ThaiPublica > สู่อาเซียน > โรงพยาบาลเวชธานี ขยายตลาดสู่เวียดนามตั้งสำนักงานตัวแทน สร้างความเชื่อมั่นผู้ป่วยต่างชาติ

โรงพยาบาลเวชธานี ขยายตลาดสู่เวียดนามตั้งสำนักงานตัวแทน สร้างความเชื่อมั่นผู้ป่วยต่างชาติ

14 มกราคม 2024


ตามที่รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยจึงเป็นจุดหมายปลายทางของ “การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์” (Medical Tourism) สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากกลุ่ม CLMV กลุ่มตะวันออกกลาง และจีน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ด้วยทรัพยากรที่พรั่งพร้อม รวมถึงความชำนาญและมาตรฐานการรักษาระดับนานาชาติและการบริการในแบบ Thai Hospitality

โรงพยาบาลเวชธานี เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ที่มีความพร้อมในการให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยมาตรฐานสากล Joint Commission International (JCI) ซึ่งเรามีทีมแพทย์เฉพาะทางหลากหลายสาขา พร้อมด้วยเทคโนโลยีตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ทันสมัย ทำให้การรักษาโรคที่ซับซ้อนเป็นไปอย่างปลอดภัย โดยหลายปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลเวชธานีมีผู้ป่วยชาวต่างชาติมาใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งมาจากหลากหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือประเทศเวียดนาม ซึ่งมีกำลังซื้อและความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้น

ดร.นพ.ตุลวรรธน์ พัชราภา ผู้อำนวยการปฏิบัติการ โรงพยาบาลเวชานี กล่าวว่า จากข้อมูลในปี 2566 พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยชาวเวียดนามเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลเวชธานีมากถึง 4,000 ราย โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี ทั้งนี้ สถิติการเจ็บป่วยส่วนใหญ่ของชาวเวียดนาม มักมาพบแพทย์ด้วยเรื่องกระดูกและข้อ ซึ่งสอดคล้องกับที่โรงพยาบาลเวชธานี มีความชำนาญในการรักษาโรคทางกระดูกและข้อ มีศัลยแพทย์กระดูกและข้อเฉพาะทางครบทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงมีเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย เพื่อความถูกต้องแม่นยำและปลอดภัยจนได้รับสมญานามจากชาวตะวันออกกลางว่าเป็น “King of Bones” เราจึงมีความพร้อมอย่างมากในการให้การดูแลรักษาผู้ป่วย โดยได้สร้างอาคาร“King of Bones” และแบ่งศูนย์การรักษาได้แก่ ศูนย์กระดูกและข้อ ศูนย์กระดูกสันหลัง ศูนย์ฟื้นฟูข้อเสื่อม

“นอกจากนี้ เรายังมีศักยภาพการรักษาโรคต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร ที่ให้การบริการแบบครบวงจร One Stop Service พร้อมทีมแพทย์มากประสบการณ์ที่ดูแลรักษาอย่างมืออาชีพ และมีอัตราความสำเร็จมากกว่า 81%, ศูนย์สมองและระบบประสาทที่ให้การรักษาผ่าตัดด้วยเทคโนโลยี Biplane DSA ในห้องผ่าตัดอัจฉริยะ (Hybrid OR) สำหรับโรคทางสมองที่มีความซับซ้อนในการรักษา เพื่อการผ่าตัดที่แม่นยำ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด, ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ซึ่งโรงพยาบาลเวชธานีเป็นโรงพยาบาลที่มีหุ่นยนต์ช่วยกายภาพบำบัดมากที่สุดในประเทศไทย เพื่อการฟื้นฟูผู้ป่วยกลุ่มหลอดเลือดสมอง และผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว, ศูนย์สุขภาพสตรี ซึ่งเรามีเทคโนโลยีการผ่าตัดไร้แผล (NOTES) สำหรับโรคทางนรีเวช ทำให้ผู้รับการผ่าตัดไม่ต้องกังวลเรื่องแผลอีกต่อไปและยังช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ไวขึ้น, และศูนย์มะเร็ง ซึ่งเรามีเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ทันสมัย เพื่อการรักษาที่ตรงจุดและผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ยืนยาว ” ดร.นพ.ตุลวรรธน์กล่าว

ทั้งนี้ จากการศึกษาตลาดของเวียดนามแล้วพบว่า คนเวียดนามมีความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวของประชากรและอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้คนเวียดนามมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น และหันมาใช้จ่ายในสินค้าและบริการด้านสุขภาพมากขึ้น

ดร.นพ.ตุลวรรธน์ พัชราภา ผู้อำนวยการปฏิบัติการ โรงพยาบาลเวชานี

‘ดังนั้น เราจึงเล็งเห็นโอกาสในการขยายตลาดธุรกิจสุขภาพสู่ประเทศเวียดนาม จึงได้ร่วมมือกับบริษัท VIET HEALTH ในการเปิดสำนักงานตัวแทน (Representative Office) ที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เพื่อขยายฐานลูกค้าในประเทศเวียดนาม ซึ่งจะเป็นจุดประสานงานและส่งต่อคนไข้ที่ต้องการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเวชธานี โดยมีเป้าหมายว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าชาวเวียดนามได้มากถึง 20%’

โรงพยาบาลเวชธานี เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีแนวคิดการทำธุรกิจ ที่เน้นสร้างความยั่งยืนในระยะยาวมานานกว่า 10 ปี โดยไม่ได้มองตลาดในประเทศเพียงอย่างเดียวแต่ขยายให้กว้างขึ้นเป็นทั้งโลก ทำให้ตลาดลูกค้าชาวต่างชาติ ใกล้เคียงกับลูกค้าชาวไทย เพราะโรงพยาบาลมีคุณภาพมาตรฐานระดับสากลจนเป็นที่ยอมรับ โดยล่าสุดได้รับรางวัลให้เป็น Hospital of the year จาก Healthcare Asia Award ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน, รางวัล StevieAward สาขา Excellence in innovation in healthcare industries 2023, และรางวัล Prime Minister’s Export Award ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำคุณภาพระดับสูงในการให้บริการแก่ผู้รับบริการทั่วโลก ที่เดินทางมารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเวชธานี ขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub อย่างแท้จริง