ThaiPublica > เกาะกระแส > ท่าขี้เหล็ก – เมืองแห่งผีเสื้อราตรี กับเค้าลางการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย

ท่าขี้เหล็ก – เมืองแห่งผีเสื้อราตรี กับเค้าลางการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย

13 พฤษภาคม 2021


ศรีนาคา เชียงแสน รายงาน

ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/f/f9/Tachileik_border_bridge.jpg

เมื่อฝนแรกมาเยือน

เมื่อฝนแรกมาเยือน ความรุ่มร้อนเริ่มจางคลาย หมู่แมกไม้ผลิดอกออกใบรับความชุ่มฉ่ำ สรรพชีวิตเริงร่ารับฤดูกาลใหม่ของชีวิต หลังจากผ่านความแห้งแล้ง ร้อนรุ่ม ยากลำบากตามวัฏฏะของชีวิตมาได้อีกวาระหนึ่ง

“ท่าขี้เหล็ก” เมืองกลางขุนเขา ที่หลายคนรู้จักในฐานะเมืองชายแดนติดด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในวันนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากต้องปิดตัวเองลงด้วยหลายปัจจัย ทั้งจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในเมียนมา และทั้งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มาวันนี้ ท่าขี้เหล็กฟื้นตัวตื่นจากหลับใหล รับฝนแรกด้วยความสดใสอีกครั้ง ความสว่าง สดใส และชีวิตชีวาจากบรรดาแสงสีเสียง และเสียงหัวเราะของนักท่องราตรี นักพนัน และเหล่าผีเสื้อราตรี ได้กลับมาพร้อมกับละอองฝน เงินทองปลิวว่อนอยู่กลางอากาศ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะวิ่งมาหยิบฉวยเอา เสียงสำลักความสุขดังก้องกลบเสียงความหวาดกลัวโรคระบาดโควิดไปแล้วโดยสิ้นเชิง

หลายๆ คนอาจจะเคยได้เห็นและได้ยินชื่อ “ท่าขี้เหล็ก” ในฐานะเมืองในขุนเขา ตลาดค้าขายชายแดน ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลายคนที่เดินทางมาเชียงรายล้วนต้องขอมีโอกาสข้ามไปยลโฉมเมืองการค้าชายแดนแห่งนี้ หลายคนอาจรู้จักท่าขี้เหล็กแค่บริเวณตลาดและร้านค้าชายแดน ที่ขึ้นชื่อเรื่องแผงจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมราคาถูกมากมายหลายชนิด

แต่หากได้ไปเยี่ยมเยือนแล้วจะรู้ว่า เมืองแห่งนี้มีทั้งความงดงามของธรรมชาติและความเป็นมิตรของผู้คน และเป็นสถานที่หนึ่งที่เหมาะแก่การค้นหาประสบการณ์ชีวิตที่น่าลิ้มลอง

ท่าขี้เหล็กตั้งอยู่ทางตะวันออก อยู่ในรัฐฉาน ประเทศพม่า เป็นที่ตั้งศูนย์ราชการของจังหวัดและอำเภอท่าขี้เหล็ก มีประชากรมากที่สุดในภาคตะวันออกของรัฐ ประมาณ 51,553 คน มีท่าอากาศยานท่าขี้เหล็กซึ่งเชื่อมไปยังเมืองย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และเชียงตุง ส่วนการขนส่งทางถนน ด้านทิศเหนือมีทางหลวงเอเชียสาย 2 เชื่อมไปยังเมืองเชียงตุง ระยะทาง 106 กิโลเมตร และต่อไปทางตะวันตกถึงตองจี เมืองหลักของรัฐฉาน รวมทั้งถนนทางด้านตะวันออกทางหลวงเอเชียสาย 3 ไปยังเมืองลา และต่อไปยังมณฑลยูนนาน ประเทศจีน

นอกจากนี้ยังเป็นเมืองการค้าและเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค และชายแดนด้านตะวันออกของเมียนมา และเป็นเมืองที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากที่สุดเมืองหนึ่งของเมียนมา

ท่าขี้เหล็กเป็นเมืองที่ตั้งของศูนย์กลางการค้า การส่งออก ธุรกิจด้านการเงิน การธนาคาร และอุตสาหกรรมเบามากมายหลายสาขา จึงเป็นแหล่งดึงดูดนักธุรกิจ พ่อค้า และนักลงทุนหลายชาติ หลายภาษา มาหลอมรวมกันอยู่ในเมืองหุบเขาแห่งนี้

แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองและความไม่สงบในเมียนมา และสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จะส่งผลให้ด่านชายแดนระหว่างประเทศต้องปิดตัวมายาวนาน แต่ก็โชคดีที่มิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างราบรื่นระหว่างไทย-เมียนมา ส่งผลให้ยังมีการเปิดช่องทางพิเศษเพื่อการลำเลียงขนส่งสินค้าและปัจจัยจำเป็นต่างๆ ผ่านเขาออกได้อยู่ แม้จะไม่สะดวกคล่องตัวเหมือนยามปกติ แต่ก็ยังไม่ถึงกับยากลำบากจนกระทบปากท้องของคนค้าขายชายแดน และประชาชนที่ต้องพึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้

เงามืดในแสงสว่าง

แน่นอนว่าสำหรับเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ย่อมกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดพ่อค้า นักธุรกิจ นักลงทุนต่างๆ เข้ามารวมตัวกันในพื้นที่แห่งนี้มากมาย ในขณะที่ผู้คนทำงาน ขยันขันแข็ง แข่งขันกันสร้างธุรกิจเพื่อความร่ำรวย สิ่งที่เติบโตเป็นดั่งเงาตามตัวที่ก่อให้เกิดด้านมืดของเมือง ก็คือการเติบโตของธุรกิจสีเทาต่างๆ เช่น บ่อนคาสิโน บ่อการพนัน สถานบันเทิง แม้ว่าจะยังคงผิดกฎหมายเมียนมา แต่หลายแห่งสร้างขึ้นภายใต้ข้อยกเว้นของกฎหมายการปกครองพื้นที่พิเศษ (ของเมียนมา)

ภายใต้นโยบายการพัฒนาเมืองใหม่ที่เน้นการเป็นศูนย์กลางธุรกิจและด้านการท่องเที่ยว ทำให้ “บ่อนคาสิโนในท่าขี้เหล็ก” เติบโตอย่างรวดเร็วเพื่อดึงดูดเม็ดเงินในกระเป๋าของบรรดานักธุรกิจหลายชาติ หลายภาษา ตั้งแต่นักเล่น และนักธุรกิจชาวจีน และเศรษฐีนักเล่นชาวไทย (คนสองกลุ่มนี้มีสัดส่วนมากที่สุด) รองลงมาคือเศรษฐีใหม่และนักธุรกิจเชื้อสายว้า ที่เข้ามาถือสัดส่วนธุรกิจในท่าขี้เหล็กไว้ไม่น้อยกว่าชาติใด

เส้นทางหรือวิธีการสร้างธุรกิจสีเทา ที่บรรดานักลงทุนด้านนี้นิยมทำกันมากสุดก็คือ การสร้างโรงแรม พ่วงคาสิโน พ่วงสถานบันเทิงครบวงจร กล่าวคือทั้งหมดต้องเริ่มจากการมีโรงแรมที่พักเป็นฐานเริ่มต้นก่อน แล้วอาศัยช่องว่างเปิดธุรกิจพ่วงตามมา ทั้งบ่อนพนัน สถานบันเทิงพ่วงที่พัก และรวมถึงเปิดเป็นคาสิโนพ่วงเข้ามา

แม้ว่า “การพนันในเมียนมา” เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ในทางปฏิบัติสำหรับท่าขี้เหล็ก ยังมี “พื้นที่ยกเว้น” จากการต่อรองระหว่างภาคราชการกับชนกลุ่มน้อยให้เป็นเขตปกครองตนเอง

อีกทั้ง “ทางกฎหมาย” ก็ผลักดันแก้กฎหมายให้มีคาสิโนในโรงแรมได้ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้ “ท่าขี้เหล็ก” จึงกลายเป็นสวรรค์บนดินของนักเที่ยว นักเล่น ที่มีอัตราการเติบเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด

โรงแรมเหล่านี้ถูกออกแบบให้เป็นแหล่งบันเทิงครบวงจร ที่มีกิจกรรมบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ภัตตาคาร เธค คลับเฮาส์ และคาสิโนครบวงจร มีจุดเด่นอยู่ที่บรรดาผีเสื้อราตรี หรือบรรดาสาวงามนางเมืองที่คอยทำหน้าที่ให้การต้อนรับผู้มาใช้บริการ ทั้งนักร้องสาวสวย พีอาร์ เด็กเอนเตอร์เทน พริตตี้ โคโยตี้ มาร์กเกอร์โต๊ะสนุกฯ สารพัด คอยบริการปรนนิบัติอย่างดี

ส่วนใหญ่เป็น “สาวไทย” หน้าตาดี หุ่นเกรดเอเอบวก เรือนร่างระดับนางแบบ ที่ผ่านการคัดสรรและเดินทางมาจากแทบทุกภูมิภาคของไทย พวกเธอคือนักแสวงโชคยุคใหม่ ที่เดินทางไปขุดทอง เสี่ยงกับโชคชะตา และวาสนา สลับสับเปลี่ยนหมุ่นเวียนไปตามการบริหารจัดการของเอเย่นต์ใหญ่ที่มีเครือข่ายทั้งในไทยและท่าขี้เหล็ก

คาสิโนโรงแรมอัลลัวร์ รีสอร์ต

ดาวเด่นแห่งหุบเขา

ในท่าขี้เหล็ก มีบ่อน คาสิโน สถานบันเทิงครบวงจร นับสิบแห่ง แต่ที่เป็นดาวเด่นของเมืองจริงๆ และเป็นที่กล่าวขวัญกันทั่วของบรรดานักพนัน และนักท่องราตรี เห็นจะมีอยู่ที่โดดเด่นอยู่ประมาณ 4 แห่ง ได้แก่ คาสิโนโรงแรมอัลลัวร์ รีสอร์ต, คาสิโนเรจิน่า แอนด์ กอล์ฟคลับ, โรงแรมว้าเก้าชั้น และ โรงแรม G1G

โรงแรมอัลลัวร์ รีสอร์ต ตั้งอยู่บ้านปงถุง จ.ท่าขี้เหล็ก ติดลำน้ำสาย ที่กั้นชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณตรงข้ามท่าข้ามสายลมจอย – วัดพระธาตุดอยเวา ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย มีนายอู่จ่อวิน ประธานบริษัท May Flower Group CO.LTD (เจ้าขอองธุรกิจในเครือข่าธนาคาร -ธุรกิจพลังงาน ) เป็นหุ้นส่วนหลัก และมีนายทุนไทยร่วมหุ้นหลายคน อาทิ นายอุปกรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) และเคยมีชื่อ นักการเมืองฝ่ายค้านคนดังในอดีตจากฝั่งธนบุรีและ คุณหญิง พ (ภรรยาอดีตนักการเมืองคนสำคัญของไทย) ล้วนแต่เคยมีชื่อว่าเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ด้วย โดยมี Mr.Peter ชาวสิงคโปร์เป็นผู้จัดการ ควบคุมดูแล ที่ผ่านมาเปิดกิจการโรงแรม บ่อนคาสิโน โดยเน้นลูกค้า VIP จากไทยเป็นหลัก รองลงมาคือ คนจีน นักธุรกิจชาวว้า

คาสิโนเรจิน่า แอนด์ กอล์ฟคลับ ตั้งอยู่ที่บ้านมะกาหัวคำ จ.ท่าขี้เหล็ก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 3 กิโลเมตร มีนายอูอ่องลา ประธานห้างหุนส่วนจำกัด M.Y.M.Enterprise เป็นหุ้นส่วนหลัก มีนางลักขณา (ขอสงวนนามสกุล-ภรรยานอกสมรสของอดีตนักการเมืองคนสำคัญในภาคอีสาน) เป็นผู้ดูและรับผิดชอบ และยังมีอดีตนักการเมืองคนสำคัญในพื้นที่ เชียงราย เป็นหุ้นส่วนคนสำคัญ ดำเนินกิจการโรงแรม สนามกอล์ฟ บ่อนคาสิโน สปอร์ตคอมแพ็ค และศูนย์บันเทิงครบวงจร ลูกค้าหลักเป็นคนไทย ในหลายพื้นที่ที่มากันเป็นกรุ๊ปในวันหยุด ส่วนที่เหลือเป็นคนเมียนมา หรือคนจีน

คาสิโนเรจิน่า แอนด์ กอล์ฟคลับ

โรงแรมว้าเก้าชั้น ตั้งอยู่ริมถนนท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง ห่างด่านศุลกากรแม่สาย 6 กม. มีเจ้าของเป็นนักธุรกิจเสื้อสายว้า ที่ร่ำรวยมาจากธุรกิจสีเทา ลักษณะเป็นสถานบันเทิงสำหรับวัยรุ่นเข้ามาเที่ยวหาความบันเทิงเพลิดเพลินใจ เจ้าของธุรกิจมักจ้างนักร้องนักแสดงจากประเทศไทย ทำให้เป็นจุดดึงดูดให้ผู้เข้ามาใช้บริการ ที่เรียกว่า “สถานบันเทิงครบวงจร” มีบริการ ที่พัก บ่อนคาสิโน และสถานบันเทิง

โรงแรม 1G1 ตั้งอยู่ห่างจากสะพานแห่งที่ 1 ราว 2 กิโลเมตร ที่แห่งนี้ถือว่าเป็นสวรรค์แห่งใหม่ของนักท่องราตรี เพิ่งจะมีชื่อเสียงโด่งดังโดดเด่นสุดๆ ในรอบปีเศษๆ มานี้เอง ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าใครคือนายทุนใหญ่ของที่นี่ แต่ว่ากันว่าผู้ลงทุนและถือหุ้นใหญ่มีทั้งนักธุรกิจชาวไต้หวัน และผู้ทรงอิทธิพลภายในท่าขี้เหล็ก ลักษณะเป็นโรงแรมสูง 4 ชั้น ชั้นใต้ดินเป็นดิสโก้เธค ชั้น 1 และ 2 เป็นพื้นที่ห้องคาราโอเกะแบบวีไอพี ชั้นที่เหลือเป็นห้องพัก มีห้องประชุมขนาดใหญ่ บางส่วนเป็นคาสิโน และชั้นบนๆ จะมีบริการสำหรับลูกค้าวีไอพีมากๆ มีคนคุ้มกันการเข้าออกอย่างแน่นหนา เน้นความบันเทิงครบวงจรแบบชนิดรวบหัวจมหาง พุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีฐานะร่ำรวยและบางครั้งต้องการเสพความบันเทิงในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความบันเทิงทั่วๆ ไปทั้งเหล้า ยา ปลาปิ้ง อาบน้ำ นวดตัว คาราโอเกะ ผับบาร์ ร้านอาหาร บริการเด็กสาวนั่งดริงก์ แน่นอนว่ารวมถึง sex แน่ๆ แล้วยังมีบ่อนคาสิโน ดิสโก้ ผับ ไปจนถึงเรื่องยาเสพติดบางชนิด มีห้องพักแบบโรงแรม 5 ดาว เรียกได้ว่าใครที่หลวมตัวเข้าไปแล้วไม่มีกลิ่นคาวโลกีย์ติดตัวกลับมาถือว่าไปไม่ถึงที่

ทั้งนี้ต้องเน้นย้ำว่า “ผู้เป็นเจ้าของหรือหุ้นส่วน” ของธุรกิจเหล่านี้ มักจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของวงการธุรกิจสีเทาตามแนวชายแดน นอกจากนี้ธุรกิจเหล่านี้ยังมีความเชื่อมโยงถึงกันหมดกับสถานบันเทิงและบ่อนคาสิโนหลายแห่งตามชายแดนไทย ทั้งชายแดนไทย-กัมพูชา หรือชายแดนไทย สปป.ลาว (ด้าน อ.เชียงแสน) รวมทั้งบ่อนที่เมียวดี ตรงข้าม จ.ตาก และเกาะสอง ตรงข้าม จ.ระนอง เป็นต้น

  • รวมชาติกะเหรี่ยงเผ่าพันธุ์ทรหดที่ไม่มีวันตาย…กับกระแสแฮชแท็กขอย้ายประเทศ…
  • เปิดสวรรค์เย้ยนรก

    อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ว่าดาวเด่นแห่งยุคของท่าขี้เหล็กคือ “โรงแรม 1G1” ก่อนกลายเป็นต้นทางแพร่โควิด-19 ท่าขี้เหล็ก ลามถึงเชียงใหม่-เชียงราย ในคราวพบเชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดรอบสอง เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และมาถึงวันนี้ สรวงสวรรค์ของนักท่องราตรีแห่งนี้ และเครือข่ายธุรกิจบันเทิงอื่นๆ ได้ทยอยเปิดตัวตามปกติแล้วจากการตรวจสอบข่าวสารได้รับการยืนยันว่า บรรยากาศในวันนี้สุดครื้นเครงเกือบจะเหมือนปกติ เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีโควิดให้ต้องหวาดกลัว ใครเป็นก็รักษากันไป

    บรรดานักท่องราตรีกลับมาแล้วแม้จะไม่ถึงขั้นอัดกันแน่นขนัดเหมือนเมื่อครั้งพีกสุดขีด แต่ก็ทำให้สรวงสวรรค์แห่งนี้สว่างไสว ครึกครื้น การจัดกิจกรรมโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าวีไอพีจากทั่วสารทิศ มีงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่ นักท่องราตรีแน่ขนัด ดีเจเปิดเพลงเอนเตอร์เทนอย่างสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงใจ บนโต๊ะนอกจากมีเครื่องดื่ม อาหาร กับแกล้ม แล้วยังมี “ยาสวรรค์” ให้บริการดริงก์ละ 3,000-5,000 บาทด้วย ซึ่งตามวิถีของโลกียชนเมื่อเดินเข้าสู่สวรรค์แล้วจิตใจย่อมหลอมละลายไปกับเพลิงโลกีย์ ไม่มีมนุษย์หน้าไหนในที่แห่งนั้นจะมัวนั่งหน้าจ๋อยหวาดกลัวความตายจากโควิด และว่ากันว่าเปลวไฟไม่ว่าจากนรกขุมไหนก็ยังร้อนสู้ความฉ่ำเย็นของบรรยายกาศในที่แห่งนั้นไม่ได้…

    โรงแรม 1G1

    ด้วยจุดขายที่โดดเด่นทำให้โรงแรมขนาดกลาง สูงเพียงประมาณ 4 ชั้น กลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่แห่งท่าขี้เหล็ก จุดเด่นอยู่ที่การเน้นความเป็นสถานบันเทิงครบวงจรสุดหรู รับเฉพาะลูกค้าวีไอพี หรือ สมาชิกประจำ แม้จะมีค่าบริการที่ค่อนข้างแพง แต่กลุ่มที่ไปใช้บริการมักเป็นกลุ่มคนที่มีเงิน ภายในมีระบบบริการคุ้มครองความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวให้ ลักษณะห้องบันเทิงมีคาราโอเกะแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับต่ำสุดโต๊ะละ 500 บาทต่อชั่วโมง ระดับกลางโต๊ะละ 1,000 บาทต่อชั่วโมง และสูงสุดโต๊ะละ 2,000 บาทต่อชั่วโมง มีบริการเครื่องดื่มและอื่นๆ รวมทั้งบริการหญิงสาวนั่งดื่มพูดคุยด้วย พบว่าหญิงสาวชาวไทยได้รับความนิยมในหมู่ผู้ไปใช้บริการมากที่สุด มีการคิดราคาหญิงสาวชาวไทยชั่วโมงแรก 800 บาท และชั่วโมงถัดไป 500 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับหญิงสาวชาวพื้นเมืองเมียนมาเอง (ซึ่งส่วนใหญ่ในพื้นที่จะเป็นชาวไทใหญ่) จะมีราคาตายตัวชั่วโมงละ 300 บาทตลอดการใช้บริการเท่านั้น

    โควิดหรือจะสู้โคถึก

    จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบสอง เมื่อ 30 พฤษจิกายน 2563 หญิงสาวชาวไทยหน้าตาดี 3 คน ที่ทำงานที่ 1G1 ลักลอบเดินทางเข้าประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติใน อ.แม่สาย และ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยมีการจ่ายค่าตอบแทนให้นายหน้าผู้นำพาตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นบาท เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกักตัว 14 วัน แล้วใช้ชีวิตปะปนกับประชาชนทั่วไป ก่อนที่จะแสดงอาการออกมาและตรวจพบเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา และเชียงใหม่ ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนืออย่างมาก เมื่อสอบประวัติย้อนหลังไปพบว่าหญิงสาวที่หนีกลับมานั้น เป็นพนักงานบริการในห้องคาราโอเกะวีไอพี ที่ 1G1 และทำให้เราทราบข้อมูลว่ามีโลกสีเทาๆ แบบนี้ ในโลกแบบนี้สาวไทยเป็นที่นิยมชื่นชอบของกลุ่มนักเที่ยวมากเป็นพิเศษ และจนถึงวันนี้ก็ยังมีความต้องการหญิงสาวชาวไทยให้กลับเข้าไปทำงานที่นี่อีกเป็นจำนวนมาก

    แต่วันนี้ฝันร้ายเหล่านั้นกำลังย้อนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับความน่าสะพึงกลัวมากกว่าเก่า เพราะมีข่าวสารยืนยันว่าวันนี้ 1G1 กลับมาเปิดกิจการตามปกติแล้ว ถึงแม้จะไม่รุ่งเรืองสุดขีด หรือเรียกว่าเปิดยังไม่เต็มร้อย แต่ก็ไม่หงอยเหงา หญิงสาวหน้าตาดีชาวไทยยังเป็นที่ต้องการของแขกวีไอพีตลอดเวลา

    ประกอบกับมีนายหน้าและเอเย่นต์ติดต่อประสานงานผ่านกลไกต่างๆ เพื่อช่วยเหลืออำนวยความสะดวกทุกวิถีทาง อีกทั้งด้วยค่าจ้าง และค่าทิปที่สูงลิ่ว ล่อตายั่วใจให้หลายๆ คน ทั้งคนเก่ามีประสบการณ์และหญิงสาวหน้าใหม่ๆ เลือกที่จะเสี่ยงลักลอบเข้าไปทำงานที่นั่นอีกครั้ง

    ในภาวะปกติ 1G1 จะมีพนักงานเฉพาะบริการด้านนี้อย่างน้อย 70-100 คน โดยมีสัดส่วนเป็นหญิงสาวชาวไทย ร้อยละ 70 อีกร้อยละ 30 เป็นสาวไทยใหญ่ และอื่นๆ รวมไปถึงนักดนตรีชาวไทยที่ถูกจ้างไปเล่นในดิสโก้เธค และพนักงานต้อนรับหรือบริการแผนกต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า มาถึงวันนี้ พวกเขาเหล่าชายหญิงนักแสวงโชคยุคใหม่เริ่มทยอยกลับเข้าไปทำงานใน 1G1 กันแล้ว เมื่อโคถึกสุดคึกคะนองพร้อมจะเที่ยวจะลุยโดยไม่กลัวโควิด ผีเสื้อราตรีตัวน้อยๆ ก็พร้อมจะเสี่ยงเอาชีวิตอันแสนสั้นของพวกตนเข้าแลกกับเงินและความมั่งคั่ง เพื่อสร้างอนาคตในวันหน้าของพวกเธอ ก่อนที่ปีกน้อยๆ จะหลุดร่วง และร่างกายต้องแห้งเหี่ยวไปตามกาลเวลา

    การลักลอบเข้าเมืองของชาวเมียนมา ที่มาภาพ: https://mgronline.com/local/detail/9640000044136

    พายุร้ายกำลังตั้งเค้าลาง

    ห้วงวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา พล.ต. นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบชายแดนด้านนี้ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของหน่วยฯ ในพื้นที่ชายแดน ด้านจังหวัดเชียงราย โดยหนึ่งในภารกิจสำคัญคือการเน้นย้ำเรื่องมาตรการป้องกันชายแดน โดยเฉพาะภัยรูปแบบใหม่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

    การที่ต้องลงพื้นที่ในครั้งนี้เพราะพบสิ่งบอกเหตุบางอย่างที่น่าสนใจ คือจากตัวเลขและสถิติการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน ที่กองกำลังผาเมืองสามารถจับกุมได้จากประเทศเมียนมา รวมทั้งสิ้น 13 ครั้ง ผู้ต้องหา 59 ราย

    แต่ที่น่าตกใจคือในจำนวนผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองที่จับกุมได้เหล่านี้ มีบางส่วนที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นกลุ่มผู้ต้องหาที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองที่เดินทางมาจากพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศเมียนมา ซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศอินเดีย พื้นที่ซึ่งมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย

    พูดกันตามความเป็นจริง แม้ว่าเราจะทราบว่ามีข่าวว่าตอนนี้กลุ่มชายหนุ่ม หญิงสาวชาวไทย โดยเฉพาะกลุ่มผีเสือราตรี ทยอยลักลอบกลับเข้าไปทำงานในบ่อนคาสิโน และสถานบันเทิงในท่าขี้เหล็กกันแล้ว แต่ไม่มีใคร หรือหน่วยงานไหนออกมายอมรับ หรือปฏิเสธ และไม่มีใครที่มีข้อมูลที่แท้จริงในเรื่องนี้ว่ามีการทยอยลักลอบออกไปทำงานที่ท่าขี้เหล็กกันแล้วมีจำนวนมากน้อยเท่าใดกันแน่ ลักลอบผ่านทางช่องทางไหน ใครเป็นหน้าหน้าผู้นำพากลับเข้าไป ฯลฯ

    แต่ทั้งนี้ก็ต้องให้ความยุติธรรมกับเจ้าหน้าที่เขาด้วย เพราะตอนนี้หน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายทุกหน่วย ทุกฝ่าย ก็ได้พยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ สุดความสามารถอยู่แล้ว มีการเสริมทั้งกำลังพล และเครื่องมือเครื่องใช้ เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมในพื้นที่ ลาดตระเวนทั้งกลางวัน กลางคืนแทบจะทุกตารางเมตร แต่ตราบใดที่อุปสงค์ -อุปทานของตลาดสีเทาทั้งบ่อน คาสิโน และสถานบันเทิงเหล่านี้ยังเป็นแรงจูงใจ ก็เป็นการยากที่จะปิดกั้นไม่ให้คนลักลอบกลับเข้าไปทำงานในท่าขี้เหล็กได้

    ขณะนี้เราได้แต่สวดภาวนา ขออย่าให้เชื้อโรคร้ายจากอินเดียแพร่เข้ามาถึงท่าขี้เหล็ก แล้วภาวนาขออย่าให้ผีเสื้อราตรีชาวไทยติดเชื้อ แล้วลักลอบกลับเข้ามาในไทย จนทำให้เชื้อร้ายแพร่ระบาดจนยากแก่การควบคุมในที่สุด หรือเราควรเตรียมมาตรการรองรับไว้ ตั้งสมมติฐานบนฉากทัศน์ที่เลวร้ายสุดๆ ไว้ก่อน เพื่อเตรียมมาตรการ และทางออกในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น เช่น หากเกิดโรคระบาดหนักครั้งใหม่ ท่าขี้เหล็กต้องปิดตัวเองลง เกิดปัญหาคนไทยลักลอบข้ามแดนกลับเข้ามาในไทยพร้อมเชื้อโรคใหม่ๆ เราจะรับมือกันอย่างไร

    ตัวอย่าง ที่จังหวัดเชียงรายเคยมีมาตรการดีๆ ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดรอบสอง ด้วยการเปิดช่องทางพิเศษให้คนไทยที่ลักลอบเข้าไปทำงานในเมียนมาแบบผิดกฎหมาย สามารถลงทะเบียนแสดงตัวขอกลับเข้ามาแบบถูกต้อง เพื่อจะได้เข้าระบบกักตัวป้องกันโรค จัดระบบให้สามารถควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดโควิด -19 ได้ จะสามารถนำมาประยุกต์กับสถานการณ์รอบใหม่ได้หรือไม่ เป็นต้น

    เราไม่ควรจะต้องไปกล่าวหา โจมตี หรือประณามใคร เพราะนี่คือโลกของความเป็นจริง ความเป็นจริงที่มีเหตุปัจจัยสลับซับซ้อน ไม่อาจตัดสินถูกผิดได้ด้วยมาตรฐานศีลธรรมของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องยอมรับความเป็นจริง และหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน

    เมื่อ “ท่าขี้เหล็ก” ยังไม่ล่มสลายหายไปไหน เมื่อโอกาสของชีวิตปลิวว่อนอยู่กลางอากาศ และเงินทองยังไหลมาเทมาดั่งน้ำพุจากใต้ดิน และหญิงสาวหน้าตาดีที่มองไม่เห็นอนาคตและลู่ทางจะมีชีวิตที่ดีในประเทศของตนเอง จนต้องตัดสินใจเลือกไปเสี่ยงแสวงโชคในแดนมาร… อะไรจะเกิดหลังจากนี้… ยากที่ทำนาย

    ดึกแล้ว แต่แสงไฟยังคงส่องสว่าง ผีเสื้อราตรียังคงโบยบินไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย… แต่เหนือฝากฟ้าด้านตะวันตก เงาเมฆใหญ่ดำทะมึนกำลังตั้งเค้าลางมา ดูเหมือนว่าอีกไม่นานพายุร้ายและลมฝนจะพัดเข้าสู่เมืองใหญ่อย่างท่าขี้เหล็ก แล้วปีกบางๆ ของพวกเจ้าจะต้านลมร้ายได้ละหรือ…?