ข่าวประชาสัมพันธ์
เครือซีพี ผนึกกำลัง กทม. กลุ่มทรู และเครือข่ายพันธมิตร ร่วมเปิดห้องเรียนวิชา “เทคโนโลยีหุ่นยนต์” ในกิจกรรม “CP บางกอกวิทยา” ชวนเรียนรู้นวัตกรรม และเทคโนโลยีสุดล้ำ หวังจุดประกายปั้นนวัตกรน้อย ส่งเสริมเยาวชนไทยเพื่ออนาคตของประเทศ
กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดเทศกาลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบางกอกวิทยา ซึ่งเป็นกิจกรรมประจำเดือนสิงหาคม 2565 จาก 12 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือฯ กลุ่มทรู พร้อมเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน คือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) RICOH Beartai และ Techsauce ได้ร่วมสนับสนุนเทศกาลดังกล่าว ภายใต้แนวคิด “CP บางกอกวิทยา” ด้วยการเปิดบ้านทรู ดิจิทัลพาร์ค เปิดโอกาสให้เยาวชนและบุคคลคนทั่วไป ได้ร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ เปิดประสบการณ์การเรียนรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ผ่านการลงมือทำจริงที่สนุกและเข้าใจง่าย เพื่อสร้างระบบนิเวศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนวัตกรรมให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน ซึ่งต้องเริ่มต้นจากการพัฒนา “คน” ด้วยการส่งเสริมเด็กและเยาวชนไทยที่ถือเป็นอนาคตของประเทศ
โดยในงานได้รับเกียรติจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเปิดงาน โดยมี นายนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารยุทธศาสตร์ข้อมูลและการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์และหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ตลอดงานได้รับความสนใจจากเด็กและเยาวชนจากสถาบันการศึกษาต่างๆ อาทิ โรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม, โรงเรียนพูนสิน (เพชรสุขอุปถัมภ์), โรงเรียนทรงวิทยาเทพารักษ์, โรงเรียนวัดธรรมมงคล (หลวงพ่อวิริยังค์อุปถัมภ์), โรงเรียนบางจาก (นาคเผื่อนอุปถัมภ์), โรงเรียนทานตะวันไตรภาษา, โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ, โรงเรียนแก่นทองอุปถัมภ์, โรงเรียนนาหลวง, โรงเรียนบ้านบางกะปิ และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และประชาชนทั่วไปอย่างคับคั่ง ณ ชั้น 6 ทรู ดิจิทัล พาร์ค กรุงเทพฯ
การเปิดพื้นที่การเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ CP บางกอกวิทยา เป็นการเปิดพื้นที่การเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง อาทิ ฝึกเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ตั้งแต่ระดับที่เข้าใจง่ายในกลุ่มเด็กอนุบาล ไปจนถึงระดับเชิงลึกในชั้นมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างโอกาสคนรุ่นใหม่ได้ร่วมสร้างระบบนิเวศวิทยาศาสตร์และทางเทคโนโลยี รวมไปถึงการสร้างประสบการณ์โลกเสมือนจริง ทั้งนี้เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระบบนิเวศด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างยั่งยืน
นายพัฒน์ ดอนคำไฮ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 สายวิทย์-คณิต จากโรงเรียนนาหลวง หนึ่งในเยาวชนผู้ร่วมกิจกรรม CP บางกอกวิทยา กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่มีการจัดงานนี้ขึ้นมาเพราะเป็นคนชอบวิทยาศาสตร์และพยายามหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยเหลือคน วันนี้สนุกและได้เรียนรู้นวัตกรรมล้ำสมัยทั้ง VR AR รวมไปถึงการเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ มองว่าจะนำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดและพัฒนาตัวเองที่มีความฝันที่จะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยทางด้านเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ เพราะอยากที่จะพัฒนาโปรแกรมหุ่นยนต์ที่สนับสนุนงานด้านการบริการ เช่นหุ่นยนต์เสริฟ์อาหาร เพื่อจะได้ช่วยส่งเสริมตลาดแรงงานในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาทักษะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนในสังคม
ดช. จิรายุ วุฒิชา นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนบ้านบางกะปิ กล่าวว่า วันนี้ตื่นเต้น และตื่นตามากที่ได้เห็นหุ่นยนต์ทำอะไรได้หลายอย่างและยังได้ฝึกเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ด้วย รู้สึกสนุกและภูมิใจมากที่เขียนโปรแกรมได้ ไม่ยากเลยเพราะเป็นคนชื่นชอบหุ่นยนต์มาก มีความฝันที่อยากเป็นนักสร้างหุ่นยนต์ จะทำหุ่นยนต์ไว้ช่วยเหลืองานบ้านให้คุณแม่จะได้มีเวลาไปเที่ยวกับผม การได้มาร่วมกิจกรรมในวันนี้จะนำความรู้ได้ไปบอกคุณแม่ บอกเพื่อนๆที่ไม่ได้มาด้วยให้ลองฝึก ลองทำอะไรที่เราชอบไม่ได้ทำยากถ้าเราตั้งใจทำ
นางสาวพิมพ์วิสา ช้างเจริญ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 สายศิลป์ภาษาจีน จากโรงเรียนทรงวิทยาเทพารักษ์ กล่าวว่า การได้เข้าร่วมกิจรรม CP บางกอกวิทยา รู้สึกสนุกและประทับใจมากที่มีการจัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ มองว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาประเทศให้เจริญได้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร เพราะตอนนี้เรียนภาษาจีนและกำลังอยากจะศึกษาต่อด้านนิเทศศาสตร์ เทคโนโลยีดิจิทัลด้านการสื่อสารจึงถือว่าสำคัญมากที่จะช่วยพัฒนาทักษะการทำงานด้านภาษาละการสื่อสารให้คนทั่วโลกเชื่อมต่อกันได้รวดเร็วและดียิ่งขึ้น ในวันนี้ที่มาก็ได้แรงบันดาลใจว่าอยากจะนำความรู้ทีได้รับไปพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องแปลภาษาให้สามารถเข้าถึงได้ทุกคน
โดยงาน “CP บางกอกวิทยา” รวมความตื่นตาตื่นใจด้านนวัตกรรมหุ่นยนต์ และเทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะบนพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตร ได้เปิดให้เข้าชมได้ฟรีตั้งแต่วันที่ 22 – 23 สิงหาคม 2565 โดยแบ่งเป็น 2 โซน ได้แก่
โซนหุ่นยนต์
โซนนวัตกรรม