ThaiPublica > คอลัมน์ > เคนมผง

เคนมผง

17 มกราคม 2021


แรมโบ้บ้านสวน

หญิงสาวที่เป็นเหยื่อของเคนมผงเคยพูดกับพ่อว่า “หนูไม่ดี” และตอนนี้เธอก็จากไปแล้วทิ้งความทุกข์โศกไว้กับผู้เป็นพ่อและลูกน้อยอีกสามคน ยังมีคนไทยอีกนับล้านคนต้องตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันเพราะความด้อยประสิทธิภาพทั้งระบบของเรา

การตายหมู่เพราะยาเสพติดเคนมผงในวันเดียวกันถึงหกศพ ในย่านวัดพระยาไกรกลายเป็นจุดสนใจอย่างกว้างขวาง แต่เหมือนว่าจุดสนใจครั้งนี้เกิดขึ้นก็เพราะเป็นการตายหมู่ กับชื่อของเคนมผง เคชาเขียว และเคทะเลทราย ได้เห็นตำรวจพากันออกจับรายวันคล้ายกับดูซีรี่ย์ส ที่พอจบก็ไม่คิดอะไร รอดูเรื่องใหม่

เรื่องยาเสพติดพัวพันกับนักเรียน เยาวชน ผู้ใช้แรงงาน และนักการเมืองไม่ใช่เรื่องใหม่เลยแม้แต่น้อย แต่เราเกิดความชาชินกับเรื่องต่าง ๆที่หมักหมม ไม่ต่างกับเรื่องอื่น ๆ เช่น ถ้าไม่มีโควิดระบาดรอบใหม่ ก็ไม่มีเรื่องบ่อน ไม่มีเรื่องลอบนำเข้าแรงงานประทุขึ้นมา

นอกจากเหยื่อเคนมผงแล้ว ในเรือนจำทั่วประเทศยังมีคนถูกคุมขังคดียาเสพติดอีกเกือบสองแสนคน ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงของคนเหล่านี้รวมกันนับล้านคนก็อยู่ในความทุกข์ไม่แตกต่างกัน

แต่ในโลกนี้ก็มีประเทศที่เขาเคยเป็นแบบไทยและแก้ปัญหาได้จนได้รับยกย่องเป็นตัวอย่างที่ดี เช่น สวิสเซอร์แลนด์ โปรตุเกส และไอซ์แลนด์ ซึ่งรายหลังนี้รัฐบาลสิงคโปร์และออสเตรเลียไปศึกษาแล้วจำลองแนวทางไปใช้

ไอซ์แลนด์เคยมีเยาวชนติดยา ติดเหล้า รุนแรงสุดแต่พลิกกลับมาเป็นประเทศที่เยาวชนมีคุณภาพมากสุดของยุโรป

ประเทศพวกนั้นเขาทำยังไง

แนวทางสำคัญของไอซ์แลนด์และประเทศอื่น ๆที่ได้ผลดี เกิดขึ้นเมื่อภาครัฐคิดใหม่ หันมาเอาจริงเอาจังกับกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบ ให้ราชการ ภาคธุรกิจ ผู้ปกครอง โรงเรียน และตัวเด็กเองมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน บนความเชื่อที่ว่าไม่มีเด็กคนไหนอยากติดยาเสพติด และเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายส่งเสริมให้เยาวชนได้ทำตามความสนใจของเขา

รัฐบาลจัดสรรงบประมาณด้านกีฬาและนันทนาการจำนวนมากให้แก่โรงเรียนและชุมชนให้เด็ก ๆได้เล่น ได้ปล่อยพลังตามช่วงวัยของพวกเขา ส่วนพ่อแม่มีหน้าที่ในการอยู่กับลูกให้มากเพื่อสร้างครอบครัวที่ดี ผลลัพท์คือไอซ์แลนด์มีปัญหายาเสพติด เหล้าและบุหรี่ในเยาวชนลดลง เอชไอวี ลดลง และมีนักกีฬาเยาวชนเก่ง ๆเพิ่มมากขึ้น

เป็นการยกศักยภาพของเยาวชนพร้อม ๆกับการจัดการด้านอุปสงค์เพราะเมื่อเด็ก ๆไม่สนใจยาเสพติด ก็ไม่มีตลาดรองรับผู้ขาย ในทางตรงกันข้าม ถ้าตลาดมีความต้องการสูง จะใช้กำลังปราบปรามมากเท่าไหร่ก็จะไม่สำเร็จ

แต่ถ้าจะเหมาว่าภาครัฐไทยไม่สนใจแก้ปัญหากับเยาวชน ก็ไม่ถูกต้อง ไม่ยุติธรรม เพราะในยุทธศาสตร์แก้ปัญหายาเสพติดก็มีการพูดถึงการสร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน เป็นยุทธศาสตร์ที่เขียนแล้ว ก็มีคณะกรรมการกำกับ และภาครัฐก็แบ่งแยกกันไปทำแบบคนละทิศคนละทาง

ฉะนั้นเมื่อได้เห็นรายงานของกระทรวงมหาดไทยในปี 2560 เข้า ก็จะอดดีใจไม่ได้ว่าปัญหายาเสพติดลดลงทั่วประเทศ อีกไม่ช้าไทยจะปลอดยาเสพติด ผู้ต้องขังมีน้อยจนอาจต้องขายเรือนจำเหมือนในต่างประเทศ

แต่พอมาดูรายงานของคณะกรรมการ และสำนักงาน ปปส. ในปีเดียวกัน กลายเป็นว่าในการจับยาเสพติด 8 ชนิดนั้นมีเพิ่มขึ้นถึง 5 ชนิดจำนวนคดีและผู้ต้องหาก็เพิ่มขึ้น และกระจุกตัวในกลุ่มอายุ 20-29 ปี ซึ่งเป็นวัยแห่งการมาช่วยกันสร้างประเทศ

ถึงตอนนี้ความดีใจหายไปแล้ว ความเฉยเมยกลับมาแทนที่

อดคิดไม่ได้ว่าในบ้านที่เห็นอะไรผิดหลายอย่างแต่ต้องทำเป็นเฉย ๆ จะหาความสุขได้ยังไง การดูแลสังคมเล็ก ๆในครอบครัวแต่ละคนให้ดี จึงสำคัญอย่างยิ่งยวดเพื่ออนาคตที่ดีในวันข้างหน้าของลูกหลาน

แต่นี่คือเรื่องของทั้งประเทศ เมื่อประชาชนตกในสภาพเคยชินกับปัญหาของส่วนรวม ก็ย่อมไม่ต่างกับชาติที่ไร้จิตวิญญาน

ย้อนกลับไปดูข้อมูล พบว่ารัฐบาลไอซ์แลนด์ทำให้สังคมเชื่อถือ แล้วเข้ามาร่วมกันช่วยให้เยาวชนเติบโตอย่างดี เป็นตัวของตัวเอง มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมโดยธรรมชาติ ซึ่งน่าจะไม่เหมาะกับไทยที่ต้องการให้เยาวชนเชื่อฟัง และในตอนเริ่มโครงการนั้นไอซ์แลนด์มีนายกรัฐมนตรีชื่อ อ๊อดสัน คนเดียว ไม่ได้ต้องมีนายกเกินร้อยคน