ThaiPublica > Sustainability > Headline > “อายิโนะโมะโต๊ะ”เปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่สังคมผู้บริโภคอย่างยั่งยืน ลุยอาหาร-ผลิตภัณฑ์สุขภาพ-จัดการขยะอาหาร

“อายิโนะโมะโต๊ะ”เปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่สังคมผู้บริโภคอย่างยั่งยืน ลุยอาหาร-ผลิตภัณฑ์สุขภาพ-จัดการขยะอาหาร

6 ตุลาคม 2023


“อายิโนะโมะโต๊ะ” ปรับวิสัยทัศน์ใหม่จาก “มุ่งสู่การเป็นบริษัทอาหารที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย” สู่การเป็น “ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน” เปลี่ยนผ่านทางธุรกิจสร้างนวัตกรรมสุขภาพด้วย 3 กลยุทธ์ พร้อมขยายแนวคิดสิ่งแวดล้อมยั่งยืนสู่ผู้บริโภค ด้วยแคมเปญ Too Good To Waste

มร. อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 มร. อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศภารกิจและวิสัยทัศน์ใหม่ รองรับการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจครั้งสำคัญ เดินหน้าสู่ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย ตามค่านิยมหลักเพื่อสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนปี 2573 ของกลุ่มบริษัทฯ ระดับโลก ที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมสร้างสุขภาพดีของผู้คน 1,000 ล้านคนทั่วโลก และส่งเสริมความยั่งยืนของโลกด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ 50%

มร. อิชิโระ ซะกะกุระ  กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับวิสัยทัศน์ใหม่ จากเดิม “มุ่งสู่การเป็นบริษัทอาหารที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย” สู่การเป็น “ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน” โดยมีภารกิจใหม่ ในการอาสาแก้ไขปัญหาด้านอาหารและสุขภาพของสังคมผ่านค่านิยมหลักของบริษัท

พร้อมกันนี้ ยังมุ่งเน้นการดำเนินงานที่ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2573 ของกลุ่มบริษัทฯ ในระดับโลก ด้วยการมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ ผ่านการใช้ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพดีของผู้คนจำนวน 1,000 ล้านคน และการทำงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลง 50% จากการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยอายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย มีแผนเปิดตัวกว่า 10 ผลิตภัณฑ์ภายในปี 2573 เพื่อสนับสนุนคนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีรับสังคมผู้สูงวัยของไทยในอนาคตอันใกล้

นอกจากนี้ได้ขยายผลความสำเร็จในการปลูกฝังแนวคิดการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ ผ่านแคมเปญ Too Good To Waste เพื่อส่งต่อแนวคิดในการจัดการกับการสูญเสียอาหารและขยะอาหารให้กับคนไทยในภาคครัวเรือน

ตั้งเป้าหมายสังคมไทยอยู่ดีกินดี

มร. อิชิโระ ซะกะกุระ บอกอีกว่า บริษัทตั้งเป้าหมายสร้างคมไทยอยู่ดีกินดี โดยจะสนับสนุนคนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีรับสังคมผู้สูงวัยของไทย ด้วยนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพของบริษัทฯ ผ่านกลยุทธ์การดำเนินงานทั้งหมด 3 แนวทาง ประกอบด้วย

1.โภชนาการที่สมดุล เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้นด้วยโภชนาการที่ปราศจากการประนีประนอม (Nutrition without Compromising) ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพซึ่งได้รับการรับรองเครื่องหมาย Healthier Choice Logo เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดโซเดียม โดยคาดว่าจะมีการลดโซเดียมลงประมาณ 50 % ในกลุ่ม รสดี สูตรลดโซเดียม, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ ฯลฯ

กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดน้ำตาล กลุ่มกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้, น้ำตาลไลท์ชูการ์, เบลนดี้ สติ๊ก คาเฟ โอเล ฮาฟแคลอรี่ ฯลฯ) เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาสูตรอาหารเพื่อสุขภาพแต่ยังคงความอร่อย พร้อมทั้งพัฒนาระบบประเมินปริมาณสารอาหารสำหรับเมนูอาหารไทย (Nutrient Profiling System for Thai Menus: NPS-M) ให้คนไทยได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเลือกเมนูอาหารที่ชอบ อร่อย และเหมาะกับสุขภาพของแต่ละคน

2.โภชนาการสำหรับการกีฬาในโครงการ Thailand Victory Project ด้วยการสร้างสรรค์โปรแกรมโภชนาการอาหารที่เหมาะสมกับนักกีฬา (Winning Meal) เพื่อเสริมสมรรถภาพร่างกายให้แข็งแรงและมีพลังงานเพียงพอ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์อะมิโนไวทัล ให้กับทีมนักกีฬาทีมชาติไทยในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ผ่านมา รวมไปถึงแผนการสนับสนุนในอนาคตต่อไป

3.ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับสุขภาพ ด้วยการนำศาสตร์แห่งกรดอะมิโนมาตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพของคนวัยทำงานจนถึงผู้สูงวัย เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบสุดยอด (Hyper-Aged Society) ในปี พ.ศ. 2578 ของไทย โดยได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 10 ผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนอาหารและอาหารเสริม ภายในปี พ.ศ. 2573 เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพให้แก่คนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัย

ตั้งเป้าหมายปี 2573 ลดคาร์บอน 50%

ส่วนการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนอายิโนะโมะโต๊ะ ได้ตั้งเป้าหมายในการดำเนินงาน 5 ด้าน เพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนในปี 2573 ได้แก่

    1) การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50%
    2) การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ 80%
    3) ลดขยะพลาสติกเป็นศูนย์ (รีไซเคิลพลาสติก)
    4) ลดปริมาณของเสียจากอาหารและอื่น ๆ ลง 50%
    5) การจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน 100% ด้วยการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการผลิตในโรงงานและภาคการเกษตร

โดยโรงงานทุกแห่งของบริษัทฯ ได้ดำเนินงานตามแนวทางวัฏจักรชีวภาพในกระบวนการผลิต ที่ได้นำหลัก 3Rs มาใช้ในการจัดการทรัพยากรในโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรน้ำตลอดการผลิตให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการบำบัดและใช้หมุนเวียนภายในโรงงาน  การนำแกลบที่เหลือจากภาคการเกษตรมาเป็นเชื้อเพลิงให้กับหม้อต้มไอน้ำพลังชีวมวลเพื่อผลิตไอน้ำสำหรับกระบวนการผลิต (Biomass Cogeneration) รวมไปถึงการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทดแทนเชื้อเพลิงจากน้ำมันเตา

สำหรับภาคการเกษตร บริษัทฯ ได้ดำเนินงานผ่านโครงการ “การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรไทย” (Thai Farmer Better Life Project) ด้วยการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ควบคู่กับการให้ความรู้ในการปรับปรุงดิน พัฒนาสายพันธุ์มันสำปะหลังซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตผงชูรส ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์โรคใบด่างฯ ซึ่งเป็นโรคระบาดที่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับมันสำปะหลัง โดยสนับสนุนท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาด ทนทาน และปราศจากโรค ให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดข้างเคียง ที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบด่างฯ มาตั้งแต่ปี 2564 รวมถึงปัจจุบันแล้วกว่า 73,025 ต้น

Too Good To Waste จัดการขยะอาหาร

นอกจากนี้ ยังได้เตรียมเปิดตัวแคมเปญ Too Good To Waste ส่งต่อแนวคิดในการจัดการกับการสูญเสียอาหารและขยะอาหารให้กับคนไทยในภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นการต่อยอดแนวทางการจัดการ Food Loss and Food Waste ที่ใช้ในโรงงาน เพื่อลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารจากกระบวนการผลิต ด้วยการนำของเหลือจากกระบวนการผลิตมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ร่วม (Co-Product) ส่งคืนสู่ภาคการเกษตร เช่น การนำน้ำหมักที่เหลือจากกระบวนการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะมาผลิตเป็นปุ๋ยน้ำให้กับพืช และใช้ผสมในอาหารสัตว์ (Fertilizer Animal feed) การนำขี้เถ้าแกลบที่เป็นของเหลือจากโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมจากชีวมวล (Biomass Cogeneration) ไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงดิน

ส่วนความสำเร็จในการดำเนินงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปีงบประมาณ 2562–2565 อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย สามารถลดการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิตลงถึง 91% รวมทั้งการบำบัดน้ำทิ้งที่ได้มาตรฐานสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดก่อนปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ  พร้อมทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 267,000 ตัน หรือเทียบเท่าการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ใหญ่กว่า 30 ล้านต้น และสามารถลดการใช้พลาสติกจากการดำเนินการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ลดขนาดหรือความหนาของบรรจุภัณฑ์พลาสติกลง โดยที่ยังคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไว้ได้ดีเหมือนเดิม หรือการยกเลิกบรรจุภัณฑ์ชั้นที่ 2 ซึ่งทำให้ช่วยลดการใช้พลาสติกลงได้กว่า 307 ตัน นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อลดปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหารได้ถึง 49% หรือประมาณ 1,000 ตัน อีกด้วย