
ทะเลสาบและแม่น้ำในเยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน จีน และสหรัฐฯ แห้งเหือด ขณะที่ภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำคุกคามซีกโลกเหนือ
ทั่วโลกประกาศภัยแล้ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ climate change ยังไม่ดีขึ้น ภัยแล้งรุนแรงเกิดขึ้นในประเทศทั่วยุโรป เช่นเดียวกับในจีนและสหรัฐอเมริกา
รายงานของสหประชาชาติเตือนว่าภัยแล้งยาวนานขึ้นและบ่อยขึ้นตั้งแต่ปี 2543 โดยปัจจัยหลักคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ระดับในทะเลสาบแม่น้ำสายสำคัญหลายสายในหลายประเทศยุโรปลดลงถึงขั้นวิกฤติ เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้งครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ จนนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า อาจเลวร้ายที่สุดในรอบ 500 ปี
ในเยอรมนี ระดับน้ำที่ลดลงของแม่น้ำไรน์ทำให้เรือหลายลำไม่สามารถเดินเรือได้ เรือต้องบรรทุกน้ำหนักเพียง 30-40% จากเดิมเพื่อไม่ให้ท้องเรือครูดพื้นดิน ในฐานะที่เป็นแม่น้ำสำคัญสายหนึ่งในยุโรป แม่น้ำไรน์มักจะเต็มไปด้วยเรือขนส่งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ไปและกลับจากโรงไฟฟ้าและโรงงานตลอดเส้นทางน้ำ
เยอรมนีเผชิญกับผลกระทบทางเศรษฐกิจครั้งใหม่หลังจากแม่น้ำไรน์ลดลงต่ำกว่าระดับวิกฤติ จนต้องระงับการสัญจรทางแม่น้ำจำนวนมาก
ในวันที่ 12 สิงหาคม แม่น้ำไรน์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดใหม่ ส่งผลกระทบต่ออุปทานสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญต่อพื้นที่ส่วนต่างๆ ของทวีปยุโรปตอนบน ขณะที่ทวีปกำลังประสบกับวิกฤติด้านพลังงานครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ทั้งนี้มีการขนส่งน้ำมัน 400,000 บาร์เรลต่อวันผ่านแม่น้ำ ซึ่งทอดยาวจากภูมิภาค Amsterdam-Rotterdam-Antwerp ผ่านเยอรมนีไปยังสวิตเซอร์แลนด์
ระดับน้ำที่เมือง Kaub ซึ่งเป็นจุดอ้างอิงสำคัญทางตะวันตกของแฟรงก์เฟิร์ต ลดลงต่ำกว่าระดับวิกฤติ 40 เซนติเมตร และคาดว่าจะลดลงอีกอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ระดับน้ำที่ 40 เซนติเมตร หมายความว่าน้ำไม่มากพอให้เรือบรรทุกจำนวนมากแล่น น้ำตื้นช่วยป้องกันไม่ให้เรือบรรทุกได้เต็มลำ ระดับน้ำที่ต่ำบางครั้งส่งผลกระทบต่อการจราจรบนแม่น้ำไรน์ แต่ปีนี้ลดลงถึงระดับที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ปี 1993
ในทางใต้ของสเปน กำลังเผชิญกับภัยแล้งครั้งเลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยงานวิจัยบ่งชี้ว่าคาบสมุทรไอบีเรียอาจเป็นดินแดนที่แห้งแล้งที่สุดในรอบกว่า 1,000 ปี
ภัยแล้งในสเปนยังทำให้เห็นวงกลมหินยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เรียกกันว่า “สโตนเฮนจ์ของสเปน” ซึ่งตั้งแต่ปี 2506 เห็นหินนี้เพียงสี่ครั้ง
ขณะที่ ฝรั่งเศสประเทศเพื่อนบ้านติดกันกำลังประสบกับภัยแล้งที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกในปี 1958 หน่วยงานสภาพอากาศแห่งชาติกล่าว โดยเฉลี่ยแล้ว ฝรั่งเศสมีฝนตกน้อยกว่า 1 เซนติเมตร ในเดือนกรกฎาคม และหลายหมู่บ้านต้องพึ่งพาน้ำจากรถบรรทุกน้ำเนื่องจากน้ำประปาเริ่มไม่มีน้ำจ่าย
กระทรวงเกษตรของฝรั่งเศสระบุว่า มีการจำกัดการใช้น้ำในหลายพื้นที่ของประเทศ และการเก็บเกี่ยวข้าวโพดคาดว่าจะลดลงเกือบ 20% จากปี 2564
ส่วนอิตาลี ประสบกับความแห้งแล้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ระดับน้ำในทะเลสาบการ์ดา ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ลดลงใกล้ระดับต่ำสุดที่เคยบันทึกไว้

ทางตอนเหนือของอิตาลีไม่มีฝนตกหนักมาหลายเดือนแล้ว และปริมาณหิมะในปีนี้ก็ลดลง 70% ทำให้แม่น้ำสายสำคัญๆ เช่น แม่น้ำโปซึ่งไหลผ่านพื้นที่ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของอิตาลีแห้งแล้ง
ในต้นเดือนกรกฎาคม อิตาลีประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ภาคเหนือ 5 แห่ง รอบแม่น้ำโป ท่ามกลางภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 70 ปี
รายงานของสหภาพเกษตรกรรม Coldiretti พบว่าความแห้งแล้งคุกคามผลผลิตทางการเกษตรของอิตาลีมากกว่า 30%
นอกจากนี้เทศบาลหลายแห่งได้ประกาศการปันส่วนน้ำแล้ว

สภาพอากาศที่ร้อนผิดปกติและปริมาณน้ำฝนที่ต่ำตลอดช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ภาคเหนือของอิตาลีขาดแคลนน้ำ และทำให้เกิดความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ระดับน้ำในแม่น้ำและทะเลสาบหลายแห่งของสวิตเซอร์แลนด์ก็ลดลงสู่ระดับที่ต่ำมากเช่นกัน
ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมากกว่า 70% ของที่ดินทั้งหมดประสบกับภาวะแห้งแล้งที่รุนแรงหรือร้ายแรง มีคำเตือนเกี่ยวกับปริมาณน้ำ โดยอ่างเก็บน้ำในลุ่มน้ำโคโลราโด ได้แก่ ทะเลสาบมี้ด และทะเลสาบพาวเวลล์ มีระดับน้ำต่ำเป็นประวัติการณ์

จีนประกาศภาวะฉุกเฉินภัยแล้งครั้งแรก
ขณะเดียวกัน ในจีนซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของอีกซีกโลก และเป็นภูมิภาคที่ต้องพึ่งพาแม่น้ำแยงซี กำลังต้องใช้เครื่องสูบน้ำและเครื่องบินทำฝนเทียม เนื่องจากภัยแล้งทำให้ระดับน้ำลดลงและคุกคามพืชผล และยังเกิดคลื่นความร้อนต่อเนื่องอีกสองสัปดาห์
ศูนย์เฝ้าระวังแห่งชาติของจีนในวันพฤหัสบดี(18 ส.ค.)ได้ออกคำเตือนภัยแล้งระดับสีเหลือง นับเป็นการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านภัยแล้งครั้งแรกในปีนี้ เนื่องจากคลื่นความร้อนที่ทำลายสถิติแผดเผาแผ่ไปทั่วพื้นที่กว้างใหญ่ของประเทศ และทำให้แม่น้ำแยงซีแห้งแล้ง
จังหวัดทางตอนกลางและทางใต้ของจีนต้องเผชิญกับความร้อนจัดเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยอุณหภูมิในเมืองต่างๆ หลายสิบแห่งสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส คลื่นความร้อนมีผลกระทบต่อการเติบโตของพืชผล ปศุสัตว์ และทำให้อุตสาหกรรมบางประเภทต้องปิดตัวลงเพื่อประหยัดพลังงานสำหรับบ้านเรือน
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติระบุว่าตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม พื้นที่ทางตอนใต้ ภาคกลาง และตะวันตกเฉียงใต้ของจีนประสบกับภัยแล้งอันเป็นผลมาจากฝนน้อยและอุณหภูมิสูง
ศูนย์ฯ ยังชี้ว่า ความแห้งแล้งที่อยู่เหนือระดับปานกลางขณะนี้ยังคงปกคลุมในบางพื้นที่ของมณฑลเจียงซู อานฮุย หูเป่ย เจ้อเจียง เจียงซี หูหนาน กุ้ยโจว ฉงชิ่ง เสฉวน และทิเบต
ศูนย์ฯแนะนำให้ภูมิภาคเหล่านี้จับตาดูการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดและทำฝนเทียมเมื่อจำเป็น นอกจากนี้ยังเตือนถึงความเสี่ยงของไฟป่า
ประเทศจีนมีระบบเตือนภัยสภาพอากาศสี่ระดับด้วยการใช้สี โดยสีแดงแสดงถึงการเตือนที่รุนแรงที่สุด รองลงมาคือสีส้ม สีเหลือง และสีน้ำเงิน
มณฑลเสฉวนของจีนซึ่งมีประชากร 94 ล้านคน สั่งให้โรงงานทั้งหมดปิดตัวลงเป็นเวลา 6 วันในสัปดาห์นี้เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในภูมิภาค หลังจากระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลงและความต้องการเครื่องปรับอากาศพุ่งสูงขึ้นท่ามกลางความร้อน
ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำแยงซีก็ลดลงเช่นกันประมาณ 45% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลกระทรวงทรัพยากรน้ำ สถานีโทรทัศน์ CCTV รายงานว่า แม่น้ำ 66 สายใน 34 มณฑลทางตะวันตกเฉียงใต้ของฉงชิ่งแห้งเหือด

เขตเป่ยเป่ยทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนประสบอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 45 องศาเซลเซียส ในวันพฤหัสบดี ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ระบุ
เจ้าหน้าที่ของจีนในสัปดาห์นี้ได้เปิดเผยมาตรการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบของภัยแล้ง ซึ่งรวมถึงการทำฝนเทียม มีการใช้เงิน 44 ล้านดอลลาร์ในการบรรเทาภัยพิบัติสำหรับชุมชนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด และการปิดพื้นที่บางส่วนที่ใช้พลังงานมาก
ต้าน หวัง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Hang Seng Bank China ให้สัมภาษณ์รายการ “Squawk Box Asia” ของสถานีโทรทัศน์ CNBC เมื่อวันพฤหัสบดีว่า ความร้อนอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของจีน และอุตสาหกรรมเหล็ก เคมี และปุ๋ยของประเทศกำลังประสบกับภาวะการผลิตที่ชะลอตัว
“มันจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานมาก และจะมีผลกระทบทั่วทั้งเศรษฐกิจและแม้กระทั่งในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก” หวางกล่าว
ในเดือนกรกฎาคม อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นมากทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยตรง 2.73 พันล้านหยวน หรือ 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชน 5.5 ล้านคน ตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีจากกระทรวงฉุกเฉินของจีน