ThaiPublica > เกาะกระแส > ศาลปกครองสูงสุดยกอุทธรณ์ – ITV ไม่ต้องใช้หนี้ สปน.

ศาลปกครองสูงสุดยกอุทธรณ์ – ITV ไม่ต้องใช้หนี้ สปน.

25 มกราคม 2024


ศาลปกครองสูงสุดยืนตามศาลชั้นต้น – สั่งยกอุทธรณ์ของ สปน. กรณีอนุญาโต ฯตัดสินให้ทั้ง สปน.-ไอทีวี ต่างไม่มีหนี้ที่ต้องชำระแก่กัน

วันที่ 25 มกราคม 2567 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกอุทธรณ์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ในคดีที่ยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 หมายเลขแดงที่ 1/2559 กรณีวินิจฉัยว่า สปน. และ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ “ไอทีวี” ต่างไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กัน ตามสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ

โดยที่มาคดีนี้ สืบเนื่องมาจากศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองกลาง) มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 620/2559 หมายเลขแดงที่ 1948/2563 ระหว่าง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) ผู้ร้อง กับ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ผู้คัดค้าน ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 1/2559 ที่วินิจฉัยโดยมีสาระสำคัญสรุปได้ว่า

    1. การบอกเลิกสัญญาของผู้ร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    2. ให้ผู้ร้องชดใช้ความเสียหายให้แก่ผู้คัดค้าน จำนวน  2,890.35 ล้านบาท

    3. ผู้คัดค้านต้องชำระค่าตอบแทนส่วนต่างตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ให้แก่ผู้ร้องเป็นเงินจำนวน 2,890.35 ล้านบาท

    4. ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างมีหน้าที่จะต้องชำระหนี้ให้แก่กันและกันในจำนวนเงินเท่ากัน คือ 2,890.35 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้ว ต่างฝ่ายจึงไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กันและกัน

ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า คำอุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นเพียงการโต้แย้งดุลพินิจในการวินิจฉัยรับฟังข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานในสำนวนของคณะอนุญาโตตุลาการ และโต้แย้งเหตุผลในการวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อกฎหมาย และข้อสัญญาระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่กรณีที่เกี่ยวกับการยอมรับ หรือ การบังคับตามคำชี้ขาดจะเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ตามมาตรา 45 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 ประกอบกับคดีนี้ศาลปกครองชั้นต้นได้วินิจฉัยว่า

ผู้ร้องและผู้คัดค้านมีข้อโต้แย้ง หรือ ข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิ หรือ หน้าที่ระหว่างผู้ร้อง และผู้คัดค้านอันเกี่ยวเนื่องกับสัญญาเข้าร่วมงาน และดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ ลงวันที่  3 กรกฎาคม 2538 โดยได้มีการดำเนินการ เพื่อระงับข้อพิพาทหรือข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้าน โดยวิธีการทางอนุญาโตตุลาการ ตามที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านได้ตกลงกันไว้ในสัญญาอนุญาโตตุลาการ แม้ข้อพิพาท หรือ ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้ร้องได้ยื่นฟ้องผู้คัดค้านต่อศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองกลาง) เป็นคดีหมายเลขดำที่ 650/2550  และผู้คัดค้านยื่นคำเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 ขอให้อนุญาโตตุลาการ ชี้ขาดว่า ผู้คัดค้านไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา และผู้ร้องไม่มีสิทธิเรียกค่าตอบแทนขั้นต่ำพร้อมดอกเบี้ย และค่าปรับ

แม้คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลก็ตาม แต่ไม่มีบทบัญญัติใดบัญญัติห้ามไม่ให้คณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทในเรื่องเดียวกัน ประกอบกับศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เพื่อให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านไปดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการแล้ว ไม่ใช่กรณีคู่กรณีฝ่ายเดียวกันยื่นคำเสนอข้อพิพาท หรือ ข้อเรียกร้องในเรื่องเดียวกัน และการเสนอข้อพิพาททั้งสองเรื่องดังกล่าวข้างต้นเป็นการเสนอข้อพิพาทต่อองค์กรชี้ขาดคนละองค์กร จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการเสนอข้อพิพาทซ้อน คำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการจึงอยู่ในขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการ และไม่เกินขอบเขตแห่งข้อตกลงในการเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ

ส่วนกรณีที่ผู้คัดค้านได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ หมายเลขดำที่ 46/2550 ซึ่งเป็นข้อพิพาทในเรื่องเดียวกันกับข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 และยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้คัดค้านได้ดำเนินการใด ๆเพื่อให้คณะอนุญาโตตุลาการดำเนินกระบวนพิจารณา และวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 ต่อไป

ข้อพิพาทตามคำเสนอข้อพิพาทดังกล่าวข้างต้น จึงไม่อาจยุติ หรือ ระงับข้อพิพาททางอนุญาโตตุลาการ ต่อมา ผู้คัดค้านได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550ว่า ผู้ร้องผิดสัญญาเข้าร่วมงานฯ โดยบอกเลิกสัญญา ขอให้ผู้ร้องชดใช้ค่าเสียหายกรณีผิดสัญญาเข้าร่วมงานฯ ผู้คัดค้านจึงยื่นคำเสนอข้อพิพาท และมูลพิพาท อันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิที่ผู้คัดค้านได้กล่าวอ้างเกิดจากการที่ผู้ร้องบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงาน ฯ โดยไม่มีสิทธิ หรือ ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการเสนอข้อพิพาทคนละเรื่องกับข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 คำเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 จึงไม่เป็นการเสนอข้อพิพาทซ้อนกับคำเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 คำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ จึงไม่เป็นคำชี้ขาดที่ขัดต่อข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

ส่วนกรณีที่คณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กันและกัน ซึ่งเป็นอำนาจของคณะอนุญาโตตุลาการในเรื่องดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐาน และการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาท ตามมาตรา 24 และมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 ข้ออ้างของผู้ร้องดังกล่าว ไม่ใช่เหตุที่ศาลจะมีคำพิพากษา หรือ คำสั่งเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการได้ ตามมาตรา 40  แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และมีคำพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ซึ่งไม่ใช่กรณีที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำพิพากษาฝ่าฝืนต่อบทกฎหมาย อันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย หรือ ศีลธรรมอันดีของประชาชน และไม่ตรงกับคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ตามมาตรา 45 วรรคหนึ่ง (2) และ (3) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และไม่ปรากฏว่ามีตุลาการศาลปกครองชั้นต้นในองค์คณะ ซึ่งพิจารณาคดีนี้ได้มีความเห็นแย้งไว้ในคำพิพากษา และไม่ใช่เป็นกรณีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราว ตามมาตรา 45 วรรคหนึ่ง (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว คำอุทธรณ์ของผู้ร้องจึงเป็นคำอุทธรณ์ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 45 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545

ศาลปกครองสูงสุดจึงต้องมีคำสั่งยกอุทธรณ์ตามข้อ 108 วรรคหนึ่ง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ให้ส่งสำเนาคำอุทธรณ์ของผู้ร้องให้คู่กรณีในอุทธรณ์จัดทำคำแก้อุทธรณ์ รวมทั้งกระบวนพิจารณาที่ได้ดำเนินการต่อมาทั้งหมด ตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 และมีคำสั่งยกอุทธรณ์ของผู้ร้อง

อ่าน แถลงข่าวศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกอุทธรณ์คดีพิพาท สปน. – ITV ที่นี่

หลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์ของ สปน. ทางบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือชี้แจงผู้ถือหุ้นผ่าน เว็บไซด์ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) มีใจความดังนี้