ข่าวประชาสัมพันธ์
“ทีเส็บ” เตรียมจัด “World Tea and Coffee Expo” ดัน “บีซีจี โมเดล” ต่อยอดและสร้างสรรค์เรื่องราวผ่านการพัฒนาพื้นที่ สินค้า และบริการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรายได้เกษตรกร – ชุมชนภาคเหนือ
ปัจจุบันรัฐบาลมีการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจโดยใช้ “โมเดลเศรษฐกิจ BCG” เพื่อเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจทุกภาคส่วนของประเทศให้เติบโตแบบก้าวกระโดด มีการตั้งเป้าว่าโมเดลเศรษฐกิจนี้จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทย เป็น 4.4 ล้านล้านบาทภายในปี พ.ศ. 2572 โดย BCG นอกจากเป็นโมเดลในการพัฒนาเศรษฐกิจ ยังช่วยสร้างสมดุลของสิ่งแวดล้อมไทยให้ยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDG) ขององค์การสหประชาชาติด้วย
โมเดล BCG ประกอบด้วย เศรษฐกิจหลัก 3 ด้าน ได้แก่
ข้อมูลจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ที่เสนอไว้ใน BCG in Action: The New Sustainable Growth Engine โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ระบุว่า BCG เกี่ยวข้องกับการยกระดับรายได้ของเกษตรกร โดยนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยวางแผนและจัดการระบบต่างๆ สามารถที่จะช่วยเพิ่มรายได้เกษตรกรให้เพิ่มขึ้นโดยเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) โดยสนับสนุนให้เกษตรกรนำเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะมาปรับใช้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยสามารถเพิ่มผลผลิตได้กว่าเท่าตัว และลดต้นทุนการผลิตได้ 30%
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” กล่าวว่าจากนโยบายการส่งเสริมเศรษฐกิจ BCG ของภาครัฐ ทีเส็บได้เข้าไปสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้แนวทาง BCG ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (NEC) โดยจัดกิจกรรมไมซ์เพื่อส่งเสริมการปลูก กาแฟ และชา ที่เป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง และเป็นที่ต้องการของตลาด โดยทีเส็บได้จัดงานแสดงสินค้านิทรรศการ การประชุมชาและกาแฟระดับนานาชาติ “World Tea and Coffee Expo” หรือ “WTCE”
โดยงานนี้จะจัดขึ้นระหว่าวันที่ 24 – 27 ก.พ. 2565 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ โดยมีเป้าหมายในการยกระดับภาคเหนือของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลาง การผลิต และการค้าระดับโลกสำหรับกาแฟและชา รูปแบบของงานครั้งนี้จะมีการจัดแบบไฮบริดที่มีทั้งออนไลน์และการจัดในสถานที่จริง โดยในสถานที่จริงจะมีการสาธิตรูปแบบการผลิตชาและกาแฟ พร้อมเทคนิคการชงกาแฟโดยแชมป์บาริสต้าระดับประเทศด้วย
“วัตถุประสงค์ของการจัดงานนี้เพื่อยกระดับภาคเหนือของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลาง การผลิต และการค้าระดับโลกสำหรับกาแฟและชา โดยมุ่งมั่นตั้งใจอย่างยิ่งที่จะปั้นให้โครงการนี้ให้เป็นต้นแบบการใช้งาน MICE เป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นให้ภูมิภาคนี้ เป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับกาแฟและชาในระดับโลก” นายจิรุตถ์ กล่าว
นอกจากนี้การจัดงานประชุมและแสดงสินค้าในครั้งนี้ จะช่วยเติมเต็มภาพความพร้อมของห่วงโซ่ธุรกิจชากาแฟของภาคเหนือโดยมีเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมกาแฟคุณภาพสูง และเชียงรายเป็นแหล่งชาชั้นเลิศ และคาดหวังว่าจะสามารถสร้างแบรนด์จุดหมายปลายทางของทั้งสองจังหวัดให้เป็นเมืองชากาแฟอย่างเด่นชัดขึ้นซึ่งจะเป็นจุดขายของจังหวัด สามารถสร้างรายได้จากชา กาแฟ และกิจกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องได้อย่างยั่งยืน รวมถึงการนำเรื่องราวและประวัติความเป็นมาของล้านนา (Creative Lanna) มาต่อยอดและสร้างเรื่องราว พัฒนาเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ และต่อยอดผ่านสินค้า และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในพื้นที่ได้อีกด้วย