วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของโควิด คาดว่าจะส่งผลให้มีผู้ว่างงานทั่วโลกกว่า 200 ล้านคนในปีหน้า โดยผู้หญิงและเยาวชนจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานของ UN ระบุ
องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ในรายงานฉบับใหม่ยังมองว่า แม้ประเทศต่างๆ ในโลกจะผ่านพ้นจากวิกฤติสุขภาพที่ยังมีอยู่ แต่ความคืบหน้าในการขจัดความยากจนที่ทำมาตลอด 5 ปีถูกกวาดล้างไปหมด
“เราถอยหลังกลับไป เราถอยหลังครั้งใหญ่แล้ว” นายกาย ไรเดอร์ ผู้อำนวยการ ILO กล่าว “ความยากจนถอยกลับสู่ระดับปี 2558 นั่นหมายความว่า เรากลับมาที่จุดเริ่มต้น ซึ่งเป็นช่วงที่มีการกำหนดวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2570
ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ได้แก่ ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ยุโรป และเอเชียกลาง ล้วนฟื้นตัวอย่างไม่เท่าเทียมกัน โดยมีการสูญเสียชั่วโมงทำงานประมาณเกิน 8% ในไตรมาสแรกและ 6% ในไตรมาสที่สองซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับ 4.8 และ 4.4% ตามลำดับอย่างมาก
อนาคตแรงงานหญิง
ผู้หญิงได้รับผลกระทบจากวิกฤติครั้งนี้อย่างไม่เท่ากัน โดยการจ้างงานลดลง 5% ในปี 2563 เทียบกับการลดลง 3.9% ในผู้ชาย
“ผู้หญิงหลุดออกจากตลาดแรงงานในสัดส่วนที่มากขึ้นด้วย กลายเป็นคนว่างงาน” ILO ระบุ โดยชี้ว่า “ความรับผิดชอบในบ้านที่เพิ่มขึ้น” อันเป็นผลมาจากการล็อกดาวน์ อาจจะมีผลต่อการปรับเปลี่ยนบทบาททางเพศตามแบบแผนประเพณี”
การจ้างงานเยาวชนยังคงประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยลดลง 8.7% ในปี 2563 เทียบกับ 3.7% ในแรงงานผู้ใหญ่
การลดลงที่เห็นชัดที่สุดคือ ในประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งผลของการหยุดชะงักต่อคนหนุ่มสาวที่เพิ่งมีประสบการณ์ในตลาดแรงงาน อาจคงอยู่นานหลายปี ILO เตือน
รายได้ต่ำกว่า 3.20 ดอลลาร์ต่อวัน
ภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจอันเป็นผลจากโรคระบาดได้สร้างผลกระทบร้ายแรงแก่คนงานนอกระบบจำนวน 2 พันล้านคนทั่วโลก
เมื่อเทียบกับปี 2562 คนงานที่ถูกจัดประเภทเป็น “คนจน” หรือ “ยากจนสุดขีด” เพิ่มขึ้น 108 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งหมายความว่าพวกเขาและครอบครัวของพวกเขาใช้ชีวิตด้วยเงินที่ต่ำกว่า 3.20 ดอลลาร์ต่อคนต่อวัน
“ในขณะที่เริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากการรณรงค์วัคซีนเพิ่มขึ้น แต่การฟื้นตัวก็มีแนวโน้มที่จะไม่สม่ำเสมอและเปราะบาง” นายไรเดอร์กล่าว
ILO เปิดเผยการคาดการณ์ว่า การว่างงานทั่วโลกจะสูงถึง 205 ล้านคนในปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 187 ล้านคน ในปี 2562
ว่างงานนานขึ้น
ILO ยังคาดการณ์ คนที่หางานและยังไม่ได้งานเพิ่มขึ้น 75 ล้านคนในปี 2564 แต่มีแนวโน้มลดลงเหลือ 23 ล้านคนในปี 2565 หากการระบาดใหญ่ลดลง
จำนวนชั่วโมงทำงานที่ลดลง ซึ่งประเมินจากคนที่หางานและยังไม่มีงานทำและผู้ที่มีจำนวนชั่วโมงทำงานน้อย เทียบเท่ากับ 100 ล้านตำแหน่งงานเต็มเวลาในปี 2564 และ 26 ล้านในปี 2565
ILO ระบุในรายงาน World Employment and Social Outlook: Trends 2021 หรือ WESO Trends ว่า “การจ้างงานและชั่วโมงทำงานที่ลดลงนี้ ซ้ำเติมการว่างงานที่สูงที่มีอยู่แล้วในช่วงก่อนเกิดวิกฤติ การใช้ประโยชน์แรงงานต่ำเกินไป และสภาพการทำงานที่ย่ำแย่”
รายงานของ ILO ระบุว่า แม้การจ้างงานทั่วโลกจะฟื้นตัวเร็วขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 แต่ก็มีแนวโน้มว่าการฟื้นตัวจะไม่เท่าเทียม
ILO ชี้ไปที่การเข้าถึงวัคซีนที่ไม่เท่าเทียมกัน นอกเหนือไปจากขีดความสามารถที่จำกัดของประเทศกำลังพัฒนาและเศรษฐกิจเกิดใหม่ส่วนใหญ่ ในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เช่นเดียวกับประเทศที่มั่งคั่งของโลก ในการเผชิญกับภาวะตกต่ำจากโควิด-19
ประชาชนต้องมีงานทำ
“หากไม่มีการทุ่มเทการดำเนินการในการเร่งสร้างงาน และสนับสนุนกลุ่มเปราะบางสุดของสังคมและการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ผลกระทบต่อเนื่องของการระบาดใหญ่อาจอยู่กับเราเป็นเวลาหลายปี ในรูปของการสูญเสียชีวิต ศักยภาพทางเศรษฐกิจ ความยากจนและความเหลื่อมล้ำที่สูงขึ้น” นายไรเดอร์กล่าว “เราต้องมีกลยุทธ์ที่ครอบคลุมและมีการประสานงานกัน โดยอิงนโยบายที่ยึดคนเป็นหลัก และสนับสนุนจากการดำเนินการและเงินทุน จะไม่มีการฟื้นตัวจริง หากภาวะการมีงานทำไม่กลับมา”