ASEAN Roundup ประจำวันที่ 12-18 มีนาคม 2566
มาเลเซียให้สิทธิภาษีบริษัทระดับโลกที่ย้ายฐานเข้าประเทศ
งบประมาณปี 2566 ของมาเลเซียได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทระดับโลกที่ย้ายฐานธุรกิจเข้ามายังมาเลเซีย โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมหลัก ซึ่งรวมถึงการบินและอวกาศ ยานพาหนะไฟฟ้า และการต่อเรือ เป็นต้น รวมทั้งยังคิดภาษีสำหรับผู้บริหารระดับสูง(C-suite) ในอัตราเพียง 15% จนถึงปีหน้า
นายกรัฐมนตรี ดาโต๊ สรี อันวาร์ อิบราฮิมกล่าวว่า สิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่มีอยู่จะขยายไปถึง 31 ธันวาคม 2568
“การให้สิทธิประโยชน์ภาษีครั้งนี้เป็นการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้เข้ามาดำเนินการในมาเลเซีย รวมทั้งสนับสนุนการขยายกำลังการผลิตของบริษัทที่มีอยู่และดึงดูดการลงทุนจากบริษัทใหม่ มาเลเซียมีศักยภาพสูงในภาคส่วนไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และอวกาศ”
นอจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า Bank Pembangunan Malaysia Berhad จะจัดหาเงินทุนเชิงกลยุทธ์มูลค่า 6 พันล้านริงกิตเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนและระบบอัตโนมัติ นอกเหนือจากการสนับสนุนในรูปของทุนและเงินทุนหมุนเวียนสำหรับบริษัทที่มีศักยภาพสูงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ดาโต๊ะอันวาร์กล่าวว่า รัฐบาลได้พัฒนาโครงการ Tun Razak Exchange (TRX) ให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศของมาเลเซีย “ด้วยเหตุนี้ TRX จึงต้องดำเนินการเพื่อดึงดูดอุตสาหกรรมการเงินทั่วโลก เพื่อที่จะเป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศที่มีคุณภาพสูง ซึ่งสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศทางธุรกิจในมาเลเซีย”
ดาโต๊ะอันวาร์กล่าวว่า รัฐบาลยังวางแผนที่จะเสริมสร้างการพัฒนาของเขตเศรษฐกิจพิเศษ Iskandar Malaysia ในรัฐยะโฮร์บาห์รู ผ่านการพัฒนาเขตการเงินพิเศษพร้อมแพคเกจผลตอบแทนที่แข่งขันได้เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติและแรงงานที่มีความรู้ให้พำนักในมาเลเซีย
“เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้นักลงทุน ผู้ค้า และนักท่องเที่ยวเข้ามา รัฐบาลมีแผนจะยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินนานาชาติปีนังและสนามบินสุบัง
“แผนการขยายที่เสนอจะมี Malaysia Airports Holdings Bhd (MAHB) เป็นผู้นำ และคาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าข้อเสนอสร้างสนามบินแห่งใหม่ในกุลิมซึ่งมีมูลค่าประมาณ 7 พันล้านริงกิต
“นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนโครงการพัฒนาท่าเรือซังลัง(Sanglang) ในรัฐปะลิส เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าปิโตรเลียมและสินค้าเทกอง(bulk cargo)ที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจในรัฐ”
เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ ดาโต๊ะอันวาร์กล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุนข้อเสนอการพัฒนาท่าเรือหลักที่ปูเลา คารี โดยภาคเอกชน “โครงการนี้คาดว่าจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับท่าเรือแกลงในฐานะท่าเรือศูนย์กลางหลักสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับบริษัทที่ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศมาเลเซียประกอบด้วย อัตราภาษีพิเศษระหว่าง 0-10% เป็นเวลา 10 หรือ 15 ปีสำหรับบริษัทใหม่ในภาคการผลิตที่ลงทุนขั้นต่ำ 300 ล้านริงกิต (66.9 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือ 500 ล้านริงกิต (111 ล้านเหรียญสหรัฐ) ตามลำดับ หรือได้รับการลดหย่อนภาษีการลงทุนสูงถึง 100% เป็นเวลา 5 ปีสำหรับบริษัทด้านการผลิตเดิมที่ดำเนินกิจการอยู่ในมาเลเซีย
ภายใต้งบประมาณปี 2566 รัฐบาลได้ขยายระยะเวลาการยื่นขอรับสิทธิประโยชน์สำหรับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์(Electric and Electronics -E&E) ที่ต้องการย้ายโรงงานผลิตไปยังมาเลเซียเท่านั้น โดยเปิดให้ยื่นได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567
ด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้บริหารระดับสูงชาวต่างชาตินั้น ปัจจุบัน ผู้บริหารระดับสูงชาวต่างชาติหรือผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในบริษัทที่ย้ายโรงงานผลิตไปยังมาเลเซียได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีเงินได้คงที่ที่ 15% แต่งบประมาณปี 2566 ได้ขยายสิทธิทางภาษีออกไปอีก 2 ปี และจะมีผลกับบุคคลที่ทำงานในบริษัทในกลุ่ม E&E เท่านั้น โดยยื่นขอได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567
เวียดนามเล็งลดเพดานถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในแบงก์พาณิชย์
ธนาคารกลางเวียดนามกำลังดำเนินการที่จะลดเพดานการถือหุ้น ที่นักลงทุนสามารถถือครองได้ในธนาคารพาณิชย์เวียดนาม จากข้อมูลในเอกสารฉบับร่างที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่เผยแพร่ ซึ่งจะทำให้ภาคส่วนนี้มีความน่าสนใจน้อยลงสำหรับชาวต่างชาติ
ภายใต้ข้อเสนอที่เผยแพร่โดยธนาคารกลางเวียดนามบนเว็บไซต์ นักลงทุนรายบุคคลจะได้รับอนุญาตให้ถือหุ้นในสถาบันสินเชื่อได้สูงสุด 3% ลดลงจาก 5% ในปัจจุบัน
เพดานการถือหุ้นสำหรับนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญ จะลดลงเหลือ 10% จากปัจจุบันที่ 15% แต่ร่างข้อเสนอไม่ได้ระบุระยะเวลาที่นักลงทุจะต้องการลดการถือครองหุ้นเพื่อให้สอดคล้องกับระดับการถือหุ้นที่ลดลง
ปัจจุบัน สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติรวมกันในธนาคารแต่ละแห่งต้องไม่เกิน 30% ในขณะที่เพดานการถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ในภาคส่วนอื่นๆ กำหนดไว้ที่ 49%
การดำเนินการของธนาคารกลางในการปรับเปลี่ยนแปลสัดส่วนการถือหุ้นมีขึ้น หลังจากที่มีการฉ้อโกงหลายกรณี รวมถึงกรณีหนึ่งที่นำไปสู่การดำเนินการกับธนาคารที่ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงควบคุมผ่านตัวแทน (Nominee)และการถือครองแบบนักลงทุนรายบุคคลของเขาเอง
ในเดือนกุมภาพันธ์ ตำรวจเวียดนามได้สอบสวนการทำธุรกรรมของนักลงทุนต่างชาติที่เกี่ยวกับ Eximbank ธนาคารในประเทศที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากสงสัยว่ามีการปั่นราคาหุ้น จากเอกสารที่รอยเตอร์และแหล่งข่าวได้เห็น แต่ผลของการสอบสวนนั้นไม่ชัดเจน
ธนาคารกลางระบุว่า แผนการเพดานการถือหุ้นจะช่วยลดความเสี่ยงในการปั่นหุ้น
ผู้จัดการกองทุนรายหนึ่งในประเทศไทยซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ให้ความเห็นว่า การลดเพดานการถือหุ้นจะมีผลต่อนักลงทุนต่างชาติมากกว่า เพราะมักจะถือหุ้นใกล้เต็มเพดาน
นักลงทุนต่างชาติเรียกร้องมาเสมอให้ขยายเพดานการถือหุ้น และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า ทำไมเวียดนามจึงถูกจัดว่าเป็นตลาดชายขอบที่มีความเสี่ยง ส่งผลให้เงินลงทุนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐไม่เข้ามา
แม้จะเป็นเศรษฐกิจแบบเปิดที่พึ่งพาการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในอุตสาหกรรม และการส่งออก ที่มีมูลค่ามากพอๆ กับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ แต่เวียดนามกลับจำกัดไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าถึงตลาดตราสารทุนเป็นเวลาหลายปี
นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังเสนอให้ลดเพดานที่ธนาคารสามารถปล่อยกู้ให้กับผู้กู้รายเดียวหรือลูกหนี้รายใหญ่ โดยลดเหลือ 10% ของเงินกองทุนของธนาคารจาก 15% ในปัจจุบัน
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การจำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารและการกู้ยืมที่เข้มงวดขึ้น อาจซ้ำเติมความท้าทายด้านสภาพคล่องในเวียดนามให้รุนแรงขึ้น ในช่วงเวลาที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศอยู่ภายใต้แรงกดดัน
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทางการได้อนุมัติการปรับเปลี่ยนด้านกฎระเบียบเพื่อช่วยเหลือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยขยายระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนของพันธบัตรและอนุญาตให้ลูกหนี้ชำระคืนเป็นสินทรัพย์
สิงคโปร์-อินโดนีเซียยื่น ICAO ขอปรับเขตน่านฟ้า

ภายใต้ข้อตกลงนี้ อินโดนีเซียจะมอบการให้บริการการเดินอากาศในส่วนหนึ่งของน่านฟ้าที่ปรับใหม่นี้ให้กับสิงคโปร์เป็นเวลา 25 ปี
นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุงกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี(16 มี.ค.)ว่า ทั้งสองประเทศได้ยื่นขอให้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) พิจารณาอนุมัติข้อตกลงใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นายกรัฐมนตรีลีกล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบประธานาธิบดี ร่วมกับประธานาธิบดีโจโก วิโดโดของอินโดนีเซีย ซึ่งเดินทางมาสิงคโปร์เพื่อร่วมงาน Singapore-Indonesia Leaders’ Retreat
ข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดการน่านฟ้า พร้อมด้วยข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมและอีกฉบับหนึ่งว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ข้อสรุปในปี 2565 เมื่อผู้นำพบกันที่เมืองบินตัน ข้อตกลงทั้งสามฉบับรวมกันอยู่ภายใต้กรอบการทำงานที่ขยายออกไประหว่างทั้งสองประเทศ
นายกรัฐมนตรีลีกล่าวว่า ยินดีที่ทั้งสองฝ่ายได้ให้สัตยาบันข้อตกลงทั้งสามฉบับ พร้อมเสริมว่า สิงคโปร์และอินโดนีเซีย “ใช้เวลานานมากกว่าจะมาถึงจุดนี้”
หลังจากที่ ICAO อนุมัติการจัดน่านฟ้าใหม่แล้ว ทั้งสองประเทศจะให้ความเห็นชอบวันที่ข้อตกลงทั้งสามฉบับจะมีผลบังคับใช้
ด้านนายวิโดโดกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะจัดทำข้อตกลงทางเทคนิคสำหรับการดำเนินการตามข้อตกลงทั้งสามฉบับ
ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ น่านฟ้าทั่วโลกถูกแบ่งออกเป็น FIR ซึ่งไม่เป็นไปตามเขตพรมแดน เพื่อความปลอดภัยในการบิน ประเทศต่างๆ มีหน้าที่รับผิดชอบในการให้ข้อมูลเที่ยวบินและบริการนำทางใน FIR ที่ได้รับการมอบหมาย
ข้อตกลงที่สรุปแล้วซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการอนุมัติของ ICAO ได้ปรับแนวเขตแดนระหว่าง FIR ของสิงคโปร์และจาการ์ตา
FIR ของสิงคโปร์ ซึ่งผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศในสิงคโปร์บริหารจัดการมาตั้งแต่ปี 2489 ปัจจุบันครอบคลุมน่านฟ้าเหนือเกาะริอาว(Riau) และเกาะนาทูน่า(Natuna)ของอินโดนีเซีย
ภายใต้ข้อตกลง น่านฟ้านี้จะอยู่ภายใต้กฎ FIR ของจาการ์ตา แต่สิงคโปร์จะได้รับมอบหมายให้ให้บริการการเดินอากาศในส่วนของน่านฟ้านี้ต่อไปเป็นเวลา 25 ปี
“ผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งของเรา และแสดงให้เห็นว่าสิงคโปร์และอินโดนีเซียสามารถได้รับผลประโยชน์ร่วมกันมากมายผ่านการมีส่วนร่วมอย่างเปิดเผยและสร้างสรรค์” นายกรัฐมนตรีลีกล่าว
เมียนมาบังคับใช้กฎหมายเครื่องหมายการค้า 1 เมษายน 2566

กระทรวงพาณิชย์จะเปิดรับคำยื่นขอเครื่องหมายการค้าตั้งแต่วันที่มีผลบังคับใช้ โดยจะมีการเปิดศูนย์เพื่อรับคำขอเครื่องหมายการค้าในเมืองย่างกุ้งและกรุงเนปีดอว์
กฎหมายฉบับนี้จะส่งเสริมการลงทุนและการพาณิชย์ ด้วยการปกป้องเครื่องหมายการค้าและผลประโยชน์และสิทธิ์ทางกฎหมายของเจ้าของ นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับมูลค่าของแบรนด์และเจาะตลาดโลกอีกด้วย อู โซ เต็ง มุขมนตรีประจำภูมิภาคย่างกุ้งกล่าวในกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎหมายเครื่องหมายการค้า
เมียนมาเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก
ฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาส่งสัญญานลงจากตำแหน่ง

ฮุน เซน วัย 70 ปี เป็นผู้นำกัมพูชาด้วยความเข้มงวดมานาน 38 ปี และในระหว่างการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 2561 ได้ให้คำมั่นว่าจะอยู่ในตำแหน่งอีก 2 วาระจนถึงปี 2571 อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ได้พูดมาเป็นระยะว่า ฮุน มาเนต ลูกชายคนโต จะสืบทอดอำนาจ และได้แต่งตั้งให้ฮุน มาเนตดำรงตำแหน่งระดับสูงและสำคัญหลายตำแหน่ง
ฮุน เซน ประกาศอย่างชัดเจนในเดือนธันวาคม 2564 ว่า สนับสนุนเพื่อให้ฮุน มาเนต ผู้บัญชาการกองทัพของกัมพูชาที่ได้รับการฝึกฝนจากเวสต์พอยต์ เข้ารับตำแหน่งแทน แต่ผ่านการเลือกตั้งเท่านั้น
ฮุน มาเนต วัย 45 ปี ดำรงตำแหน่งความมั่นคงสำคัญอีกหลายตำแหน่ง และในปี 2561 ได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากคณะกรรมการกลาง 865 คนของพรรคประชาชนกัมพูชาที่กุมบังเหียนกัมพูชามานาน มาอยู่ในคณะกรรมการประจำ 37 คน ซึ่งเป็นองค์กรตัดสินใจที่สำคัญของประเทศ ส่งผลให้เป็นสมาชิกวงในทางการเมืองของผู้เป็นพ่อโดยพฤตินัย
ฮุน เซน เคยเป็นผู้บัญชาการระดับกลางในเขมรแดง คอมมิวนิสต์หัวรุนแรงในทศวรรษ 1970 ก่อนที่จะแปรพักตร์ไปยังเวียดนาม เมื่อเวียดนามขับไล่เขมรแดงออกจากอำนาจในปี 2522 ก็ได้กลายเป็นสมาชิกอาวุโสของรัฐบาลกัมพูชาชุดใหม่ที่ฮานอยตั้งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฮุน เซน เป็นนักการเมืองเจ้าเล่ห์และบางครั้งก็โหดเหี้ยม ยังคงรักษาอำนาจในฐานะเผด็จการในกรอบประชาธิปไตยแค่ในนาม พรรคประชาชนกัมพูชาของฮุน เซนซึ่งกุมอำนาจไว้แน่น จะเป็นผู้นำในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน พรรคได้ที่นั่งในสภาแห่งชาติทั้งหมดในการเลือกตั้งปี 2561 หลังจากศาลมีคำสั่งให้ยุบพรรคฝ่ายค้านที่น่าเชื่อถือเพียงกลุ่มเดียว นั่นคือพรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา(Cambodia National Rescue Party) เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าวางแผนโค่นล้มรัฐบาลอย่างผิดกฎหมาย ศาลถูกมองว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองของพรรครัฐบาล
ฮุน เซน กล่าวกับชาวบ้านที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำในจังหวัดโพธิสัตว์ทางตะวันตกเมื่อวันอังคาร(13 มีนาคม)ว่า ถึงเวลาแล้วที่คนรุ่นใหม่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อ และยังบอกว่า หมอดูทำนายว่าเขาจะเสียชีวิตเมื่ออายุ 93 ปี แต่ไม่มีใครควรทำงานต่อไปจนกว่าจะตาย ซึ่งคำแถลงของฮุน เซนมีการเผยแพร่ผ่านบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเองและสถานีโทรทัศน์
ฮุน เซน บอกว่า เขาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในโลก และกล่าวว่า หากรวมเวลาที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศและรองนายกรัฐมนตรี อาชีพของเขาในฐานะผู้นำประเทศจะยาวนานถึง 44 ปี “นานเกินไปแล้ว”
“ตอนนี้เราพบคนรุ่นใหม่ที่จะมาแทนที่เราแล้ว เราควรมอบให้พวกเขาและอยู่ข้างหลังพวกเขาดีกว่า” ฮุน เซน กล่าว
แม้ว่าจะก้าวลงจากตำแหน่ง ฮุน เซน ให้คำมั่นว่า เขาจะสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้มแข็งด้วยนักการเมืองเกษียณอายุ มากประสบการณ์อย่างเขาอยู่เคียงข้าง
ฮุน เซน กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งน่าจะจัดตั้งขึ้นในเดือนกันยายน