ThaiPublica > ประเด็นร้อน > COVID-19 พลิกโลก > เปิดเทอมวันแรก รร.สังกัด สพฐ. 12,000 แห่ง เปิด On-Site สธ.จี้ อย.เร่งขึ้นทะเบียนไฟเซอร์ฉีดเด็ก 5-11 ปี

เปิดเทอมวันแรก รร.สังกัด สพฐ. 12,000 แห่ง เปิด On-Site สธ.จี้ อย.เร่งขึ้นทะเบียนไฟเซอร์ฉีดเด็ก 5-11 ปี

1 พฤศจิกายน 2021


ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

เปิดเทอมวันแรกโรงเรียนในสังกัด สพฐ.12,000 แห่ง เปิด On-Site ที่เหลือ 23,000 แห่ง ทยอยเปิดในวันที่ 15 พ.ย.นี้ สธ.จี้ อย.เร่งขึ้นทะเบียนไฟเซอร์สำหรับเด็ก 5-11 ปี หลังฉีดวัคซีนให้เด็กอายุ 12-18 ปีแล้ว 2.8 ล้านคน

ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความเรียบร้อย อำนวยความสะดวกในการเปิดภาคเรียนตามมาตรการทางสาธารณสุข เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยวันนี้ (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564) เป็นวันแรกของเปิดภาคเรียนของโรงเรียนหรือสถานศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศในรูปแบบ On-Site หรือ ผสมระหว่างรูปแบบ On-Site กับรูปแบบอื่น ๆ ประจำปีการศึกษา 2/2564 ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า มีโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แจ้งเปิด 12,000 แห่ง จากทั้งหมด 35,000 แห่ง และจะมีการทยอยเปิดเรียนมากขึ้นตามความพร้อมของจังหวัดและสถานศึกษาในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564

ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการไม่เน้นว่าจะต้องเปิดเรียนได้จำนวนกี่แห่ง แต่ให้ความสำคัญกับความพร้อมตามมาตรการความปลอดภัยเป็นหลัก คือ การปฏิบัติตาม 7 มาตรการเข้มเปิดโรงเรียน ไป-กลับ คือ

    1) ประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน Thai Stop COVID Plus (TSC)+ และรายงานการติดตามการประเมินผลผ่าน MOECOVID
    2) จัดกิจกรรมรูปแบบ Small Bubble
    3) จัดระบบให้บริการอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ
    4) ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ตามเกณฑ์มาตรฐาน ได้แก่ การระบายอากาศภายในอาคาร การทำความสะอาดคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค และ การจัดการขยะ
    5) จัด School Isolation แผนเผชิญเหตุ และมีการซักซ้อม
    6) ควบคุมดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน (Seal Route) กรณีรถรับ-ส่งนักเรียน รถส่วนบุคคล และรถสาธารณะและ
    7) จัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา

รวมทั้งปฏิบัติตามข้อกำหนด 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) ประกอบด้วย 1) Distancing เว้นระยะห่าง 2) Mask wearing สวมหน้ากาก 3) Hand washing ล้างมือ 4) Testing คัดกรองวัดไข้ 5) Reducing ลดการแออัด 6) Cleaning ทำความสะอาด

และปฏิบัติตามข้อกำหนด 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) ประกอบด้วย 1) Self-care ดูแลตนเอง 2) Spoon ใช้ช้อนกลางส่วนตัว 3) Eating กินอาหารปรุงสุกใหม่ 4) Track ลงทะเบียนเข้าออกโรงเรียน 5) Check สำรวจตรวจสอบ และ 6) Quarantine กักกันตัวเอง

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไปนั้น ล่าสุด มีผู้ประสงค์ฉีดวัคซีนจำนวน 3.8 ล้านคน ฉีดวัคซีนแล้ว 2.8 ล้านคน แบ่งเป็นเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จำนวน 2.43 ล้านคน และ 3.88 แสนคน ตามลำดับ ขณะเดียวกัน นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้องค์การอาหารและยา (อย.)แจ้งบริษัทไฟเซอร์ประเทศไทยให้ทำการขึ้นทะเบียนวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี โดยเร่งด่วน หลังจากที่องค์การอาหารและยาของทางสหรัฐ อนุมัติให้ไฟเซอร์เป็นวัคซีนสำหรับฉีดเด็กอายุ 5-11 ปี ซึ่งอาจจะเริ่มฉีดกลุ่มเด็กดังกล่าวที่สหรัฐ ซึ่งระหว่างรอการขึ้นทะเบียนของบริษัทไฟเซอร์ประเทศไทยนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะติดตามข้อมูลอาการข้างเคียงและประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กวัย 5-11 ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆไปพร้อมกัน เพื่อความปลอดภัยที่สุดของเด็กไทย

  • เปิดเรียน On-site 1 พ.ย. ศธ. โยนภาระ “ผู้ปกครอง-ผอ.รร.” แบกรับมาตรการเข้มโควิด-19