ThaiPublica > เกาะกระแส > ความสำเร็จจากยอดขายรถยนต์ EV ของ BMW ให้บทเรียนอะไรแก่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิม

ความสำเร็จจากยอดขายรถยนต์ EV ของ BMW ให้บทเรียนอะไรแก่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิม

28 มีนาคม 2024


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

รถยนต์ BMW New Klasse ที่มาภาพ : wikimedia commons

ในบทรายงานของ nytimes.com ชื่อ BMW Is a Surprise Winner in Electric Vehicles เขียนไว้ว่า ในโรงงานการผลิตรถยนต์ของ BMW ที่เมืองมิวนิก คนนอกมองแล้วแยกไม่ออกว่า รถยนต์ที่ผลิตออกมา คันไหนเป็นรถยนต์ใช้แบตเตอรี่ คันไหนใช้น้ำมัน หรือคันไหนแบบไฮบริด แต่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า สิ่งนี้ไม่ใช่ระบบการผลิตรถยนต์ที่ดี

รถยนต์ EV ของ BMW ผลิตออกมาจากสายพานการผลิตเดียวกันกับรถยนต์ใช้น้ำมัน และมีรูปทรงเหมือนกัน วิธีการผลิตที่ใช้ตัวถังรถยนต์แบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ EV รถไฮบริด หรือรถยนต์ใช้น้ำมัน มักถูกมองว่าเป็นวิธีการผสมผสานประนีประนอมของการผลิต ที่ไม่มีประสิทธิภาพ บริษัทรถยนต์ที่ตั้งขึ้นมานานแล้ว ในอันที่จะเอามาต่อสู้แข่งขันกับ Tesla หรือผู้ผลิตรถยนต์ EV ของจีน ที่ออกแบบรถยนต์ มาเฉพาะ สำหรับรถยนต์ใช้แบตเตอรี่

ความสำเร็จของ BMW

แต่วิธีการผลิตรถยนต์ดังกล่าวของ BMW กลับได้ผล ปี 2023 BMW ขายรถยนต์ EV ได้ทั้งหมด 376,000 คัน รวมถึงรถยนต์ EV ในยี่ห้อ Mini ยอดขายนี้เพิ่มขึ้นถึง 75% จากปี 2022 ตลาดรถยนต์ EV ระดับหรูหราของ BMW ยังเป็นรอง Tesla ที่ครองตลาดจากยอดขาย 1.8 ล้านคันในปี 2023 ยอดขายรถยนต์ EV มีสัดส่วน 15% ของยอดขายทั้งหมดของ BMW เพิ่มจาก 9% จากปีก่อนหน้านี้

ยอดขายรถยนต์ EV ที่เพิ่มสูงขึ้นของ BMW เกิดขึ้นในขณะที่ยอดขายรถยนต์ EV ทั่วโลกเพิ่มขึ้นแบบลดลง ขณะที่บริษัท Ford และ General Motors ขาดทุนจากการขายรถยนต์ EV แต่ BMW กลับมีกำไรจากรถยนต์ไฟฟ้า ความสำเร็จของ BMW ให้ความหวังแก่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิม ในท่ามกลางกระแสการส่งออกรถยนต์ EV ของจีน เช่น รถ BYD ไปยังเอเชีย ยุโรป และลาตินอเมริกา

ขณะที่รถยนต์ EV กำลังเคลื่อนตัวเข้ามายึดครอง ตลาดกระแสหลักของรถยนต์มากขึ้น ความนิยมในรถยนต์ EV ของ BMW ช่วยสะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคจำนวนมากยังชื่นชม และให้คุณค่ากับความคุ้นเคยและฝีมือคุณภาพของบริษัทรถยนต์ ที่ตั้งมายาวนาน และระมัดระวังต่อรถยนต์ยี่ห้อใหม่

ยุทธศาสตร์ของ BMW

ความสำเร็จของ BMW ช่วยทำให้เห็นเส้นทางในอนาคตของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ที่ผลิตรถยนต์มาแล้วหลายทศวรรษ และมีพัฒนาก้าวหน้าที่ล่าช้า ในการเปลี่ยนผ่านมาสู่การผลิตรถยนต์ใช้แบตเตอรี่

กลยุทธ์ของ BMW มีลักษณะ “การซื้อเวลา” ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่และการออกแบบเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกันก็ทำให้ BMW สามารถรับมือกับภาวะขึ้นลงของอุปสงค์การซื้อรถยนต์ เพราะสามารถปรับเปลี่ยนการผลิตรถยนต์ในแบบต่างๆได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ EV รถยนต์ใช้น้ำมัน หรือแบบไฮบริด

แนวทางดังกล่าวทำให้ BMW สามารถรอคอยลูกค้าที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนจากเดิมทันทีทันใด BMW ยังมีรถยนต์ไฮบริดหลายแบบ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกระบบเทคโนโลยีการขับเคลื่อนรถยนต์ ได้เหมือนกับการเลือกสีรถ Oliver Zipse ผู้บริหาร BMW กล่าวว่า “เราจะสูญเสียลูกค้าดั้งเดิม หากบอกพวกเขาว่า พวกคุณเป็นส่วนหนึ่งของโลกเก่าล้าสมัย”

ในปีหน้า BMW จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เรียกว่า New Klasse หรือ New Class ที่เป็นรถยนต์นั่งและรถยนต์ SUV ที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ สามารถบรรจุพลังงานมากขึ้น จอภาพดิจิทัลอยู่ที่ขอบกระจกหน้ารถ ให้ข้อมูลความเร็ว ระยะทาง สภาพอากาศ และการเคลื่อนไหวของรถ โดยที่สายตาคนขับไม่ต้องเลิกมองที่ถนน นอกจากนี้ยังมีระบบเทคโนโลยีขับเองอัตโนมัติ เช่น เอามือออกจากพวกมาลัย เมื่อขับบนทางด่วน หรือการเปลี่ยนช่องจราจร โดยวิธีมองมาที่กระจกข้าง เป็นต้น

บทความของ nytimes.com กล่าวว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Tesla พิสูจน์ให้เห็นว่า รถยนต์ไฟฟ้า เป็นรถยนต์ที่ใช้งานได้ในโลกที่เป็นจริง ขับขี่สนุก แต่ยังมีประเด็นปัญหาที่ว่า บริษัทรถยนต์จะเป็นฝ่ายกำหนดชะตากรรมอุตสาหกรรมนี้ได้หรือไม่ Tesla มีต้นกำเนิดจากซิลิคอนแวล์เลย์ เป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์ และเทคโนโลยีแบตเตอรี่

แต่ Tesla ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในเรื่องการผลิตและการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ส่วนบริษัทรถยนต์ดั้งเดิมมีประสบการณ์ในการผลิตรถยนต์มายาวนาน แต่ประสบปัญหายากลำบาก ในการพัฒนาทักษะเรื่องแบตเตอรี่และซอฟต์แวร์

แต่ BMW คงเป็นบริษัทรถยนต์ที่สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากความชำนาญทางวิศวกรรมรถยนต์ ตราสินค้าที่แข็งแกร่ง และส่วนต่างผลกำไรทำให้มีเงินที่จะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่

นักวิเคราะห์เชื่อว่า ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ BMW มีโอกาสสูงในการแข่งขัน ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ก็ได้พิสูจน์ในสิ่งนี้

ที่มาภาพ : BMW Group

การเปลี่ยนผ่านที่มาจากความได้เปรียบ

ที่ผ่านมา ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ระดับพรีเมียม์ BMW ได้เริ่มการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้า โดยอาศัยความได้เปรียบบางอย่าง นิตยสาร Consumer Report สำรวจคะแนนความนิยมของรถยนต์ปี 2024 ปรากฏว่า อันดับ 1 และ 2 ของปีนี้ เป็นรถยนต์ยี่ห้อเดียวกับปี 2023 อันดับ 1 คือ BMW และอันดับ 2 คือ Subaru ที่ได้คะแนนสูงจากการทดสอบการขับบนถนน และความไว้วางใจในการทำงานของรถยนต์ ส่วน Tesla อยู่ดับดับ 18

แต่ Tesla ก็มีความได้เปรียบ Tesla Model 3 ราคาเริ่มต้นที่ 75,000 ดอลลาร์ ชาร์จครั้งหนึ่งวิ่งได้ไกล 600 กม. เทียบกับ BMW i7 ราคา 100,000 ดอลลาร์ ชาร์จต่อครั้งขับได้ไกล 480 กม. แต่ BMW กล่าวว่า รถไฟฟ้ารุ่นต่อไป จะมีระยะทางวิ่งเพิ่มขึ้น 30% เป็น 624 กม. ส่วน Tesla ไม่ได้ออกรถนั่งรุ่นใหม่มาตั้งแต่ปี 2020

เป็นทั้งบริษัทรถยนต์และ “บริษัทเทคโนโลยี”

หนังสือ The BMW Century (2022) เขียนความเป็นมาของ BMW ไว้ว่า BMW ที่ย่อมาจาก Bavaria Motor Works เป็นบริษัทที่บริหารจัดการโดยวิศวกร ทำให้การออกแบบผลิตภัณฑ์สมบูรณ์แบบ BMW ตั้งขึ้นในปี 1916 เพื่อผลิตเครื่องยนต์เครื่องบิน ปี 1928 BMW ซื้อบริษัทรถยนต์เยอรมันแห่งหนึ่ง ที่ได้ใบอนุญาตจากบริษัท Austin ของอังกฤษ ในการผลิต Austin 7 แต่ BMW เอามาผลิตออกมาในนามของรถ BMW

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 BMW เน้นผลิตด้านทหาร เช่นมอเตอร์ไซด์ทหารบก และเครื่องยนต์ของเครื่องบิน เมื่อสงครามสิ้นสดลง โรงงานของ BMW ถูกทำลายหมด หลังสงคราม BMW ไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิตรถยนต์ เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงคราม BMW จึงหันไปผลิตรถจักรยานแทน การผลิตรถยนต์มาเริ่มได้ในปี 1952

ต้นทศวรรษ 1960 BMW เริ่มผลิตรถยนต์ขนาดเล็กที่เป็นตลาดบน ทำให้มีการผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆออกมา เช่น Series 5 ในปี 1972 Series 3 ในปี 1975 และ Series 7 ในปี 1978 ที่เป็นรถยนต์ออกแบบในเยอรมันทั้งหมด ปี 1995 BMW เปิดตัวรถยนต์สปอร์ต Z และรถยนต์ SUV X ปี 2010 BMW ผลิตรถยนต์ไฮบริดออกมาเป็นครั้งแรก

เนื่องจากในปี 2035 กลุ่ม EU จะห้ามไม่ให้มีการขายรถยนต์ใหม่ ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ปัญหาท้าทายของ BMW คือการรักษาภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ ที่มีความเร็วสูง อุปกรณ์มีความช่ำชอง ออกแบบมาอย่างดีเพื่อใช้งานสะดวก และมีความคุ้มค่า ในการเข้าสู่ยุครถยนต์ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด

Oliver Zipse CEO ของ BMW กล่าวว่า “BMW ไม่ใช่แค่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ แน่นอน BMW คือบริษัทรถยนต์ แต่สิ่งสำคัญ BMW คือบริษัทเทคโนโลยี ที่มีความสามารถที่จะบูรณาการเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาอยู่ในผลิตภัณฑ์หนึ่ง”

เอกสารประกอบ
The BMW Century, Tony Lewin and Tom Purves, Motorbooks, 2022.
BMW Is a Surprise Winner in Electric Vehicles, March 9, 2024, nytimes.com