าชาวโลกอื่น ๆ ตรงที่เป็นผลงานออกแบบจากดีไซเนอร์หญิงลูกครึ่งเฮติ-อิตาลีผู้โด่งดัง สเตลลา จีน ผู้สนับสนุนความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกในแวดวงแฟชั่นมาตั้งแต่เริ่มแรก โดยทีมนักกีฬาทั้ง 12 คน จีน ได้ถือโอกาสส่งสารสำคัญถึงบ้านเกิดของเธอ ด้วยงานฝีมือที่รุ่มรวยวัฒนธรรม ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ถูกบดบังด้วยความไม่มั่นคงทางการเมืองจนประเทศเฮติกำลังอยู่ในวิกฤติรัฐล้มเหลว ทั้งอาชญากรรม ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นแบบดับเบิ้ล จีน เชื่อมโยงผลงานของเธอกับจิตรกรชาวเฮติผู้ต่อต้านเผด็จการ ฟิลิปเป โดดาร์ด ด้วยผลงานชื่อว่า Passage อันปรากฎบนลวดลายผ้าชุดนี้

เธอกล่าวว่า “ชุดสำหรับผู้หญิงประกอบด้วยกระโปรงเต็มตัวจับคู่กับเสื้อเชิร์ตแชมเบรย์ที่ทอในเฮติ อันเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีในการปั่นทอผ้าฝ้ายสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่กำลังจะเลือนหายไป ด้านบนเป็นเบลเซอร์แขนกุดที่ตัดเย็บจากผ้ารีไซเคิลประทับตราสัญลักษณ์โอลิมปิกของเฮติ ส่วนเครื่องแบบผู้ชายเป็นกางเกงกับเจ็คเก็ตสนาม ที่ภายในเป็นเสื้อเชิร์ตแบบ Guayabera อันเป็นเอกลักษณ์ของชาวเฮติ เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณปู่ของฉัน สวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตลายทางยาวประดับด้วยผ้าพันคอพิมพ์ลาย”

(ซ้ายสุด) สเตลลา จีน กับผลงานออกแบบของเธอ

“เฮติกำลังเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความโกลาหลที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังจากการลอบสังหารประธานาธิบดี โจเวเนล โมอิเซ่ ในปี 2021 แก๊งอันธพาลท้องถิ่นได้ปิดสนามบินและปล้นท่าเรือ อาคารสาธารณะและร้านค้า บุกถล่มทำลายสถานีตำรวจหลายแห่ง โดยเฉพาะในเขตรอบปอร์โตแปรงซ์อันเป็นเมืองหลวงของประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การลอบสังหาร ภาวะฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรีแอเรียล เฮนรี ติดอยู่ในเปอร์โตริโก หลังจากสมาชิกแก๊งเรียกร้องให้เขาลาออก”

จีนกล่าวในอินสตาแกรมของเธอด้วยว่า “นักกีฬาทั้ง 12 คน เป็นตัวแทนของการกำเนิดใหม่และความหวังอันเข้มแข็ง”

ทีมเจ้าภาพ

ถึงบรรทัดนี้จะไม่พูดถึงชุดจากทีมเจ้าภาพคงไม่ได้ ฝรั่งเศสเป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่นโลก ต้นกำเนิดแห่งความหรูมีระดับในแบบโอต์ กูตูร์ และเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์แบรนด์หรูแพงมากมาย ด้วยเหตุนี้ฝรั่งเศสจึงเชิญ LVMH กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลกแฟชั่นเป็นผู้สนับสนุนหลัก และแบรนด์ที่ถูกเลือกสำหรับชุดพิธีเปิดในคราวนี้คือ Berluti ด้วยความร่วมมือทางการออกแบบโดย คารีน รอยเฟลด์ อดีตบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นชั้นนำ Vogue ฝรั่งเศส และเป็นบรรณาธิการปัจจุบันของนิตยสาร CR Fashion Book

รอยเฟลด์ เล่าให้ฟังถึงครั้งที่เธอได้รับโทรศัพท์จากปารีสว่า “พวกเขาต้องการอะไรที่คลาสสิก และเก๋ไก๋ เหมาะสำหรับช่วงเวลาพิเศษ ฉันเลยนึกถึงชุดในสไตล์ที่เรียกว่า Le Smoking (ชุดทักซิโด้สำหรับผู้หญิงที่สร้างสรรค์ขึ้นในปี 1966 อีฟว์ แซ็ง โลร็อง) Le Smoking เป็นแนวแฟชั่นฝรั่งเศสที่ขาดไม่ได้ และ Berluti ชุดนี้เลือกจะใช้เป็นสีน้ำเงินเพื่อให้เข้ากับธงชาติฝรั่งเศส เราลดทอนความเป็นทักซิโด้ลงนิดหน่อย มันเลยจะดูคล้ายชุดสูทมากกว่า คอปกที่คล้องคลุมไหล่จะเป็นการย้อมแบบ dégradé (ย้อมให้ดูเหมือนค่อย ๆ จางสีลง) ด้วยผ้ามันเงาสามสีแบบธงฝรั่งเศส มีให้เลือกทั้งแบบแขนกุดและแขนยาว เพราะพิธีการจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่กลางวันจะนานถึงสองทุ่ม โดยสามารถเลือกใส่ได้ทั้งกางเกงขายาว หรือจะใครจะใส่กระโปรงก็ย่อมได้ ใส่คู่กับรองเท้าไม่มีส้นของ Berluti”

ส่วนแบรนด์ OMEGA ของสวิส จะเป็นผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการซึ่งเป็นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1932 และปีนี้ได้ออกแบบอีดิชั่นพิเศษ Seamaster Diver 300M ‘Paris 2024’ ชุดเชิญรางวัลออกแบบอย่างเรียบโก้ด้วยแบรนด์ Louis Vuitton ในชุดโปโล กางเกงทรงหลวม และหมวกทรง กาโวรเช่ (Gavroche ชื่อมาจากตัวละครในนิยายของ วิคเตอร์ ฮูโก้ ใน Les Misérables “เหยื่ออธรรม) ซึ่งทาง LVMH อธิบายไว้ในเว็บไซต์ว่า:

“นี่คือการรีไซเคิลที่สร้างสรรค์ด้วยวัสดุที่ออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม 100% โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากระบบนิเวศการรีไซเคิลสิ่งทอแบบปิดของ LVMH Circularity เสื้อโปโลและหมวกกาโวรเช่เป็นผ้าเจอร์ซีย์ที่ผลิตจากสิ่งทอรีไซเคิล โดยใช้ส่วนที่ตัดออกจาก LVMH Maisons ต่าง ๆ ที่ได้รับการอัปไซเคิลโดยสตาร์ทอัพชาวฝรั่งเศส Weturn อันเป็นบริษัท B Corp ที่ได้รับการรับรอง บริษัทนี้สร้างช่องทางใหม่สำหรับสินค้าคงคลังในอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ขายไม่ออก เปลี่ยนผ้าเหลือเหล่านั้นแปรกลับเป็นเส้นด้ายก่อนแล้วจึงนำมาทอเป็นผ้าใหม่ กลายเป็นผ้าเจอร์ซีย์เนื้อหนาที่สร้างขึ้นนี้ผ่านกระบวนการตัดเย็บอบในภูมิภาค Vosges ของฝรั่งเศสในแล็บเวิร์คช็อปที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Global Organic Textile Standard (GOTS) ส่วนกางเกงตัดเย็บจากผ้าโพลีวูลผสมโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล”

“ส่วนใหญ่ผลิตในฝรั่งเศส คือ เสื้อโปโลผลิตในภูมิภาค Vosges โดย Duval องค์กรที่นำโดยครอบครัวผู้เป็นหุ้นส่วนที่ยาวนานของ LVMH กางเกงดังผลิตโดย La Fabrique NOMADE ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ทางกลุ่มได้ร่วมงานกันตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งสนับสนุนการบูรณาการทางวิชาชีพของช่างฝีมือผู้ลี้ภัยในฝรั่งเศส ช่วยให้พวกเขาใช้ประโยชน์จากทักษะงานฝีมือที่พวกเขาฝึกฝนในประเทศบ้านเกิดของตน แล้วปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาดฝรั่งเศส ส่วนหมวกกาโวรเช่ผลิตในอิตาลี และหลังจากงานแข่งขัน เสื้อผ้าทั้งหมดจะมอบให้กับผู้ถือเหรียญรางวัลซึ่งเป็นอาสาสมัคร ช่วยให้ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองอันเป็นเอกลักษณ์เหล่านี้จะยังคงเป็นที่จดจำสำหรับทั้งนักกีฬาและผู้ชม”

ส่วนหีบใส่คบเพลิง และถาดเชิญรางวัล เป็นลายตารางหมากรุกสุดคลาสสิกที่เรียกว่า ดามิเยร์ (ลายตาราง Damier มีมาตั้งแต่ปี 1888 และเพิ่งเฉลิมฉลองครบรอบ 135 ปีไปเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมานี้เอง อันเป็นหนึ่งในลวดลายลิขสิทธิ์ของ Louis Vuitton) ถาดด้านในบุด้วยหนังสีดำด้าน เหรียญรางวัลอันทรงเกียรติที่ออกแบบโดยแบรนด์เครื่องประดับเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ปี 1780 Chaumet ผลิตขึ้นจากชิ้นเหล็กของหอไอเฟล

ในด้านชุดกีฬาออกแบบโดย สเตฟาน แอชพูล (เจ้าของแบรนด์ฝรั่งเศส Pigalle) ร่วมมือกับ Le Coq Sportif แบรนด์เครื่องกีฬาฝรั่งเศสที่มีมาตั้งแต่ปี1882 ด้วยไอเดียที่ แอชพูล เล่าว่า “เพื่อเฉลิมฉลองความหลากหลายและความสามัคคีที่มีอยู่ในกีฬา วัฒนธรรม และผู้คนในแต่ละรุ่นของฝรั่งเศส คอลเลคชั่นนี้มุ่งหมายจะสะท้อนจิตวิญญาณแห่งฝรั่งเศส ด้วยสีธงชาติโดดเด่นสดใส ทันสมัย และสามารถใส่ได้ในโอกาสต่าง ๆ เสื้อผ้าเหล่านี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามคอนเส็ปต์ของงานในปีนี้ สะท้อนความกระฉับกระเฉง แสดงรูปแบบของไดนามิก ด้วยเส้นใยสังเคราะห์ที่ออกแบบมาเพื่อระบายความร้อน และมีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก”

ประเทศไทย

เราคงไม่เล่าถึงดราม่ามากมายและสับสนในข้อมูลเป็นอย่างยิ่ง ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากชุดพิธีการในกีฬาโอลิมปิกคราวนี้ ที่เบื้องแรกปรากฏชื่อ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ประธานกรรมการ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากกระแสดราม่าดังกล่าวต่อมา พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ได้แถลงชี้แจงว่า “ในโซเชียลผมคงไม่ต้องออกชื่อ มีการกล่าวถึงพระองค์ท่าน (สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา) ซึ่งพระองค์ท่านไม่ได้เกี่ยวกับการออกแบบ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้นกับโอลิมปิก และก็ไม่ได้เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์อย่างที่โซเชียลกล่าวไว้ ดังนั้นควรมีการสอบถามให้ถูกต้องก่อนวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเกิดความเสียหายกับบุคคลอื่น ท่านทรงเป็นแค่นักกีฬา และรับใช้ประเทศมาตลอด 20 ปี ด้วยพระปรีชาสามารถ ผมจึงต้องชี้แจงให้ทราบ จึงขอให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ”

และแถลงด้วยว่า “แจ๊คเก็ตชุดไทยพระราชทาน รองเท้า กระเป๋า ต่าง ๆ ซึ่งทางคณะกรรมการโอลิมปิก เป็นผู้คัดเลือกผู้ออกแบบตัดเย็บเอง ภายใต้ชื่อแบรนด์ ทรงสมัย ทางคณะกรรมการโอลิมปิก ดำเนินการคัดเลือกผ้าเอง ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด”

ต่อมาเพจทรงสมัย ซังฮี้ มีการชี้แจงว่า “ทรงสมัย เป็นธุรกิจตัดชุดสูทสากล ที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ ในปี 1938 และ ทรงสมัย ซังฮี้ เป็นธุรกิจที่สืบทอดจากรุ่นคุณปู่ มาสู่รุ่นคุณพ่อ และปัจจุบันเป็นทายาทตรงรุ่นที่ 3 ซึ่งเข้ามาสืบทอดการทำธุรกิจ ทางเรามีความตั้งใจในการพัฒนาโดยผสานความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมา 80 กว่าปี เข้ากับความร่วมสมัยของโลกที่เปลี่ยนไป ทางบริษัทขอขอบคุณคำถามทุกความคิดเห็นและความสนใจจากเหตุการณ์นี้ และไม่ขอออกความเห็นเนื่องจากรสนิยมเป็นเรื่องของบุคคล ทางเราขอให้เกียรติผู้ออกแบบทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยบริษัทขอชี้แจงเพิ่มเติมว่าเครือทรงสมัย ซังฮี้มีทั้งหมด 8 สาขา คือ สาขาถนนสิรินธร(ซังฮี้), เมืองทองธานี, รามอินทรา, เชียงใหม่, ภูเก็ต, อุบลราชธานี, อุดรธานี และขอนแก่น”

ทำให้ต่อมาเรื่องมาโป๊ะแตกว่า ร้านที่ราชการไทยไปตัดชุดโอลิมปิกนั้นไม่ใช่ต้นฉบับทรงสมัย ซังฮี้ แต่เป็นทรงสมัย ราชเทวี อันเป็นคนละเจ้ากันกับร้านตัดสูทเก่าแก่ดั้งเดิม ยังมีดราม่าลามไปอีกหลายเรื่อง อาทิ โยนบาปว่านักกีฬาเป็นคนสั่งให้เปลี่ยนแบบ รวมไปถึงเรื่องการใช้งบประมาณ 5 ล้านบาท แบ่งเป็น การออกแบบชุดนักกีฬา 1.5 ล้านบาท ผลิตสื่อสำหรับส่งเสริมภาพลักษณ์ 2 ล้านบาท และประชาสัมพันธ์ 1.5 ล้านบาท ซึ่งแปลว่าใช้งบในการสร้างภาพสูงกว่างบการผลิตชุดเสียอีก อย่างไรก็ตามสุดท้ายทางไทยตัดสินใจเปลี่ยนไปใส่ชุดวอร์มของทางแกรนด์สปอร์ต แทนชุดพิธีการในงานเปิดโอลิมปิก

โอลิมปิกปีนี้นอกจากจะคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม กับโปรความเท่าเทียมกันทางเพศแล้ว โลโก้ ในปีนี้ เป็นลักษณะของหญิงสาวปากแดง ที่ชาวฝรั่งเศสเขาเรียกกันว่า มารียาน (Marianne) อันเป็นสัญลักษณ์เชิงบุคลาธิษฐานประจำชาติ (national personification) ของฝรั่งเศส ในรูปลักษณ์ของสตรีเพศผู้เป็นตัวแทนแห่งเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ ซึ่งปรากฏในภาพวาด The Liberty Leading the People (เสรีภาพนำทางประชาชน) ของเดอลาครัวซ์ อันเป็นสัญลักษณ์ของการโค่นล้มราชบัลลังก์ในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส ที่วาดขึ้นในปี 1830