ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์ รายงาน

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ “ความสะหงบ Lao Security News” สื่อของรัฐบาลลาว ที่กำกับดูแลโดยกระทรวงป้องกันความสงบ (บทบาทคล้ายกระทรวงมหาดไทย) ฉบับวันอังคารที่ 12 กรกฎาคม 2565 นำเสนอบทรายงานในหัวข้อ “กลโกงที่แนบเนียนของเจ๊ทิบ รับฝากเงินให้ดอกเบี้ยสูง สูบเงินเหยื่อมหาศาลหลบหนี” ได้ให้รายละเอียดของอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ที่เกิดจากการสร้างภาพความน่าเชื่อถือผ่านสื่อออนไลน์ จนผู้คนหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อ ซึ่งเป็นกรณีล่าสุดที่เรื่องเพิ่งแดงขึ้นในลาว เมื่อไม่นานมานี้
เนื้อหาในบทรายงาน ถอดความโดยสังเขปได้ดังนี้…
นาง “พอนทิบ ไซปันยา” หรือที่เรียกกันว่า “เจ๊ทิบ” อายุเพียง 30 ปี กลายเป็นเป้าหมายที่เจ้าหน้าที่กำลังต้องการตัวมาดำเนินคดี เพราะฉ้อโกงเงินของประชาชนจำนวนหลายพันคน หอบเงินจำนวนมหาศาลหนีออกนอกประเทศ ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งมาถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีภาคส่วนใดรู้ว่าเจ๊ทิบหนีไปไหน และก็ยังจับตัวไม่ได้
เจ๊ทิบเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงทางสื่อสังคมออนไลน์ และใช้ชีวิตหรูหรา มีธุรกิจขายเพชร และทองคำแท่ง ชื่อร้าน “ลายา จิวเวลรี่” แต่ละวัน เจ๊ทิบจะโพสต์ขายเพชร ขายอัญมณีที่มีราคาแพง และโพสต์ขายทองคำแท่งเป็นจำนวนมาก แต่ธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้แก่เจ๊ทิบ แท้จริงแล้วไม่ได้มีเพียงร้านขายเพชรและทองคำเท่านั้น แต่เป็นธุรกิจรับฝากเงินโดยให้อัตราดอกเบี้ยสูง
เจ๊ทิบได้มีการโฆษณาผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ใครนำเงินมาฝากกับเจ๊ทิบจะได้รับดอกเบี้ยสูงถึง 30% ของมูลค่าเงินที่ฝากไว้ต่อเดือน แต่การวางแผนของเจ๊ทิบนั้นแนบเนียนที่สุด โดยวางเงื่อนไขว่าถ้าหากใครต้องการได้รับดอกเบี้ยสูง 30% ต่อเดือน ต้องนำเงินมาฝากอย่างน้อย 50 ล้านกีบ (ประมาณ 105,000 บาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 480 กีบ = 1 บาท) ขึ้นไป
เมื่อกระบวนการสร้างภาพทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดความเชื่อถือ การลวงเงินในกระเป๋าเหยื่อมาสู่กระเป๋าตนเองจึงง่ายดาย และไม่มีอุปสรรคใดๆ กีดขวาง ประชาชนจำนวนไม่น้อยหลั่งไหลนำเงินไปฝากไว้กับเจ๊ทิบ แต่แท้จริงแล้ว เจ๊ทิบหวังกอบโกยเอาเงินของเหยื่อที่นำมาฝากเท่านั้น ไม่มีความประสงค์จะคืนเงินให้ ทั้งต้น ทั้งดอก

อีกมุมหนึ่งในการสร้างภาพของเจ๊ทิบ คือการรับซื้อ-ขายหวยออนไลน์ และมีชื่อเสียงในการถูกรางวัล “หวยพัฒนาลาว” อย่างต่อเนื่อง โดยถูกหวยงวดหนึ่งๆ ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านกีบ แต่ความจริงแล้ว การถูกหวยของเจ๊ทิบเป็นเพียงการสร้างกระแสเท่านั้น ด้วยหวังสร้างภาพให้สังคมรับรู้ว่าตนเองดวงเฮงและรวย เพื่อหลอกลวงเอาเงินเหยื่อมาฝากไว้กับตน
การโพสต์ขายเพชร ขายทองคำแท่ง และการถูกหวยรางวัลใหญ่ของเจ๊ทิบ เป็นการทำควบคู่กันไปเพื่อสร้างภาพให้ผู้คนหลงเชื่อว่าตนเองนั้น รวยจริงๆ ทำให้คนจำนวนมากนำเงินไปฝากไว้กับเจ๊ทิบ และเมื่อใกล้ถึงกำหนดวันรับดอกเบี้ย เจ๊ทิบได้หอบเงินหนีออกนอกประเทศเป็นจำนวนมหาศาล รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 3 สกุล ได้แก่
– เงินกีบ 20,000 ล้านกีบ
– เงินบาท 400 ล้านบาท
– เงินดอลลาร์สหรัฐ 4 ล้านดอลลาร์
ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 มีผู้เสียหายมากกว่า 5,000 คน ทยอยเข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ และคาดว่ายังจะมีผู้เสียหายอีกหลายคน เดินทางเข้ามาแจ้งความเพิ่มอีก
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เจ๊ทิบได้เดินทางออกนอกประเทศไปตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2565 ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองสะพานมิตรภาพลาว-ไทย 1 (เวียงจันทน์-หนองคาย) ปัจจุบันเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวเจ๊ทิบมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
……
“หวยพัฒนา” เป็นการออกรางวัลสลากกินแบ่งของรัฐบาลลาว ดำเนินการโดยรัฐวิสาหกิจหวยพัฒนา ที่ขึ้นตรงกับกระทรวงการเงิน โดยมีการออกรางวัลสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์
ด้วยการสร้างภาพว่าเป็นบุคคลที่ดวงดี ถูกรางวัล “หวยพัฒนา” มาตลอด นางพอนทิบจึงเรียกชื่อเครือข่ายเงินฝากของตนเองว่าเป็น “หวยเงินฝากแม่ทิบ” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “หวยแม่ทิบ” และเรียกคนที่นำเงินมาฝากเป็น “ลูกหวย”
ตามข่าวที่ถูกเผยแพร่ในลาวตลอด 2 สัปดาห์มานี้ ไม่มีข้อมูลที่ชี้ชัดว่าจุดเริ่มต้นของเครือข่ายหวยเงินฝากแม่ทิบเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด สังคมลาวเริ่มรับรู้เรื่องราวของหวยแม่ทิบในปลายเดือนมิถุนายน 2565 เมื่อเริ่มมีการพูดคุย สอบถามกันผ่านทางสื่อออนไลน์ ในหมู่ลูกหวยบางคนที่ไม่ได้รับดอกเบี้ยจากเจ๊ทิบ จากนั้นความไม่ชอบมาพากลของหวยเงินฝากแม่ทิบจึงถูกกระจายออกไปเป็นวงกว้าง เพราะลูกหวย “ทุกคน” ไม่มีใครได้รับดอกเบี้ย
วันที่ 29 มิถุนายน 2565 เพจ “โทละโข่ง” ชุมชนออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดแห่งหนึ่งของลาว มีผู้ติดตามมากกว่า 1.3 ล้านคน ขึ้นสถานะเชิงสอบถามเกี่ยวกับดอกเบี้ยจากหวยเงินฝากแม่ทิบ มีผู้ที่เป็นลูกหวยเข้ามาตอบและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเป็นจำนวนมาก
วันที่ 30 มิถุนายน 2565 เพจ Laonews โพสต์ภาพกลุ่มลูกหวยหลายคนที่ไปยืนออกันอยู่หน้าร้านลายา จิวเวลรี่ ของเจ๊ทิบ เนื้อหาคร่าวๆ เขียนว่า…
ความจริงเรื่องเจ๊ทิบตอนนี้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว?
วันที่ 30 มิถุนายน 2565 ตามแจ้งการนี้ ชื่อเฟซ J’thip ขึ้น popular now กลายเป็นกระแสแรงในออนไลน์ สังคมก็ว่าเจ๊ทิบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
สำหรับหลักฐานที่พอเชื่อถือได้ตอนนี้ก็คือ มีคนที่เป็นลูกหวยไปรวมตัวกันอยู่ที่สำนักงานหรือร้านของเจ๊ทิบ และมีข้อมูลเกี่ยวกับการฝากเงินกับเจ๊ทิบ
เรื่องนี้จริงเท็จเพียงใด ต้องติดตามกันต่อไป
……
วันเดียวกัน (30 มิถุนายน 2565) เว็บไซต์ All in LAOS รายงานข่าวว่า ลูกหวยเงินฝากแม่ทิบอย่างน้อย 29 คน ได้ไปแจ้งความไว้กับสำนักงานตำรวจ กองบัญชาการป้องกันความสงบ นครหลวงเวียงจันทน์ ให้ดำเนินคดีกับเจ๊ทิบในข้อหาฉ้อโกง
ในเนื้อข่าว ระบุรายชื่อและตัวเลขความเสียหายของแต่ละคน เป็นเงินสกุลต่างๆ ตามที่นำไปฝากไว้กับเจ๊ทิบ มีตั้งแต่ 30 ถึง 2,500 ล้านกีบ, 2 แสนถึง 3.5 ล้านบาท และ 3 พันถึง 1.8 แสนดอลลาร์สหรัฐ
มีคนที่แจ้งมูลค่าความเสียหายสูงที่สุดของวันนั้น ได้นำเงินเก็บส่วนตัวที่มีอยู่ทั้ง 3 สกุลไปฝากไว้กับเจ๊ทิบ แยกเป็นเงินกีบ 2,500 ล้านกีบ เงินบาท 3.5 ล้านบาท และเงินดอลลาร์สหรัฐ 1.8 แสนดอลลาร์
……
เรื่องหวยแม่ทิบเป็นประเด็นพูดคุยกันตามชุมชนออนไลน์อยู่ประมาณ 10 วัน จึงค่อยมีท่าทีจากฝั่งทางการออกมา ผ่านบทรายงานทางเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ “ความสะหงบ Lao Security News” ฉบับวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ดังที่กล่าวไปข้างต้น
ในช่วงท้ายของบทความนี้ ได้เขียนเตือนสติคนลาว และให้ข้อมูลว่า “หวยแม่ทิบ” ไม่ใช่อาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเป็นกรณีแรกในลาว แต่พฤติกรรมฉ้อโกงเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลัง และไม่มีผู้ใดหลาบจำ
เนื้อหาช่วงนี้ เขียนว่า…
อย่างไรก็ตาม สังคมลาวในปัจจุบัน ยังเกิดการหลงเชื่อกลโกงของ “คนบ่ดี” อย่างง่ายดาย เพราะที่ผ่านมา ได้เคยเกิดเหตุการณ์ประเภทนี้ขึ้นในลาวมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการเข็ดหลาบ ยังมีผู้หลงเชื่อจนต้องสูญเสียเงินไปจำนวนไม่น้อย บางคนก็สูญเสียเงินไปจนหมดตัว เพราะหวังรวยแบบง่ายๆ
มีหลายกรณีที่เชื่อว่าทุกคนยังจำกันได้ เกี่ยวกับการฉ้อโกงเงินประชาชน และมีผู้เสียหายจำนวนมากอยู่ในประเทศลาว ขอยกตัวอย่างบางเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับกรณีเจ๊ทิบมาทบทวนความจำ คือ
ปี 2560 บริษัท ASEAN Face รับเงินฝากในอัตราดอกเบี้ย 30% ต่อเดือน ล้มละลาย สร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 16 ล้านดอลลาร์

ปัจจุบันนี้ เชื่อว่ายังมีหลายกลโกงที่มาหลอกลวงเงินจากผู้อื่น และสุดท้ายหอบเงินหลบหนี แต่ยังไม่ถูกเผยแพร่ออกมาเป็นข่าวโด่งดัง เช่น การนำเงินไปฝากไว้เพื่อหวังได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูง การซื้อหวยเถื่อน การหลอกให้ซื้อ-ขายสิ่งของ และอื่นๆ
เมื่อถูกหลอก หรือมีการฉ้อโกงเกิดขึ้น บางคนก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร ได้แต่นำเรื่องราวมาเผยแพร่สู่สังคมออนไลน์เท่านั้น บางคนก็เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
ฉะนั้น บทเรียนอันล้ำค่าที่เกิดขึ้นในระยะที่ผ่านมา หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สังคมลาวจะจดจำ และไม่หลงเชื่อไปกับกลโกงของกลุ่มคนในลักษณะแบบนี้อีก ถ้าทุกคนมีความรอบคอบ ไม่หลงเชื่อแบบง่ายๆ ลักษณะกลโกงแบบที่กล่าวถึงนี้ จะไม่เกิดให้เห็นในสังคมลาวอย่างแน่นอน
……
ตามข้อมูลล่าสุดจากบทความนี้ มีความเป็นไปได้ว่าตอนนี้ เจ๊ทิบอาจกำลังใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย…