เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2561 นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร ร่วมกับนายบรรจง สุกรีฑา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม แถลงข่าวจับกุม อายัด พร้อมผลักดันตู้สินค้าเศษอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก และเศษโลหะ รวมกว่า 100 ตู้ (ตู้คอนเทนเนอร์) ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ
นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานตรวจสอบการนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์ และเศษพลาสติกร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมว่า หลังจากที่นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ได้มีการหารือร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อสกัดกั้นการลักลอบ หลีกเลี่ยง นำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก และเศษโลหะมาทิ้งในประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2561 นายกุลิศได้สั่งการด่านศุลกากรทุกแห่ง ยกระดับการตรวจสอบ การนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์ และเศษพลาสติกร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด
ล่าสุด สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ได้อายัดการนำเข้าสินค้าประเภทซากอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 4 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งสำแดงบัญชีรายการสินค้าสำหรับเรือเป็น metal scrap นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผู้ประกอบการไม่มาดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรภายในระยะเวลาที่กำหนด กรมศุลกากรจึงเปิดตู้คอนเทนเนอร์เพื่อทำการตรวจสอบ พบขยะอิเล็กทรอนิกส์ประเภทคาปาซิเตอร์ หม้อแปลงไฟฟ้าใช้แล้ว ซึ่งจัดเป็นวัตถุอันตรายประเภท 5.2 ตามอนุสัญญาบาเซล ต้องได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนนำเข้า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้นำตัวอย่างไปตรวจสอบ
สำหรับสถานการณ์การนำเข้าเศษพลาสติก (plastic scrap) ข้อมูล ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2561 พบว่ามีการนำเข้าเศษพลาสติกจากประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จีน และฮ่องกง มาที่ท่าเรือกรุงเทพแล้วประมาณ 428 ตู้ (ตู้คอนเทนเนอร์) มีรายละเอียดดังนี้
-
1. กรณีสินค้ามาถึงท่าเรือเกินกำหนดระยะเวลา 30 วัน และกรมศุลกากรได้แจ้งตัวแทนเรือแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำสินค้าผ่านพิธีการศุลกากร (List A) มีจำนวน 47 ตู้ กับกรณีที่กรมศุลกากรได้แจ้งตัวแทนเรือแล้ว แต่ไม่มาดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากร (List F) มีจำนวน 42 ตู้ในกรณีนี้อยู่ระหว่างการเปิดตู้คอนเทนเนอร์ตรวจสอบร่วม 3 ฝ่าย คือกรมศุลกากร การท่าเรือกรุงเทพ และตัวแทนเรือ
2. สินค้าเข้ามาอยู่ในเขตท่าเรือภายในกำหนด 30 วัน โดยผู้รับสินค้ากำลังดำเนินการนำสินค้าผ่านพิธีการศุลกากรมีจำนวน 339 ตู้
ส่วนการนำเข้าเศษโลหะ เช่น เศษทองแดง ทองเหลือง อลูมิเนียม สแตนเลส กลุ่มนี้ไม่ต้องมีใบอนุญาตนำเข้า แต่เจ้าหน้าที่พบข้อสงสัย จึงได้สั่งอายัดตู้สินค้า รวมทั้งสิ้น 40 ตู้ ในจำนวนนี้กรมศุลกากรร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ทำเปิดตู้ตรวจสอบสินค้าแล้ว 11 ตู้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอฟังผลการตรวจสอบจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนที่เหลืออีก 29 ตู้ อยู่ระหว่างการสั่งอายัดสินค้า และรอการตรวจสอบร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม
สำหรับที่ท่าเรือแหลมฉบัง ข้อมูล ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2561 ยังมีการนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์ และเศษพลาสติกทั้งหมด 1,058 ตู้ ในจำนวนนี้มีการนำสินค้าผ่านพิธีการศุลกากรแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจปล่อยสินค้า 325 ตู้, ยังไม่มีการนำสินค้าผ่านพิธีการศุลกากร แต่ยังอยู่ในกำหนดเวลา 30 วันมีจำนวน 433 ตู้ และที่เหลือ 300 ตู้ เกินกำหนดเวลา 30 วัน ยังไม่มีการนำสินค้าผ่านพิธีการศุลกากร กลุ่มนี้กำลังอยู่ระหว่างการเปิดตู้คอนเทนเนอร์ตรวจสอบ
ด้านนายบรรจง สุกรีฑา รองอธิบดี กรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ออกประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยให้ชะลอการพิจารณาอนุญาตนำซากอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และเศษพลาสติกที่ใช้งานแล้ว ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตรายเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว หรือจนกว่าคณะอนุกรรมการเพื่อบูรณาการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างเป็นระบบจะได้มีแนวทางหรือนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป หลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่มีการพิจารณาอนุญาตให้นำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ส่วนการรายงานผลการตรวจสอบร่วมกับกรมศุลกากรนั้น เป็นการสำหรับปริมาณนำเข้าสินค้ากล่มนี้ก่อนที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมยกร่างประกาศกระทรวง ห้ามโรงงานนำเข้าเศษพลาสติกใช้แล้วมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 32 (2) คาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ สำหรับบริษัทที่ปฏิบัติตามระเบียบและเงื่อนไขของกรมโรงงานอุตสาหกรรมถูกต้อง และยังมีโควตาการนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์เหลือ หากประสงค์ที่จะนำเข้า ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมก็จะทำเรื่องเสนอคณะอนุกรรมการเพื่อบูรณาการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างเป็นระบบ พิจารณาต่อไป
นายวิชา อุไรรัตน์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายปฏิบัติการทางเรือและสินค้าท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2561 การท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศระงับการขนถ่ายตู้สินค้า ประเภทซากอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป หลังจากกฎหมายมีผลบังคับ ผู้นำเข้าจะไม่สามารถขนสินค้าลงจากเรือได้
ทั้งนี้ กรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ยังคงยืนยันที่จะดำเนินการร่วมตามมาตรการดังนี้ ดังนี้
-
1. จัดทำฐานข้อมูลร่วมกันระหว่างกรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรม (big data) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และนำมาวิเคราะห์บริหารความเสี่ยง (risk management)
2. กรมศุลกากรจะนำระบบควบคุมทางศุลกากร โดยใช้ระบบเอกซเรย์เข้ามาตรวจสอบตู้สินค้าทุกตู้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะทำงานร่วมกัน โดยการเปิดตรวจตู้สินค้าดังกล่าว ซึ่งหากท่าเรือที่มีการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าเศษอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกในปริมาณมาก กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำ ณ ท่าหรือที่ดังกล่าว (contact person/contact point) เช่น สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง เป็นต้น
3. เมื่อพบการกระทำความผิดจะทำการผลักดันสินค้าเศษอิเล็กทรอนิกส์ และเศษพลาสติกออกนอกประเทศ และให้ผู้นำเข้ารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
4. ทำการตรวจสอบย้อนกลับ (traceability) สำหรับบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตในการนำเข้า เมื่อผ่านพิธีการศุลกากรตรวจปล่อยของออกจากอารักขาของศุลกากรแล้ว กรมศุลกากรแจ้งกรมโรงงานอุตสาหกรรมให้ไปทำการตรวจสอบ ณ โรงงานต่อไป
5. ตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในประเด็นข้อกฎหมาย เพื่ออุดช่องโหว่ในการนำเข้า นำส่ง นำผ่านไปยังปลายทาง และกำหนดมาตรการเพิ่มโทษในกรณีกระทำความผิด
6. กรณีบริษัทกระทำความผิด ทางกรมศุลกากรจะส่งข้อมูลให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อยกเลิกใบอนุญาตต่อไป