สหรัฐฯและจีนได้ตกลงที่จะร่วมมือกันในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ climate change หลังจากการประชุมระดับสูงในนครเซี่ยงไฮ้เป็นเวลา 2 วันแม้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้น
ในแถลงการณ์ร่วมที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 เมษายน สหรัฐฯและจีนระบุว่า วิกฤตสภาพภูมิอากาศ “ต้องได้รับการแก้ไขด้วยความจริงจังและเร่งด่วน” และตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อ “เสริมสร้าง” การปฏิบัติตามข้อตกลงปารีส
“สหรัฐฯและจีนจะหารือกันต่อไป ทั้งการเข้าสู่การประชุม COP 26(การประชุมภาคีแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26) และอื่นๆ การดำเนินการที่เป็นรูปธรรมในช่วงปี 2020 เพื่อลดการปล่อยก๊าซ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิตามข้อตกลงปารีสให้เป็นไปตามเป้าหมาย” แถลงการณ์ระบุ
การแถลงการณ์ร่วมมีขึ้น หลังจากการเจรจาเป็นเวลาสองวันระหว่างผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐด้านสภาพภูมิอากาศนาย จอห์น เคอร์รี และผู้แทนพิเศษของจีนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนายเซี่ย เจิ้งฮวา ในนครเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 15-16 เมษายน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯซึ่งมีจุดยืนที่แข็งแกร่งในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากกว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ หวังว่าสหรัฐฯจะสามารถทำงานร่วมกับจีน เพื่อแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอน ขณะที่ยังคงมีจุดยืนที่มั่นคงในประเด็นการค้าเทคโนโลยีและสิทธมนุษย์ชน
จีนเป็นผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนรายใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้การมีส่วนร่วมของรัฐบาลจีนเป็นส่วนสำคัญของแผนการที่ประสบความสำเร็จในการจัดการกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
ในแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมของจีนกล่าวว่า การเจรจาระหว่างนายเคอร์รีและนายเซี่ยนั้น “ตรงไปตรงลงลึกและสร้างสรรค์
“ทั้งสองฝ่ายตระหนักดีว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงและเร่งด่วนต่อความอยู่รอดและการพัฒนาของมนุษยชาติ” กระทรวงฯระบุพร้อมเสริมว่า จีนและสหรัฐฯ “จะกระชับความร่วมมือทำงานร่วมกับพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
กระทรวงฯยังระบุอีกว่า ทั้งสองประเทศจะ “เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในด้านต่างๆต่อไปเช่น การเสริมสร้างมาตรการเชิงนโยบาย การส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและคาร์บอนต่ำ และสนับสนุนการพัฒนาพลังงานและคาร์บอนต่ำของประเทศกำลังพัฒนา”
เรื่องและภาพ: CNN