ThaiPublica > เกาะกระแส > ปิดประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน “สี จิ้นผิง” จ่อกุมอำนาจต่อสมัยที่ 3

ปิดประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน “สี จิ้นผิง” จ่อกุมอำนาจต่อสมัยที่ 3

22 ตุลาคม 2022


ที่มาภาพ:https://english.news.cn/20221022/08058aa98eef4f2094e82b7afae7a70c/c.html

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2565 การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 20 ซึ่งใช้ระยะเวลานานหนึ่งสัปดาห์ ณ ศาลามหาประชาชน กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยมีประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เป็นประธานปิดการประชุม

ก่อนปิดการประชุม ที่ประชุมได้มีมติคัดเลือกคณะกรรมการกลางพรรคฯ ชุดที่ 20 และคณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลางแห่งพรรคฯ ชุดที่ 20 ที่ประชุมยังมีมติยอมรับรายงานของคณะกรรมการกลางพรรคฯชุดที่ 19 รายงานการปฏิบัติงานของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลางแห่งพรรคฯ ชุดที่ 19

นอกจากนี้ยังได้มีมติยอมรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

  • สี จิ้นผิง ประกาศจีนเร่งสร้างรูปแบบการพัฒนาใหม่ มุ่งการพัฒนาคุณภาพสูง สู่เศรษฐกิจสมัยใหม่
  • สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จัดขึ้นทุก 5 ปีได้เสร็จสิ้นลง พร้อมกับการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นแกนกลางของพรรค และการแต่งตั้งคณะกรรมการกลางชุดใหม่ ที่ขาดเจ้าหน้าที่สำคัญสองคนที่ไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสี จิ้นผิง

    สี จิ้นผิง วัย 69 ปี จ่อเข้ารับตำแหน่งผู้นำสมัยที่ 3 เป็นเวลา 5 ปี ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นการสิ้นสุดธรรมเนียมปฏิบัติของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงทางการเมืองและเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะของเขาในฐานะผู้ปกครองที่ทรงอิทธิพลที่สุดของจีน นับตั้งแต่เหมา เจ๋อตง ผู้นำการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน

    ผู้นำคนใหม่จะมีการเปิดเผยในเวลาประมาณเที่ยงวัน ในวันอาทิตย์(23 ต.ค) เมื่อสี จิ้นผิงเดินเข้ามาในห้องแถลงข่าว ณ ศาลามหาประชาชน ตามมาด้วยสมาชิกคนอื่นๆ ของคณะกรรมการกลางถาวรประจำกรมการเมือง เรียงลำดับจากตำแหน่งสูงลงไป

    สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า มีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า สี จิ้นผิง จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการพรรคต่อไปอีก 5 ปี ในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่การมีอำนาจปกครองตลอดชีพ สี จิ้นผิง ปัจจุบันมีอายุ 69 ปี เและถือว่าเกินอายุเกษียณอย่างไม่เป็นทางการเมื่ออายุครบ 68 สำหรับผู้นำพรรคอาวุโส แต่มีชื่อของสี จิ้นผิง ในรายชื่อสมาชิกคณะกรรมการกลางชุดใหม่

    ในระหว่างพิธีปิด อดีตประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ซึ่งนั่งถัดจากสี จิ้นผิง ถูกนำตัวออกจากเวที หู จิ่นเทาในวัย 79 ปีมีสีหน้าคับอกคับใจและดูเหมือนจะไม่ยอมออกไปขณะที่มีผู้นำตัวเขาออกไป ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หู จิ่นเทา ดูเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่ และได้รับการช่วยเหลือให้เข้าประจำที่นั่งในเวที

    คณะกรรมการกลางชุดใหม่ของพรรคซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 205 คน ไม่มีชื่อนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง หรือหวาง หยาง อดีตผู้นำพรรคจากมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งคาดว่าเป็นตัวเต็งนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน หลี่ เค่อเฉียง

    นักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่ไม่มีชื่อหลี่ เค่อเฉียง และ หวาง หยาง เป็นสัญญาณว่าคณะกรรมการกลางถาวรประจำกรมการเมือง (Standing Committee of the Political Bureau of the CPC Central Committee)ชุดใหม่มีแนวโน้มที่จะเต็มไปด้วยผู้ที่ใกล้ชิดกับสี จิ้นผิง

    “หัวข้อหลักของการประชุมครั้งนี้ จากที่เห็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและรายงาน คือการเน้นย้ำสถานะการเป็นแกนกลางของพรรคของ สี จิ้นผิง” เฉิน กัง นักวิจัยอาวุโสของสถาบันเอเชียตะวันออกในสิงคโปร์กล่าว

    “ด้วยการประชุมครั้งนี้ อำนาจของสี จิ้นผิง ยิ่งเพิ่มมากขึ้น มองไปข้างหน้า เราจะเห็นการกระจุกตัวของอำนาจรอบๆตัวสี จิ้นผิง และรอบๆศูนย์กลางมากขึ้น”

    ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน กล่าวรายงานใน การเปิดประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 20 ที่มาภาพ: https://english.news.cn/20221016/c5b857ede82147d8925a045ce90b0233/c.html

    ทั้งหลี่ เค่อเฉียง ผู้นำสูงสุดอันดับที่สอง และหวาง หยาง ซึ่งเป็นผู้นำสภาปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน มีอายุ 67 ปี ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติตามเกณฑ์อายุของจีนที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการประจำของคณะกรรมการกลางถาวรประจำกรมการเมืองอีก 5 ปี ซึ่งปัจจุบันคณะกรรมการกลางถาวรประจำกรมการเมืองมีสมาชิก 7 คน

    หลี่ เค่อเฉียง จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนมีนาคม ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเปิดให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียง 2 วาระเท่านั้น

    นักวิเคราะห์และรายงานของสื่อระบุว่า ทั้งคู่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันยาวนานกับสี จิ้นผิง ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะนำสมาชิกหน้าใหม่สี่คนเข้าสู่คณะคณะกรรมการกลางถาวรประจำกรมการเมือง

    หลี่ เค่อเฉียง และหวาง หยาง ต่างก็มีความผูกพันกับสันนิบาติเยาวชนคอมมิวนิสต์จีน กลุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยมีอิทธิพล ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าได้สูญเสียอำนาจภายใต้การบริหารของสี จิ้นผิง

    นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ในการดูแลเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แม้อิทธิพลของตำแหน่งดังกล่าวจะลดลงเนื่องจาก สี จิ้นผิง ได้รวบอำนาจอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่เขาดำรงตำแหน่ง

    นักวิชาการด้านการเมืองในปักกิ่งรายหนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อเพราะไม่ได้รับอนุญาตให้พูดกับสื่อ กล่าวว่า หลี่ เค่อเฉียง เป็นคนเดียวที่มีเสียงแตกแยกในคณะกรรมการประจำ

    “ดูจากรูปการณ์แล้ว สี จิ้นผิง มีอิสระที่จะทำทุกอย่างที่ต้องการ หมายความว่าไม่ต้องเผชิญการต่อต้านหรือการตรวจสอบและถ่วงดุลในคณะกรรมการประจำอีกต่อไป นโยบายในอนาคตทั้งหมดจะดำเนินการตามความประสงค์ของเขา” นักวิชาการกล่าว

    กรรมการประจำคนปัจจุบัน หวาง หูหนิง วัย 67 ปี และจ้าว เล่อจี วัย 65 ปี ทั้งคู่ถูกมองว่าใกล้ชิดกับสี จิ้นผิง ต่างก็ได้รับเลือกเข้าสู่คณะกรรมการกลางฯและคาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการประจำอีกครั้ง ขณะที่กรรมการอีกสองรายอายุเกินเกณฑ์เกษียณแล้ว

    พรรคอนุมัติการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสถานะหลักของสี จิ้นผิง และบทบาทชี้นำความคิดทางการเมืองของเขาภายในพรรค ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 96 ล้านคน

    มติสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีสองข้อกำหนดคือ กำหนดให้สี จิ้นผิง เป็นผู้นำ “แกนกลาง” ของพรรคและอุดมการณ์ของสี จิ้นผิง คือหลักการพื้นฐานสำหรับการพัฒนาในอนาคตของจีน สองข้อนี้รับรองสถานะ “แกนกลาง” ของสี จิ้นผิง ภายในพรรคและอำนาจรวมศูนย์ของพรรคต่อประเทศจีน

    ที่มาภาพ: https://english.news.cn/20221021/19a90ff85d2d4b60a5d6c84dff133885/c.html

    การแก้ไขเพิ่มเติมอีกประการหนึ่งในรัฐธรรมนูญของพรรคระบุถึง “การพัฒนาจิตวิญญาณการต่อสู้ การเสริมสร้างความสามารถในการต่อสู้” ขณะที่การเรียกร้องให้ต่อต้านและขัดขวางกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่แสวงหาเอกราชสำหรับไต้หวันก็รวมอยู่ด้วยเป็นครั้งแรก

    อำนาจของสี จิ้นผิง ดูเหมือนจะไม่ลดลงจากเหตุการณ์ในปีที่วุ่นวาย รวมถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ความไม่พอใจต่อนโยบายปลอดโควิดของเขา และการที่จีนห่างจากตะวันตกมากขึ้น กลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น จากการสนับสนุนประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย

    วิกเตอร์ ฉือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองจีนแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก กล่าวว่า คณะกรรมการประจำซึ่งเต็มไปด้วยผู้ภักดีต่อสี จิ้นผิง “เปลี่ยนข้อตกลงการแบ่งปันอำนาจที่จีนได้ใช้มาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970”

    “อย่างไม่เป็นทางการ อำนาจของสี จิ้นผิงนั้นสูงมาก (อยู่แล้ว) เขาปรับโครงสร้างกองทัพ ขจัดอิทธิพลอื่น แต่ในแง่ทางการแล้ว ในคณะกรรมการประจำกรมการเมืองในตอนนี้ ยังมีอำนาจที่สมดุล โดยเจ้าหน้าที่ในอดีตที่ไม่มีความสัมพันธ์กับเขายังอยู่ในตำแหน่ง แต่ก็อาจสิ้นสุดลง แต่ก็อาจจะสร้างพลังที่ไม่แข็งแกร่ง เพราสี จิ้นผิง ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนที่ไม่คุ้นเคยกับการให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สำคัญ”