
เมื่อวันที่ 8 กันยายน กลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อเตรียมรับมือโรคระบาด (Coalition for Epidemic Preparedness Innovations: CEPI) องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีนและภูมิคุ้มกัน (Global Alliance for Vaccine and Immunization: Gavi) องค์การอนามัยโลก (World Health Organisation: WHO)และองค์การยูนิเซฟ( UNICEF) ได้ออก แถลงการณ์ร่วมเรื่องการลดคาดการณ์การจ่ายแจกวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับปีนี้และต้นปีหน้าลง
โดยแถลงการณ์มีว่า เมื่อ 12 เดือนที่แล้ว โลกได้มารวมตัวกันเพื่อสนับสนุนโครงการ (COVID-19 Vaccine Global Access Facility) หรือ COVAX ซึ่งเป็นความริเริ่มร่วมกันของภาคีระดับโลกเพื่อการเข้าถึงวัคซีนโควิด -19 ที่จะช่วยชีวิตทั่วโลก ด้วยการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ COVAX ได้เริ่มจัดหาเงินทุนทันที เข้าสู่การเจรจากับผู้พัฒนาและผู้ผลิตวัคซีน รวมทั้งจัดการกับความท้าทายทางเทคนิคและการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการเปิดตัวโครงการฉีดวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์
COVAX ประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนโครงการให้เดินหน้า โดยสามารถระดมทุนได้มากกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้รับคำมั่นที่มีผลผูกพันทางกฎหมายสำหรับวัคซีนมากถึง 4.5 พันล้านโดส และ มีการส่งมอบวัคซีน 240 ล้านโดสไปยัง 139 ประเทศในเวลาเพียง 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม
ภาพรวมการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของทั่วโลกยังไม่อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ เพราะมีเพียง 20% ของประชากรในประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางระดับต่ำเท่านั้นที่ได้รับวัคซีนเข็มแรก เทียบกับ 80% ในประเทศที่มีรายได้สูงและรายได้ปานกลางระดับสูง
ในช่วงวิกฤติหลายเดือนและระหว่างที่มีการจัดตั้ง COVAX ซึ่งผู้เข้าร่วมต้องมีการลงนาม ต้องรวบรวมความต้องการ และระดมเงินให้มากพอที่จะซื้อวัคซีนล่วงหน้านั้น ปริมาณวัคซีนทั้งโลกในช่วงแรกๆ ส่วนใหญ่ถูกประเทศร่ำรวยซื้อไป
ขณะนี้ ความสามารถของ COVAX ในการปกป้องผู้ที่เปราะบางที่สุดในโลกยังคงเจออุปสรรคหลักจาก
-
1) การห้ามส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกจาก Serum Institute of India (SII) ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์หลักของ COVAX ที่ยังไม่แน่นอนว่าจะเริ่มกลับมาส่งออกได้เมื่อไร
2) การให้ความสำคัญแก่ข้อตกลงทวิภาคีระหว่างผู้ผลิตกับแต่ละประเทศก่อน
3) ความท้าทายในการขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตหลักบางรายที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และแอสตราเซเนก้า
4) ความล่าช้าในการยื่นขออนุมัติตามกฎระเบียบ ของผู้ผลิต Novavax ส่วน Clover ต้องได้รับอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุดเฉิน(Emergency Use Listing:EUL) จาก WHO หรือ Stringent Regulatory Authority (SRA) ตามเงื่อนไขที่การส่งให้กับผู้ที่เข้าร่วม COVAX
แม้ในไตรมาสสี่ปีนี้การส่งมอบจะเพิ่ม แต่การกระจายวัคซีนโดยรวมปีนี้ก็คาดว่าจะลดลง
“จากภาพรวมอุปทานที่เปลี่ยนไป ทำให้ต้องลดคาดการณ์ปริมาณการกระจายวัคซีนผ่าน COVAX ลงราว 25% ในปี 2564 การช่วยเหลือจากผู้ผลิตจะช่วยให้การส่งมอบดีขึ้นได้”

จากการคาดการณ์ปริมาณล่าสุด COVAX คาดว่าจะสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ 1.425 พันล้านโดสในปี 2564 ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดและโดยที่ผู้ผลิตและประเทศที่มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมสูงแล้วไม่ได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการให้ความสำคัญกับ COVAX
ในจำนวนที่คาดไว้นี้ จะแจกจ่ายวัคซีนประมาณ 1.2 พันล้านโดสให้แก่ประเทศที่มีรายได้ต่ำ ที่เข้าร่วมด้วยเงื่อนไขการจองล่วงหน้า(Advance Market Commitment :AMC) ซึ่งเพียงพอที่จะปกป้อง 20% ของประชากรหรือ 40% ของผู้ใหญ่ทั้งหมด ในประเทศที่ตกลงด้วยเงื่อนไข AMC ทั้งหมด 92 ประเทศ ยกเว้นอินเดีย ส่วนอีกกว่า 200 ล้านโดสจะจัดสรรให้กับประเทศที่เข้าร่วมและใช้เงินตนเอง
COVAX คาดว่าจะได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกปี 2565 และมีปริมาณรวม 2.6 พันล้านโดส ทำให้คาดว่าจะบรรลุเป้าหมายสำคัญที่จะส่งมอบวัคซีน 2 พันล้านโดสในไตรมาสแรกของปี 2565

นอกเหนือจากการทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลของประเทศที่เข้าร่วมเพื่อให้แน่ใจว่ายังคงมีความพร้อมที่จะเอื้ออำนวยให้การวัคซีนประสบความสำเร็จ COVAX และพันธมิตรเรียกร้องให้ผู้บริจาคและผู้ผลิตให้การสนับสนุนอีกครั้ง และเพื่อไม่ให้การเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกันนี้ต้องล่าช้าออกไป ด้วยแนวทางดังนี้

“ขณะที่การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ยังคงมีผลต่อชีวิต ความเป็นอยู่ และกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เรายังคงเน้นย้ำว่าไม่มีใครปลอดภัยจนกว่าทุกคนจะปลอดภัย มีทางเดียวเท่านั้นที่จะยุติการแพร่ระบาดและป้องกันการเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่ที่ดุ นั่นคือการทำงานร่วมกัน” แถลงการณ์ระบุ