อันวาร์ สาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาเลเซีย
ดาโต๊ะ สรี อันวาร์ อิบราฮิม สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาเลเซีย ต่อยังดี เปอร์ตวน อากง(สมเด็จพระราชาธิบดี แห่งมาเลเซีย) สุลต่าน อับดุลเลาะห์ รีอายาตุดดิน อัล-มุสตาฟา บิลลาฮ์ ชาห์
อันวาร์ ซึ่งเป็นประธานกลุ่มพันธมิตรแห่งความหวังปากาตัน ฮาราปัน (Pakatan Harapan-PH) สาบานตนเข้ารับตำแหน่งต่อสมเด็จพระราชาธิบดี แห่งมาเลเซียเมื่อเวลา 17.00 น. ที่พระราชวังอิสตานา เนการ่า
ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 15(GE15) ไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
แนวร่วมหลักสามกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มPakatan Harapan, กลุ่มพันธมิตรแห่งชาติ หรือ เปอริกาตัน เนชันแนล Perikatan Nasional (PN) และกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติ บาริซาน เนชันแนล(Barisan Nasional — BN) ได้รับที่นั่ง 82 ที่นั่ง, 73 ที่นั่ง และ 30 ที่นั่งตามลำดับ ส่งผลให้เกิดภาวะรัฐสภาแขวน (ภาวะที่ไม่มีพรรคการเมืองพรรคใดชนะเลือกตั้งด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้เสียงเกินครึ่งหนึ่งของที่นั่งในรัฐสภา)
พรรคการเมืองและแนวร่วมล้มเหลวในการบรรลุฉันทามติหลังจาก มีการสรุปผลการเลือกตั้งทั่ว GE15
ได้จัดการประชุมพิเศษขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันพฤหัสบดี (24 พ.ย.) ของผู้ครองรัฐในมาเลเซียเพื่อให้สมเด็จพระราชาธิบดี ขอความเห็นจากผู้ครองรัฐคนอื่นๆ เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
หลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตน อันวาร์ได้โพสต์รูปจากพิธีสาบานตนบนเฟสบุ๊คเพจ ว่า ความไว้วางใจจะมาจากความอ่อนน้อมถ่อมตนและความรับผิดชอบ ผมจะแบกภาระหนักนี้ไว้ด้วยเจตจำนงและความสำนึกผิดชอบต่อประชาชน ร่วมกับทีม
นอกจากนี้ยังได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยเฟสบุ๊ค Anwar Ibrahim ได้สรุปใจความสำคัญดังนี้
1. คณะกรรมการปกป้องรัฐธรรมนูญ – บาฮาซามลายู, อิสลามในฐานะศาสนาประจำชาติและสถานะของกษัตริย์มาเลย์, เอกสิทธิ์ของชาวมาเลย์โดยไม่กีดกันสิทธิของชาวจีน, ชาวอินเดีย, ซาบาห์ และเผ่าซาราวัก รวมทั้ง ชนพื้นเมือง
2. รัฐบาลจัดตั้งขึ้นด้วยการสนับสนุนอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งจากกลุ่มพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดสามกลุ่ม ได้แก่ Harapan, Barisan Nasional และ Gabungan Parti Sarawak
3. รัฐบาลจะรับรองและปกป้องสิทธิของชาวมาเลเซียทุกคน โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสและยากจน โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติและศาสนา
4. ประเด็นสำคัญอันดับหนึ่งในขณะนี้คือวาระการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ
5. ต่อสู้กับการทุจริตและความไม่ปกติอย่างจริงจังและครบถ้วนด้วยการขับเคลื่อนวาระการปฏิรูประบบธรรมาภิบาล
6. ข้อเสนอลงมติไว้วางใจจะเป็นวาระแรกในสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 19 ธันวาคม
7. งดรับเงินเดือนในฐานะนายกรัฐมนตรี
8. วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2022 นี้เป็นวันหยุดราชการทั่วประเทศ
สิ้นสุดการรอคอย 3 ทศวรรษ
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า การเข้าสาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอันวาร์ อิบราฮิมในวันนี้( 24 พ.ย.) เป็นการปิดฉากการเส้นทางทางการเมืองที่รอคอยในรอบ 3 ทศวรรษ ตั้งแต่สถานะการเป็นผู้อยู่ใต้การค้ำจุนของผู้นำมือเก๋า ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ไปจนถึงผู้นำการประท้วง นักโทษที่ถูกตัดสินว่าผิดศีลธรรมทางเพศ และผู้นำฝ่ายค้าน
การเข้ารับตำแหน่งของอันวาร์ยังเป็นสิ้นสุดห้วงเวลา 5 วันของวิกฤติหลังการเลือกตั้งชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่อาจนำไปสู่ความไม่แน่นอนครั้งใหม่กับคู่แข่งของเขา อดีตนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซิน ซึ่งท้าทายให้พิสูจน์การได้เสียงข้างมากในรัฐสภา
ทั้งคู่สองคนไม่ไม่ได้คะแนนเสียงข้างมากในการเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ แต่สมเด็จพระราชาธิบดี พระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ ทรงแต่งตั้งอันวาร์หลังจากได้ทรงหารือกับส.ส.หลายคน
อันวาร์เข้ารับตำแหน่งในช่วงเวลาแห่งความท้าทาย โดยเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวและประเทศแตกแยกหลังการเลือกตั้งที่เข้มข้น ซึ่งมีผลให้กลุ่มพันธมิตรของอันวาร์ต้องแข่งกับกลุ่มพันธมิตรมุสลิมเชื้อสายมาเลย์อนุรักษ์นิยมของมูห์ยิดดินเป็นหลัก
ตลาดปรับตัวหลังสิ้นสุดภาวะชะงักงันทางการเมือง สกุลเงินริงกิตดีขึ้นดีขึ้นมากสุดในรอบสองสัปดาห์และตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น 3%
อันวาร์วัย 75 ปี ถูกปัดไม่ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะไม่ไกลเกินเอื้อมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในปี 1990 และจ่อคิวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2561
ในระหว่างนั้น อันวาร์ถูกจำคุกเป็นเวลาเกือบหนึ่งทศวรรษในคุก จากกล่าวหาว่ามีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติและการทุจริต ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นข้อกล่าวหาที่มีแรงจูงใจทางการเมืองโดยมีเป้าหมายเพื่อยุติอาชีพของเขา
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งคุกคามความไร้เสถียรภาพทางการเมืองที่ยืดเยื้อในมาเลเซีย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีถึง 3 คนในรอบหลายปี และความเสี่ยงในการชะลอการตัดสินใจเชิงนโยบายที่จำเป็นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ผู้สนับสนุนอันวาร์แสดงความหวังว่า รัฐบาลของเขาจะยุติความตึงเครียดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างชาวมาเลย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิม และชนกลุ่มน้อยเชื้อสายจีนและอินเดีย
“สิ่งที่เราต้องการคือความไม่รุนแรงสำหรับมาเลเซีย และอันวาร์เป็นตัวแทนของสิ่งนั้น” ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ซึ่งขอให้แค่ระบุนามสกุลของเธอ กล่าว
“เราไม่สามารถมีประเทศที่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนาได้ เพราะจะทำให้เราถอยหลังไปอีก 10 ปี”
อันวาร์บอกกับรอยเตอร์ในการให้สัมภาษณ์ก่อนการเลือกตั้งว่า เขาจะพยายาม “เน้นย้ำธรรมาภิบาลและการต่อต้านการทุจริต และลบลางการเป็นประเทศที่เหยียดเชื้อชาติและความคลั่งไคล้ทางศาสนา” หากได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคร่วมรัฐบาลของเขาที่รู้จักกันในชื่อ Pakatan Harapan ได้รับที่นั่งมากที่สุดในการลงคะแนนเมื่อวันเสาร์ด้วยคะแนนเสียง 82 ที่นั่ง ในขณะที่กลุ่ม Perikatan Nasional ของมูห์ยิดดินได้ 73 ที่นั่ง ทั้งคู่ได้คะแนนต่ำกว่า 112 เสียงซึ่งเป็นเสียงข้างมากเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
กลุ่ม Barisan ที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนานได้ที่นั่งเพียง 30 ที่นั่ง ซึ่งเป็นผลการเลือกตั้งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับกลุ่มพันธมิตรที่ครองอำนาจทางการเมืองนับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 2500
กลุ่ม Barisan กล่าวว่าจะไม่สนับสนุนรัฐบาลที่นำโดยมุห์ยิดดินแม้ว่าจะไม่ได้พาดพิงถึงอันวาร์ก็ตาม ขณะที่หลังจากการแต่งตั้งอันวาร์เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้อันวาร์พิสูจน์การมีเสียงข้างมากในรัฐสภา
ตำรวจยกระดับการรักษาความปลอดภัย
การได้รับการเลือกตั้งของกลุ่มของมูห์ยิดดินซึ่งรวมพรรคปาส หรือ PAS (Pan-Islamic Malaysian Party)อยู่ด้วยนั้น สร้างความกังวลในหมู่ชุมชนชาติพันธุ์จีนและชาติพันธุ์อินเดีย ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอื่น
ทางการเตือนหลังจากการลงคะแนนเมื่อสุดสัปดาห์เกี่ยวกับความตึงเครียดทางเชื้อชาติที่เพิ่มขึ้นบนโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอย่าง TikTok โดยระบุว่ามีการเตือนในระดบสูงสำหรับเนื้อหาที่ละเมิดหลักเกณฑ์
ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายงานโพสต์ TikTok จำนวนมากตั้งแต่การเลือกตั้งที่กล่าวถึงการจลาจลในเมืองหลวง กัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม2512 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตประมาณ 200 คน ไม่กี่วันหลังจากพรรคฝ่ายค้านที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเชื้อสายจีนรุกล้ำเข้าไปในการเลือกตั้ง
ตำรวจเตือนผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้งดโพสต์ “ปลุกปั่น” พร้อมตั้งจุดตรวจตลอด 24 ชั่วโมงบนถนนทั่วประเทศเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน
การตัดสินใจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตกเป็นของสมเด็จพระราชาธิบดี หลังจากที่ทั้งอันวาร์และมุห์ยิดดินจัดตั้งพันธมิตรขึ้นบริหารไม่สำเร็จได้ทันเส้นตายในบ่ายวันอังคาร
พระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญมีบทบาทในเชิงพิธีการเป็นส่วนใหญ่ แต่สามารถแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่พระองค์มีพระราชวินิจฉัยว่าจะทรงควบคุมเสียงข้างมากในรัฐสภาได้
มาเลเซียมีระบอบรัฐธรรมนูญที่ไม่เหมือนใคร โดยกษัตริย์จะได้รับเลือกจากราชวงศ์ของเก้ารัฐให้ขึ้นครองราชย์เป็นระยะเวลาห้าปี
ในฐานะนายกรัฐมนตรี อันวาร์จะต้องจัดการกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นและการเติบโตที่ชะลอตัว ในขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด ขณะเดียวกันก็ต้องลดความตึงเครียดทางชาติพันธุ์
ประเด็นที่เร่งด่วนที่สุดคือ งบประมาณสำหรับปีหน้าซึ่งถูกจัดทำขึ้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง แต่ยังไม่ผ่านการพิจารณา
อันวาร์ยังต้องเจรจาข้อตกลงกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากกลุ่มอื่นๆ เพื่อเป็นหลักประกันว่าเขาสามารถรักษาเสียงข้างมากในรัฐสภาได้
“อันวาร์ได้รับการแต่งตั้งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในประวัติศาสตร์มาเลเซีย ซึ่งการเมืองแตกร้าวมากที่สุด ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจตกต่ำและความทรงจำอันขมขื่นเกี่ยวกับโควิด” เจมส์ ไช่ จากสถาบัน ISEAS-Yusof Ishak ในสิงคโปร์กล่าว
“อันวาร์ได้รับการยกย่องอยู่เสมอว่าเป็นคนที่สามารถรวมกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยที่ต่อสู้กันทั้งหมดเข้าด้วยกัน และเหมาะสมแล้วที่อันวาร์ขึ้นเป็นผู้นำในช่วงเวลาที่แตกแยก”
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
