ThaiPublica > เกาะกระแส > ทีเส็บ ลุยตลาด MICE บุรีรัมย์ ปรับทิศสู่การท่องเที่ยว “เมืองรอง” ในประเทศ

ทีเส็บ ลุยตลาด MICE บุรีรัมย์ ปรับทิศสู่การท่องเที่ยว “เมืองรอง” ในประเทศ

28 ธันวาคม 2021


นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ทีเส็บ

ทีเส็บ ปรับทิศเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ในประเทศ หลังโควิด-19 ให้บทเรียนปิดตายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใช้แคมเปญ Be in Buriram เป็นต้นแบบการท่องเที่ยวไมซ์ในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อสร้างการเติบโตให้ตลาดไมซ์และสร้างรายได้ให้ชุมชน

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) หรือทีเส็บ (TCEB) กล่าวว่า จากปี 2562 ในช่วงก่อนไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด ประเทศไทยติดอันดับ 4 ของเอเชียในด้านการท่องเที่ยวแบบ convention รองจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี และไทยยังติดอันดับ 1 ใน 8 ของประเทศแถบเอเชียที่มีการท่องเที่ยวด้าน exhibition มากที่สุด แต่ภายหลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ (MICE, meetings, incentive travel, conventions, exhibitions) ให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มนักเดินทางต่างชาติซึ่งไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทย ทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวไม่เติบโตมากนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายมากขึ้น ทีเส็บจึงวางกลยุทธ์โดยให้ความสำคัญของนักท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น

ตัวอย่างหนึ่งที่ทีเส็บได้เริ่มทำคือแคมเปญร่วมกับจังหวัดบุรีรัมย์ในชื่อ BE IN BURIRAM เนื่องจากเห็นว่าบุรีรัมย์เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพที่สามารถจัดงานไมซ์ได้อย่างเหมาะสม และจากการคัดเลือกสินค้าและบริการไมซ์แล้วยังเห็นว่าสามารถต่อยอดทางธุรกิจให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ได้

“บุรีรัมย์ยังไม่ใช่ MICE city แต่บุรีรัมย์มีองค์ประกอบไมซ์ 4 ด้านแล้ว แม้จะมี international convention ไม่มาก แต่ก็มีแนวโน้มในอนาคต ที่สำคัญคือบุรีรัมย์มีอัตลักษณ์ event city เป็นเมืองที่โดดเด่นเรื่องการจัดงานเมกะอีเวนต์ต่างๆ อย่างงาน Moto GP ทำให้ชาวต่างชาติให้สนใจเพราะมีการใช้ความสะดวกจากสถานที่จัดประชุมกว่า 30,000 คน และในตัว E (exhibition) ต้องมีสถานที่พิเศษ เช่น งานเทศกาลต่างๆ ดนตรี กีฬา การแข่งขันต่างๆ”

นายจิรุตถ์ กล่าวต่อว่า ในมุมของนักท่องเที่ยวไมซ์ คนไม่ได้ต้องการที่พัก เข้าประชุมแล้วกลับบ้านเท่านั้น แต่ในจังหวัดจะต้องสร้างประสบการณ์และให้นักท่องเที่ยวมีความรู้สึกร่วมกับคนในพื้นที่ ส่วนมุมมองของผู้จัดงานจะต้องมองให้ไกลกว่าการจัดงานท่องเที่ยว แต่สำคัญคือการจัดประชุมหรือสัมมนานอกสถานที่เป็นกิจกรรมซีเอสอาร์มากน้อยแค่ไหน และมีความยั่งยืนในการจัดงานหรือไม่ (sustainability) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ทีเส็บมองว่าไมซ์คือกลไกสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเมืองในด้านต่างๆ สร้างความเจริญเติบโตในทุกมิติ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น สร้างรายได้แก่ชุมชน

“การมาจัดงานประชุม-รู้ข้อมูลซื้อขายแล้วกลับคือโมเดลเดิม แต่โมเดลใหม่คือสิ่งที่เราทำวันนี้ได้ช่วยโลกหรือเปล่า เป็นการประชุมที่ลดกระดาษไหม ช่วยชุมชนหรือเปล่าหรือ เราต้องสรรสร้างหาสิ่งที่เขามาแล้วประทับใจได้มาช่วยสังคมชุมชน ไม่ใช่เจอแต่คนในโรงแรมเพราะบางที่มีแต่เชนโรงแรมเมืองนอก แทนที่จะมาโรงแรมก็มาที่ชุมชน”

ในแคมเปญ Be in BURIRAM จึงเฟ้นหาผลิตภัณฑ์และบริการไมซ์ใหม่ในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้จัดงานไมซ์ และสร้างรายได้ให้ชุมชนไปพร้อมกัน ไม่ว่าะจะเป็น

    (1) บ้านเจริญสุข ความมหัศจรรย์ของดินภูเขาไฟที่สะท้อนลงบนผืนผ้า ปราสาทเมืองต่ำ
    (2) ปราสาทขอมโบราณนับพันปี บ้านตาลอง ลวดลายผ้าไหมจากเปลือกข้าวเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่มีใครเหมือน
    (3) โรงแรมโฮเทล เดอ ลามูร์ โรงแรมที่มีการออกแบบผสมผสานความหรูหราและกลิ่นอายของอารยธรรมขอม
    (4) บ้านหนองตาไก้ แหล่งเรียนรู้ผ้าไหมเปลือกของเมืองบุรีรัมย์
    (5)
    คลีนฟาร์มเมล่อน ฟาร์มเมล่อนปลอดสารพิษแบบ Pick & Pay
    (6) เพลาเพลิน อาณาจักรดอกไม้และพันธุ์พืชที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน
    (7) บ้านสวนฟรุ๊ตการ์เด้นส์ แหล่งเรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงเกษตรผสมผสานรวมถึงแหล่งศึกษาดูงานเรื่องกัญชา
    (8) บ้านสนวนนอก ชุมชนปลูกหม่อนเลี้ยงไหม
    (9) บ้านซับสมบูรณ์ ชุมชนเห็ดน้ำแร่ที่ขึ้นชื่อ และ (10) บ้านดงอีจาน แหล่งน้ำแร่คุณภาพจากภูเขาไฟที่มีอายุกว่าล้านปี

นายจิรุตถ์ให้ข้อมูลว่า จังหวัดบุรีรัมย์มีจุดเด่นด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ ปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นปราสาทขอมโบราณที่งดงามที่สุดของเมืองไทย, อโรคยา เวลเนส, สนามฟุตบอลระดับเวิลด์คลาส, บ้านสวายสอ ชุมชนปลูกข้าวอินทรีย์ รวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยทำให้จังหวัดบุรีรัมย์มีจุดแข็งไม่แพ้พื้นที่อื่นๆ

“เวลาเราเลือกเมืองไมซ์จะใช้แนวคิด product lead ไม่ใช่ MICE city lead เพราะเมื่อเราใช้กิจกรรมนำขึ้นมา แล้วจัดอีเวนต์จะทำให้สามารถจัดที่ไหนก็ได้ในประเทศไทย อีกเรื่องคือ บุรีรัมย์มีความพร้อมเรื่อง ‘คน’ มากที่สุด บุคลากรมีความตั้งใจและเต็มที่กับทางและมีความสามารถมีคนที่สามารถเป็น one-stop service คุยคนเดียวได้ทุกเรื่อง ที่นี่มีหน่วยงานบริหารราชการเข้มแข็งที่สามารถระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน”

นายจิรุตถ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในอนาคตจะขยายความร่วมมือไปยังจังหวัดอื่นๆ โดยได้เริ่มดำเนินการกับจังหวัดเชียงรายและจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว ตลอดจนการผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวนอกเหนือจากแค่ในกรุงเทพมหานคร