ThaiPublica > คนในข่าว > “ปราโบโว ซูเบียนโต” ประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซีย

“ปราโบโว ซูเบียนโต” ประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซีย

21 มีนาคม 2024


ปราโบโว ซูเบียนโต ที่มาภาพ:เพจ Prabowo Subianto

ปราโบโว ซูเบียนโต ได้รับการประกาศให้เป็นประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งเมื่อวันพุธ(20 มีนาคม 2567) หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งทั่วไป รับรองผลการเลือกตั้งระดับประเทศจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

รัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งจับมือกับ ยิบราน รากาบูมิง รากา ลูกชายคนโตของประธานาธิบดี โจโค วิโดโด เป็นคู่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีลงสมัคร ได้รับคะแนนเสียงถึง 58.59% ซึ่งหมายความว่าไม่จำเป็นต้องมีการเลือกรอบสอง

การกวาดชัยชนะครั้งนี้มาจากการมีคะแนนนำใน 36 จังหวัดจากทั้งหมด 38 จังหวัด ปราโบโวแพ้เพียงในอาเจะห์และสุมาตราตะวันตก ให้กับอานีส บาสเวดาน คู่แข่งที่สูสีเท่านั้น

คณะกรรมการการเลือกตั้งกล่าวว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีมีคะแนนเสียงที่ถูกต้องตามกฎหมาย 164.2 ล้านเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงทะเบียนใน 38 จังหวัด และจากการลงคะแนนเลือกตั้งนอกประเทศอีก 128 จุด

ปราโบโวและยิบรานได้รับคะแนนเสียง 96.2 ล้านเสียง ขณะที่อานีสและ มูไฮมิน อิสกันดาร์ คู่ผู้สมัครชิงตำแหน่งได้รับคะแนนเสียง 40.97 ล้านเสียง

อีกหนึ่งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกันจาร์ ปราโนโวและคู่สมัครโมฮัมหมัด มาห์ฟุด ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยพรรคIndonesian Democratic Party of Struggle ได้รับคะแนนเสียงเพียง 27.04 ล้านเสียง

การรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีดำเนินการควบคู่กับผลการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติที่สำนักงานใหญ่ KPU ในกรุงจาการ์ตา

ปราโบโวแถลงจากบ้านพักในเมืองหลวงจาการ์ตา ท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างกึกก้องจากผู้สนับสนุน ได้กล่าวขอบคุณชาวอินโดนีเซียและพรรคของเขาที่ช่วยให้เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของประเทศ

“เราขอขอบคุณพระเจ้าผู้ทรงอำนาจ สำหรับการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการเลือกตั้ง” ปราโบโวกล่าว “เราขอขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างมากต่อชาวอินโดนีเซียทุกคนที่ได้ใช้สิทธิในการลงคะแนนเสียง”

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ความนิยมของปราโบโวเพิ่มสูงขึ้น จากพลังการปลุกเร้าความรักชาติในการกล่าวปราศรัยเชิงประชานิยม บุคคลที่มีอำนาจที่น่าเชื่อถือในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม และการสนับสนุนจากประธานาธิบดีวิโดโด

ปราโบโวยังกล่าวขอบคุณประธานาธิบดีวิโดโด อดีตคู่แข่งที่เขาพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งถึง สองครั้งในปี 2557 และ 2562

ปราโบโวกล่าวว่า เขาเคารพผู้ที่เลือกลงคะแนนเสียงที่แตกต่างกัน

“เราขอเรียกร้องให้ชาวอินโดนีเซียทุกคนมองไปสู่อนาคตด้วยกัน” เขากล่าวในการแถลงข่าว “เราต้องสามัคคีและร่วมมือกันเพราะความท้าทายของเราในฐานะประเทศนั้นใหญ่มาก”

เพจ Prabowo Subianto บัญชีโซเชียลมีเดียของ ปราโบโว ได้มีการโพสต์ข้อความขอบคุณในนามของปราโบโวและยิบราน และในนามForward Indonesia Coalition ว่า ขอแสดงความขอบคุณและขอบคุณชาวอินโดนีเซียทุกคนที่ได้ใช้สิทธิลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งปี 2567

“เรา ปราโบโว-ยิบราน ขอเชิญชวนชาวอินโดนีเซียทุกคนให้มองไปข้างหน้า สามัคคี และจับมือกัน เพราะความท้าทายของเราในฐานะประเทศยังคงมีอีกมา และเพื่อนำอินโดนีเซียไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและความยุติธรรม” ตอนนี้อินโดนีเซียต้องสามัคคี ต้องเข้มแข็ง และต้องการทำงานให้หนักที่สุดเพื่อชาวอินโดนีเซีย

ปราโบโวในวัย 72 ปี คว้าชัยในการเลือกตั้งด้วยคำมั่นว่าจะสานต่อนโยบายของประธานาธิบดีวิโดโด และอาศัยกระแสความนิยมในตัวประธานาธิบดี และใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok เพื่อดึงเสียงสนับสนุนจากกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนหนุ่มสาวของอินโดนีเซีย

ผลนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการหลังการปิดหีบลงคะแนนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปราโบโว ก็ได้ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งไปแล้ว ด้วยคะแนนเสียงที่นำเหนือคู่แข่งอย่างมาก

  • “ปราโบโว ซูเบียนโต” ประธานาธิบดีคนต่อไปของอินโดนีเซีย
  • “เราไม่ควรหยิ่งผยอง เราไม่ควรภาคภูมิใจ เราไม่ควรร่าเริง เรายังต้องถ่อมตัว ชัยชนะครั้งนี้จะต้องเป็นชัยชนะของชาวอินโดนีเซียทุกคน” ปราโบโว กล่าวปราศรัยที่ออกอากาศทางโทรทัศน์แห่งชาติจากสนามกีฬาในวันนั้น

    ประธานาธิบดีคนใหม่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ตุลาคม และจะต้องแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีภายในสองสัปดาห์

    ปราโบโว ซูเบียนโต ที่มาภาพ:เพจ Prabowo Subianto

    ผู้นำทั่วโลกแสดงความยินดี

    หลังการรับรองผลอย่างเป็นทางการ ปราโบโวได้รับข้อความแสดงความยินดีจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงรัฐบาลจีน รัสเซีย ฝรั่งเศส ดัตช์ และอังกฤษ ซึ่งต่างแสดงถึงความยินดีที่จะได้ร่วมงานกับรัฐบาลใหม่ภ่ายใต้การนำของเขา

    “เราตั้งตารอที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประธานาธิบดีซูเบียนโต และฝ่ายบริหารของเขา เมื่อพวกเขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนตุลาคม” นายแอนโทนี เจ. บลินเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวหลังจากชัยชนะของปราโบโวได้รับการยืนยัน

    ด้านนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แสดงความยินดีกับ ปราโบโว ซูเบียนโต ผ่านการโพสต์บนบัญชีโซเชียลมีเดียของเขาวันนี้(21 มี.ค)สำหรับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของอินโดนีเซียในปี 2567

    นายอันวาร์กล่าวว่า เขาได้รับแจ้งว่าเขาเป็นผู้นำคนแรกที่แสดงความยินดีกับปราโบโว หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งทั่วไปประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับว่าค่อนข้างมีความหมาย เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของคุณค่าแห่งมิตรภาพของมาเลเซียและอินโดนีเซียในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและสำคัญ

    “เราทั้งสองมุ่งมั่นที่จะกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีในด้านต่างๆ ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน และให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในเวทีพหุภาคีต่างๆ โดยเฉพาะในอาเซียน” นายอันวาร์กล่าว

    ปราโบโว ซูเบียนโต และยิบราน รากาบูมิง รากา ที่มาภาพ:เพจ Prabowo Subianto

    ผู้สมัครคะแนนอันดับสองและสามฟ้องผลเลือกตั้ง

    ด้านผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงอันดับสองและสามปฏิเสธที่จะยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยในเช้าวันพฤหัสบดี ทนายความของนายอานีสได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และกันจาร์ ปราโนโว เองก็มีแผนยื่นคำร้องต่อศาลด้วย

    “เราไม่ต้องการปล่อยให้ความเบี่ยงเบนไปจากระบอบประชาธิปไตยต่างๆ เหล่านี้ผ่านไปโดยไม่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ และกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีสำหรับผู้จัดการเลือกตั้งในอนาคต” นายอานีสกล่าวหลังจากประกาศผลทางการ

    พวกเขากล่าวหาว่า มีการฉ้อโกง โดยชี้ไปที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของลูกชายของประธานาธิบดีวิโดโด เนื่องจากวิโดโดไม่สามารถลงสมัครได้อีกต่อไป และการลงสมัครของลูกชายถูกมองว่าเป็นสัญญานของการสนับสนุนปราโบโวโดยปริยาย

    ยิบราน รากาบูมิง รากา ลูกชายของวิโดโด วัย 37 ปี แต่สามารถเป็นคู่ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของปราโบโว หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ยกเว้นข้อกำหนดอายุขั้นต่ำที่ 40 ปีสำหรับผู้สมัคร หลังจากนั้น หัวหน้าคณะผู้พิพากษาของศาล ซึ่งเป็นพี่เขยของวิโดโด ก็ถูกคณะกรรมการจริยธรรมถอดถอน เนื่องจากไม่ถอนคำพิพากษาและเปลี่ยนเงื่อนไขคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งในนาทีสุดท้าย

    ทีมรณรงค์ของนายอานีสและปราโนโวกล่าวว่า พร้อมจัดส่งหลักฐานประกอบการฟ้องร้อง

    อย่างไรก็ตาม ทีมกฎหมายของปราโบโว มั่นใจว่า การฟ้องร้องผลการเลือกตั้งจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเขาชนะด้วยคะแนนนำที่ทิ้งห่างอย่างมาก สื่อท้องถิ่นรายงานเมื่อวันอังคาร ปราโบโวเองก็ฟ้องศาลเมื่อเขาแพ้โจโควีในปี 2562

    ที่มาภาพ:เพจ Prabowo Subianto

    นักวิเคราะห์มองนโยบายต่อเนื่อง

    เส้นทางสู่ชัยชนะของปราโบโว ก่อให้เกิดการถกเถียงและความกังวลเกี่ยวกับการเมืองระบบอุปถัมภ์ จากการเป็นพันธมิตรของเขากับประธานาธิบดีที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ตำแหน่งของเขาในทางที่ผิดเพื่อสนับสนุนอดีตคู่แข่ง

    ปราโบโวเิองถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนในติมอร์ตะวันออก ซึ่งแยกตัวจากอินโดนีเซียในปี 2545 หลังจากการล่มสลายของรัฐบาลซูฮาร์โต และในพื้นที่ปาปัวตะวันออกของอินโดนีเซียที่มีปัญหา

    ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ปราโบโวและยิบรานสัญญาว่าจะสานต่อนโยบายของประธานาธิบดีวิโดโด ที่ได้รับคะแนนนิยมประมาณ 80% แต่ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งภายใต้ข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ

    นักวิเคราะห์กล่าวว่า ชัยชนะของปราโบโวและยิบรานจะส่งผลให้เกิดความต่อเนื่องในนโยบายของประธานาธิบดีวิโดโด

    “ยังเร็วไปหน่อยที่ประประเมิน แต่เมื่อพิจารณาจากคำแถลงก่อนหน้านี้ของเขาว่าเขาจะเป็นผู้สมัครที่มีความต่อเนื่อง เราคาดว่าปราโบโวจะยังคงนโยบาย (ของ วิโดโด) เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับจีน” นิโคลาส มาปานักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ ING วาณิชธนกิจของเนเธอร์แลนด์ให้ความเห็น

    จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย และวิโดโดซึ่งเป็นผู้นำของอินโดนีเซียในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่กระชับความร่วมมือทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศให้ลึกยิ่งขึ้น

    มรดกชิ้นหนึ่งของวิโดโดที่ทิ้งไว้คือ ทางรถไฟความเร็วสูงที่ได้รับทุนสนับสนุนจากจีน ซึ่งเชื่อมต่อเมืองหลวงจาการ์ตากับจังหวัดชวาตะวันตก รถไฟหัวกระสุนซึ่งถือเป็นโครงการแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหนึ่งในโครงการที่โดดเด่นที่สุดภายใต้โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง

    มูฮัมหมัด ฮาบิบ อาบียัน ซัควาน นักวิจัยจากศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศในสังกัดกรมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในกรุงจาการ์ตา กล่าวว่า นโยบายต่างประเทศของอินโดนีเซีย “ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง” ภายใต้รัฐบาลปราโบโว-ยิบราน

    “ภายใต้การบริหารของพวกเขา อินโดนีเซียจะยังคงเป็นมิตรกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน สหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และอื่นๆ” ซัควานกล่าว โดยชี้ไปที่นโยบายต่างประเทศ bebas dan aktif (independent and active) ของอินโดนีเซีย

    ปราโบโวกล่าวในการแถลงข่าวก่อนหน้านี้ว่า GDP ของอินโดนีเซียอาจสูงถึง 8% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเติบโต 5.05% ในปี 2566 และเป้าหมาย GDP อย่างเป็นทางการที่ 5.3% สำหรับปีนี้

    มาปา จาก ING กล่าวว่า เพื่อให้บรรลุอัตราการเติบโต 8% นั้นปราโบโวต้องหาแหล่งการลงทุนอื่น

    “เขายังให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตามวินัยทางการคลัง ในขณะเดียวกันก็ผลันดันเป้าหมายการเติบโตนี้”

    ทาฮิด อาหมัด กรรมการบริหารของสถาบันเพื่อการพัฒนาเศรษฐศาสตร์และการเงินในกรุงจาการ์ตา กล่าวว่า เป้าหมายการเติบโตของปราโบโวอาจ “ยากที่จะบรรลุ”

    “ดูแล้วว่าเขา (ปราโบโว) ยังไม่เข้าใจปัญหาหลัก (ที่อินโดนีเซียต้องเผชิญ)”

    อาหมัด ยังเตือนเกี่ยวกับการพัฒนาในอนาคตของนโยบาย hilirisasi (อุตสาหกรรมแร่ขั้นปลายน้ำ) ที่วิโดโดสนับสนุน และปราโบโวได้ให้คำมั่นว่าจะดำเนินต่อเนื่องภายใต้การนำของเขา โดยชี้ไปที่ตลาดแร่ธาตุและผลิตภัณฑ์จากแร่ระดับโลก และบอกว่าปราโบโวอาจต้องการทบทวนนโยบาย hilirisasi

    “นโยบายhilirisasi ไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจของเรา” อาหมัดกล่าวและว่า รัฐบาลอาจจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น สิ่งทอ เหล็ก และเฟอร์นิเจอร์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโต