ThaiPublica > เกาะกระแส > ครม.ลดค่าโอน-จดจำนองเหลือ 0.01% – ก่อสร้างบ้านหักภาษี 1 แสนบาท ออมสิน-ธอส.ลุยปล่อยกู้ 5 หมื่นล้าน

ครม.ลดค่าโอน-จดจำนองเหลือ 0.01% – ก่อสร้างบ้านหักภาษี 1 แสนบาท ออมสิน-ธอส.ลุยปล่อยกู้ 5 หมื่นล้าน

9 เมษายน 2024


เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ร่วมกันแถลงข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

ครม.เคาะมาตรการกระตุ้นอสังหาฯชุดใหญ่ ลดค่าธรรมเนียมโอน – จดจำนองเหลือ 0.01% พร้อมให้สิทธิบุคคลธรรมดานำค่าก่อสร้างบ้านลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1 แสนบาท ด้านออมสิน – ธอส.เตรียมวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท ลุยปล่อยกู้ผู้มีรายได้น้อย – ดีเวลลอปเปอร์ คาดดัน GDP ปี’67 โต 1.8%

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ร่วมกันแถลงข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทย สู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล

โดยนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) เพื่อสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยของประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ และเพื่อเตรียมการรองรับการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) มีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

1. การปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ปี 2567 โดยลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าจดทะเบียนการจำนอง อสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 เฉพาะที่จดทะเบียนโอนในคราวเดียวกัน สำหรับการซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ อาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว หรือห้องชุดที่จดทะเบียนอาคารชุด โดยมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา โดยไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้อที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่กฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567

2. มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน กำหนดให้บุคคล ธรรมดา (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือ คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) หักลดหย่อนค่าจ้างก่อสร้างบ้านให้แก่ผู้รับจ้าง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการจ่ายค่าจ้างตามสัญญาจ้างตั้งแต่วันนี้ (9 เมษายน 2567) ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยให้หักลดหย่อนภาษีได้ 1 หมื่นบาทต่อทุกจำนวนค่าก่อสร้าง 1 ล้านบาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 1 แสนบาท (ค่าก่อสร้างบ้านสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท) เฉพาะค่าจ้างก่อสร้างบ้านไม่เกิน 1 หลัง ในปีภาษีที่ก่อสร้างบ้านเสร็จ ตามสัญญาจ้างที่ได้กระทำขึ้นและเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันนี้ (9 เมษายน 2567) ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 และได้เสียอากรแสตมป์โดยวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ในส่วนของ ธอส. ได้จัดทำ “โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home” กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน ห้องชุด (คอนโดมิเนียม) ปลูกสร้าง และเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย (ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด) ในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก เท่ากับ 3.00% ต่อปี ปีที่ 6-7 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี ปีที่ 8-9 เท่ากับ MRR-1.50% ต่อปี ปีที่ 10 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อยเท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี ลูกค้าสวัสดิการเท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยสำหรับซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันอยู่ที่ 6.90% ต่อปี) พิเศษฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900 – 2,300 บาท)

“โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home เป็นโครงการที่สานต่อจากโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ(บ้านล้านหลัง) ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าทั้ง 3 ระยะ โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีลูกค้าเข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 89,180 บัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อสูงถึง 75,685 ล้านบาท ธอส.จึงพร้อมเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพิ่มขึ้นต่อไป ด้วยการสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยในเงื่อนไขผ่อนปรนให้สามารถจัดหาที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองให้สอดคล้องกับคุณภาพชีวิต และความเหมาะสมของรายได้ โดยกลุ่มผู้มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 25,000 บาท พิจารณาเกณฑ์รายได้ ไม่เกิน 1 ใน 2 ของรายได้สุทธิต่อเดือน ทั้งนี้ ส่วนกลุ่มผู้มีรายได้ต่อเดือนเกิน 25,000 บาท เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด” นายกมลภพ กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วม “โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home” ธนาคารเปิดให้รับรหัสเข้าร่วมโครงการได้พร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2567 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน Mobile Application : GHB ALL GEN พร้อมสมัคร Line GHB Buddy และรับรหัส 6 หลัก เพื่อนำมาประกอบการยื่นขอสินเชื่อตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2567 เป็นต้นไป และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือก่อนกำหนดระยะเวลาดังกล่าวหาก ธอส. ให้สินเชื่อเต็มกรอบวงเงินโครงการแล้ว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

นายกมลภาพ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ธนาคารยังได้จัดทำโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life วงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท โดย ธอส.สนับสนุนสินเชื่อ ให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ปลูกสร้างอาคารหรือซื้อที่ดินพร้อม ปลูกสร้างอาคาร เพื่อต่อเติม ขยาย หรือซ่อมแซมอาคาร หรือ ไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ร้อยละ 2.98 ต่อปี วงเงินต่อรายตั้งแต่ 2,500,000 บาทขึ้นไป โดยประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถยื่นคำขอกู้กับ ธอส. ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือ จนกว่า ธอส. ให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินของโครงการ

รวมทั้ง ธอส.ยังให้การส่งเสริมกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (โครงการบ้าน BOI) คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ออกประกาศที่ ส. 1/2567 ลงวันที่ 15 มีนาคม 2567 ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 3 ปี ในวงเงิน ไม่เกินร้อยละ 100 ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) สำหรับการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้

    1) ที่อยู่อาศัยที่ขอรับการส่งเสริม กรณีอาคารชุดต้องมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 24 ตารางเมตร และกรณีบ้านเดี่ยวหรือบ้านแถว ต้องพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 70 ตารางเมตร

    2) การก่อสร้างที่อยู่อาศัย ที่ขอรับการส่งเสริมต้องจำหน่ายให้บุคคลธรรมดาเท่านั้น โดยก่อสร้างที่อยู่อาศัย (รวมค่าที่ดิน) ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท

    3) ต้องมีที่อยู่อาศัยตามเงื่อนไขที่กำหนดไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของที่อยู่อาศัยทั้งโครงการ

    4) มีแผนผังและแบบแปลน ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ และได้รับการอนุญาตก่อสร้างอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    5) ต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในวันทำการสุดท้ายของปี 2568 เป็นต้น

ด้านนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ในส่วนของธนาคารออมสินได้จัดเตรียมสินเชื่อ เพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลเอาไว้ 2 โครงการมีรายละเอียดดังนี้

1) โครงการสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อคนไทย วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนสินเชื่อสำหรับบุคคลทั่วไป เพื่อซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ห้องชุด หรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ร้อยละ 2.95 ต่อปี โดยปีที่ 1 คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.95 ปีที่ 2 ร้อยละ 2.95 และปีที่ 3 ร้อยละ 3.95 ภายใต้วงเงินกู้สูงสุดต่อรายไม่เกิน 7,000,000 บาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี พร้อมเงื่อนไขเงินงวดผ่อนชำระต่ำพิเศษ เริ่มต้น 2,500 บาทต่อเดือน โดยสามารถยื่นคำขอกู้กับธนาคารออมสินได้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2567 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินโครงการ และทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 30 มกราคม 2568

2) โครงการสินเชื่อ D-HOME สำหรับผู้ประกอบการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการนำไปเป็นเงินลงทุน ได้แก่ ค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง ค่าพัฒนาสาธารณูปโภค หรือ เป็นเงินหมุนเวียนในกิจการ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 3.50 ต่อปี ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 4 ปี ฟรีค่าธรรมเนียม โดยผู้สนใจสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2567 เป็นต้นไป และทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวต่อว่า มาตรการดังกล่าวข้างต้นจะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งห่วงโซ่อุปทานการผลิต (Supply Chain) ส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศ อันจะก่อให้เกิด การจ้างงาน การผลิต รวมถึงอาจก่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวม คาดว่ามาตรการทั้งหมดจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.7 – 1.8% อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวแล้ว ยังมีประเด็น การพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ ซึ่งมีความสำคัญ และเกี่ยวข้องกับวิสัยทัศน์ Thailand Vision ในการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ซึ่งมีเป้าหมายในการดึงดูดนักลงทุน และผู้มีความเชี่ยวชาญพิเศษที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตให้มาลงทุนในประเทศไทย รวมถึงการปรับกระบวนการทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการถือครองทรัพย์สิน ดังนั้น คณะรัฐมนตรี จึงได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ไปดำเนินการพิจารณา ศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการซึ่งจะได้นำเสนอกลับมาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง