ThaiPublica > คอลัมน์ > ราหูอมจันทร์

ราหูอมจันทร์

5 พฤศจิกายน 2021


แรมโบ้บ้านสวน

​ใครผ่านวัดศรีษะทองในช่วงนี้จะเจอกับรถแน่นเหมือนไม่เคยมีโควิด และแม้ว่าย่านนั้นจะมีน้ำล้นจากแม่น้ำนครไชยศรีขึ้นมาบนถนน ผู้คนก็มุ่งไปวัดพระราหูเพราะคำทำนายว่าราหูอมจันทร์วันที่ 19 พฤศจิกายนนี้จะมีผลแรง

​ย่านใกล้นครไชยศรีนอกจากจะมีตลาดท่านาขายของอร่อยอย่างขนมจีนซาวน้ำ ก๋วยเตี๋ยวแคระ ปลาช่อนทอดและบัวลอยแล้ว ยังมีวัดศรีษะทอง ตามที่เรียกกันว่าวัดพระราหู มีโลโก้เป็นราหูอมจันทร์ขนาดใหญ่

แต่ละครั้งที่จะเกิดจันทรุปราคา มักเกิดปรากฎการณ์ที่ผู้คนมารวมตัวกันเฝ้าพระราหูโดยไม่ได้นัดหมาย

​แม้ว่าระยะนี้น้ำทะเลสูงมารวมกับน้ำจากทางเหนือระบายลงมาท่วมถนนหนทางก็ไม่น่าเกรงเท่าความกลัวจะโดนราหูอม ซอยแคบ ๆก็เลยวุ่นด้วยรถที่จะเข้า จะออก จะหลบน้ำท่วม

ระยะไม่กี่ปีมานี้ไสยศาสตร์แพร่ระบาดตั้งแต่วงการบันเทิง ไปถึงคนอื่นๆ ทุกระดับ ตลาดวัตถุมงคลจึงมีขนาดถึง 4-5 หมื่นล้านบาท ยังไม่นับรวมรายจ่ายสำหรับ “คนศักดิ์สิทธิ์” ทั้งหมอช้าง หมอปลา ที่พูดอะไรคนก็พร้อมจะเชื่อ

​อาการขาดศัทธาในอนาคตแล้วหันไปหาที่พึ่งอื่นกำลังกลายเป็น new normal ของไทย สวนทางกับนโยบายสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ของรัฐบาล และสาเหตุของการขาดศรัทธาที่ว่าก็ดูได้จากเรื่องใกล้ตัว คือหวย

​ประเทศไทยที่ใหญ่อุดม มีประชาชนเล่นหวยราว 29 ล้านคนหรือประมาณครึ่งของคนวัยทำงานทั้งประเทศ แปลง่าย ๆได้ว่ามีคน 29 ล้านคนที่ซื้อหวยใบละร้อยบาท จากราคาหน้าสลาก 80 บาท

แปลว่าคนครึ่งประเทศสัมผัสกับความล้มเหลวของรัฐบาลจากประสบการณ์ตรง และตอกย้ำทุกเดือน ๆละสองครั้ง ว่าสัญญาอะไรเอาไว้ทำไม่ได้ โดยไม่ต้องมีใครมายุ หรือพีอาร์สูงอายุคนไหนจะช่วยได้

เรื่องหวยแพงสอดรับกับทฤษฎีการสื่อสารตรงที่ เมื่อซื้อหวยแพงจะเกิดการรับรู้ว่าเกินราคา พอซื้อทุกครั้งแพงทุกครั้ง การรับรู้ก็พัฒนาไปสู่ข้อสรุปว่าแก้ปัญหาล้มเหลว

เรื่องของไสยศาสตร์และความล้มเหลวยังเลยมาถึงการแก้น้ำท่วมและโควิด-19 ที่เชิญชวนให้สวดมนตร์ แต่ทั้งสองเรื่องต่างกันตรงที่มีคนตายเพราะโควิดหลายร้อยคนทุกวัน

แต่คนเหล่านั้นจะต้องตายจริง ๆหรือ เราลองดูข้อมูลอื่น ๆสักนิด

กราฟแสดงจำนวนการตรวจหาโควิดของไทย
กราฟแสดงจำนวนผู้ติดโควิดของไทย
กราฟแสดงการตรวจหาโควิดของไทยเทียบกับเพื่อนบ้าน
แผนที่แสดงการติดเชื้อในเอเชีย ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564
​จากสี่ภาพจึงพอจะเห็นได้ว่าการตรวจหาโควิด-19 และการติดเชื้อน้อยลงเป็นไปในทางเดียวกัน และการติดเชื้อรวมในไทยไม่ใช่น้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆในเอเซีย

แรงกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจทำให้รัฐบาลเปลี่ยนแนวให้ชาวไทยอยู่กับโควิดให้ได้ “เหมือนประเทศอื่น ๆ” ที่เขาเปิดประเทศกัน กิจการต่าง ๆก็เริ่มคึกคัก มีความหวัง

​แต่เราเลือกไม่พูดถึงว่า “ประเทศอื่น ๆ” ที่เปิดประเทศนั้นทำตามองค์การอนามัยโลก คือเปิดเมื่อมีประชาชนฉีดสองเข็มเกิน 70% และคลายล็อคเมื่ออัตราการติดเชื้อไม่เกิน 5% เป็นเวลา 14 วัน

ขณะที่ไทยฉีดได้ 42% และยังติดเชื้อเกิน 14% ของการตรวจ

ประเทศไทยยามนี้เหมือนจะมีสุริยุปราคราและจันทรุปราคาพร้อมกัน มืดทั้งกลางวันกลางคืน ทางเลือกสุดท้ายที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีคงจะทำได้ดี คือตีเกราะเคาะไม้วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564