สี จิ้นผิง ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ชุดที่ 20 ในการประชุมเต็มคณะครั้งแรกของคณะกรรมการกลางพรรคที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์(23 ต.ค.) โดยมีสี จิ้นผิง เป็นประธาน และมีสมาชิกของคณะกรรมการกลางพรรค ชุดที่ 20 เข้าร่วม 203 คน และสมาชิกสำรอง 168 คน จากแถลงการณ์
นอกจากที่ประชุมยังแต่งตั้งให้ สี จิ้นผิง เป็นประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง (Central Military Commission)ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ด้วย
สมาชิกของคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ได้รับเลือกในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ สี จิ้นผิง, หลี่ เฉียง, จ้าว เล่อจี้, หวัง หูหนิง, ไค ฉี, ติง เซวี่ยเสียง, และหลี่ ซี
นอกจากนี้ ยังมีการเลือกสมาชิกของคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการประชุม ซึ่งรับรองสมาชิกของสำนักเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน
สำหรับโครงสร้างการบริหารของพรรคมิวนิสต์จีน สี จิ้นผิง ซึ่งครองตำแหน้งที่เลขาธิการใหญ่ของพรรคและประธานาธิบดี จัดเป็นผู้นำสูงสุด รองลงมาคือคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรค ที่มี 7 คน ลำดับถัดมาคือคณะกรรมการกรมการเมืองมีสมาชิก 24 คน ต่อมาคณะกรรมการกลางมีสมาชิก 380 คน ตามด้วยสภาประชาชนแห่งชาติที่มีผู้แทน 2,300 คนที่จะประชุมทุก 5 ปี และสุดท้ายสมาชิกพรรคที่มีจำนวน 96.71 ล้านคน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ครองตำแหน่งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เป็นสมัยที่ 3และสร้างประวัติศาสตร์ในการครองตำแหน่งของเขาในฐานะผู้ปกครองที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศนับตั้งแต่เหมา เจ๋อตง
คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ( Communist Party of China:CCP) ได้เลือกสี จิ้นผิงให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนในวาระ 5 ปี ในวันอาทิตย์ เป็นการนำประเทศกลับไปสู่การรวมอำนาจการปกครองไว้กับบุคคลเพียงคนเดียวอย่างเด็ดขาด หลังจากมีการแบ่งสรรอำนาจในหมู่ชนชั้นผู้นำมาหลายทศวรรษ
สี จิ้นผิง ตอนนี้พร้อมที่จะก้าวไปสู่สมัยที่สามในฐานะประธานาธิบดีของจีน เนื่องจากจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในระหว่างการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติประจำปีในเดือนมีนาคมปีหน้า
สี จิ้นผิง ได้แนะนำสมาชิกคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรค ชุดที่ 20 ขณะที่เดินนำขึ้นไปบนเวทีที่ศาลามหาประชาชนเพื่อพบปะกับผู้สื่อข่าว
หลี่ เฉียง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครเซี่ยงไฮ้ เดินขึ้นเวทีต่อจากสี จิ้นผิง ซึ่งหมายความว่าเขามีแนวโน้มที่จะสืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากหลี่ เค่อเฉียง ที่จะเกษียณจากตำแหน่งในเดือนมีนาคม สมาชิกคนอื่น ๆ ของคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรค ชุดที่ 20 คือ จ้าว เล่อจี้ หวัง หูหนิง เคยดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการชุดเดิม ขณะที่ไค ฉี, ติง เซวี่ยเสียง, และหลี่ ซี เป็นคนใหม่
“ข้าพเจ้าขอขอบคุณทั้งพรรคอย่างจริงใจสำหรับความไว้วางใจที่พวกคุณมอบให้เรา” สี จิ้นผิงกล่าวหลังจากได้รับการแต่งตั้ง และสัญญาว่าจะ “ทำงานอย่างขยันขันแข็งในการปฏิบัติหน้าที่ของเราเพื่อพิสูจน์ว่าคู่ควรกับความไว้วางใจอันยิ่งใหญ่ของพรรคและประชาชนของเรา ”
สมาชิกใหม่ของ PSC ทุกคนถูกมองว่ามีความจงรักภักดีและใกล้ชิดกับสี จิ้นผิงที่อยู่ในวัย 69 ปี
“ชัยชนะที่ไม่สมดุลอย่างผิดปกติสำหรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งหาได้ยากในประเพณีของพรรคคอมมิวนิสต์ ในอดีตจะมีความสมดุลของอำนาจอยู่บ้าง” วิลลี่ แลม นักวิจัยอาวุโสของมูลนิธิเจมส์ ทาวน์ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองของสหรัฐฯ กล่าวกับรอยเตอร์
“หมายความว่าจะไม่มีการตรวจสอบและถ่วงดุลใดๆ สี จิ้นผิง ยังมีอำนาจควบคุมกรมการเมืองและคณะกรรมการกลางแบบเบ็ดเสร็จ”
การเปิดตัวคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและคณะกรรมการกรมการเมืองที่มีสมาชิก 24 คน มีขึ้นหลังจากการปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมในกฎบัตรของพรรคซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อประสานสถานะหลักของ Xi และบทบาทชี้นำทางการเมืองของเขา ความคิดภายในพรรค
รายชื่อคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นการยืนยันว่า การคุมอำนาจของสี จิ้นผิงไม่ได้ลดหย่อนลงจากเหตุการณ์ในปีที่วุ่นวาย รวมถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ความไม่พอใจต่อนโยบายปลอดโควิดของเขา และการที่จีนห่างจากตะวันตกมากขึ้น และรุนแรงขึ้นจากการที่เขาสนับสนุนวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย
“ในแง่ของการกำหนดนโยบาย มันหมายความว่ามีแนวโน้มที่จะเคารพความคิดเห็นของสี จิ้นผิงมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการขับเคลื่อนประเทศและเศรษฐกิจไปข้างหน้า” อัลวิน ตีน หัวหน้าฝ่าย Asia FX strategy ที่ RBC Capital Markets ในสิงคโปร์กล่าว
“ผมมองเห็นภาพออกว่า นโยบายปลอดโควิดน่าจะคงใช้ต่อ และจะมีการผลักดันเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันและอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน”