ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > สมรภูมิยาเสพติดพื้นที่ภาคเหนือในวันนี้

สมรภูมิยาเสพติดพื้นที่ภาคเหนือในวันนี้

13 เมษายน 2021


รายงานโดย ศรีนาคา เชียงแสน

ภาพรวม สถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ

สถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือยังคงมีความรุนแรงต่อเนื่อง โดยพบว่ากลุ่มขบวนการยาเสพติดยังมีความพยายามลักลอบนำยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนเข้าสู่ไทยในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือของไทย เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องบูรณาการผนึกกำลังเพื่อการสกัดกั้นและจับกุมกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด ที่มีการลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทยตลอดแนวชายแดนภาคเหนือ เฉพาะในห้วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2564 พบว่ามีการจับกุมสูงกว่าห้วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 2 เท่าตัว

จากรายงานตัวเลขผลการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ พบว่าพื้นที่ภาคเหนือตอนบนยังคงมีการจับกุมและตรวจยึดยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถจับกุมยาบ้าได้ 45,701,944 เม็ด เฮโรอีน 1,030 กก. ยาไอซ์ 584 กก. และเคตามีน 23 กก. โดยคดีรายสำคัญสามารถจับกุมได้มากที่สุดในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำปาง

แม้ว่าจะผ่านไปเพียง 6 เดือนของปีงบประมาณ แต่จากตัวเลขพบว่า การดำเนินมาตรการที่เข้มงวดของเจ้าหน้าที่ ส่งผลให้มีการตรวจยึด/จับกุมยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก ทว่าปริมาณที่ตรวจยึดได้เมื่อเทียบกับสัดส่วนที่หลุดรอดเข้ามาในประเทศยังถือว่าน้อยอยู่มาก โดยมีการสังเกตการณ์คาดว่าเจ้าหน้าที่สามารถตรวจจับและยึดยาเสพติดไว้ได้เพียง 1 ใน 4 ของยาเสพติดที่หลุดรอดเข้ามาเท่านั้น

กลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ยังเป็นตัวละครหน้าเดิมๆ

จากการติดตามรายงานด้านงานของเจ้าหน้าที่ พบว่า กลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดด้านชายแดนภาคเหนือ ล้วนแต่ยังเป็นกลุ่มตัวละครหน้าเดิมๆ ที่ผลิตและมีอิทธิพลอยู่ในอาณาจักรยาเสพติดมายาวนานจนถึงปัจจุบัน ดังนี้
1. กลุ่มอดีตขุนส่า (BGF)

    1.1 ดำเนินการโดยกลุ่มบุคคลที่เคยเกี่ยวข้องกับขุนส่า

    1.2 กลุ่ม จางซีเฉิน หรือฟ้าลั่น อดีตมือขวาของขุนส่า (ถูกทางการไทยจับที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2544 แต่ยังมีคนสนิทรับช่วงดำเนินการต่อมาจนถึงปัจจุบัน)

2. กลุ่มกองทัพเมืองไต (กองทัพรัฐฉาน)

    2.1 กองทัพรัฐฉานตะวันออก (ESSA) นำโดยจายเลน หรือลีนมินชิง
    2.2 กลุ่มสมาชิก Shan United Army –SUA ประกอบด้วยจางซงเหลียง (พันตรี ทุนแลง), กวางซาง, หลิวเจิงหวู่, เจิงกว่อฮวง, เหล่าตุ๊ง, พันตรี ยี่เซ, จางซื่อ, จิ้นจ่า, พันตรี จ่อเมือง
    2.3 กลุ่ม Shan State Nation Army- SSNA นำโดยพันเอก เจ้ากานยอด

3. กลุ่มว้า

    3.1 กลุ่มว้าแดง (United Wa State Army-UWSA) แกนนำคนสำคัญก็เช่นเปาโหย่งหัว/เป่าโหยว ฉ่าง, ลีซือยุ, พ.อ. ตาก๊ะ และ พ.ท. จะลอโบ่
    3.2 กลุ่มว้าขาว (Wa Nation Organization-WNO) นำโดย พ.อ. เจ้ามหาซาง, มหาจ่า

4. กลุ่มโกกั้ง

    4.1 กลุ่ม Myanma National Democratic Alliance Army – MNDAA นำโดยหยางเหมา เหลียง, เผิงเจียชิง
    4.2 กลุ่มของนายโลชิงฮัน
    4.3 กลุ่มของนายมังสาลา

5. กลุ่มคะฉิ่น (Kachin Democratic Army- KDA) นำโดยมาทูหน่อ

กลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียง

สำหรับกลุ่มขบวนการลักลอบ จะเป็นกลุ่มกองกำลังรับจ้างของกลุ่มผู้ผลิตยาเสพติด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อย ลำเลียงยาเสพติดมาพักคอยตามแนวชายแดน ก่อนจะประสานกับคนในพื้นที่ลำลียงต่อแบบกองทัพมดไปส่งให้กลุ่มลูกค้าต่างๆ กลุ่มสำคัญๆ ก็เช่น กลุ่มอาสาสมัครอาข่าเมียนมา, กลุ่มอาสาสมัครมูเซอ, กลุ่มนายจะงอย บ.แม่โจ๊ก จ.ท่าขี้เหล็ก, กลุ่มม้ง ลาวด้านตรงข้าม อ.เชียงของ-เวียงแก่น จ. เชียงราย, กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดชาวไทลื้อ (ลาว) ด้านพื้นที่ ม.ปางซาง รัฐฉาน เมียนมา มาพักคอยในพื้นที่ บ.ดอนมูล อ.เมิง เบตบ่อแก้ว ลาว ฯลฯ

เส้นทางลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่สำคัญในพื้นที่ภาคเหนือ

ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ปรากฏข่าวสารเส้นทางการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่สำคัญ ดังนี้

(1) เส้นทางลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภายนอกประเทศ

1.1. ด้านชายแดน จ. เชียงราย เริ่มจาก

    1) บ.น้ำแฝง เมียนมา ผ่านแหล่งพักคอยเมืองสิงห์, สปป.ลาว – ผ่านแหล่งพักคอย บ.ป่ากุ๊ก/บ.ร้อง/บ.ปางห้า/บ.สันนา ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย
    2) จาก บ.บาลาหลวง เมียนมา ผ่าน บ.สันเกล็ดทอง ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย
    3) จาก บ.สี่หก เมียนมา ผ่านช่องทางโป่งไฮ เขตรอยต่อระหว่างเมียนมากับ บ.โป่งไฮ ต.แม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

1.2 ด้าน จ.เชียงใหม่

    1) จาก บ.น้ำปุ๋ง ม.กาน จ.เมืองสาต รัฐฉาน เมียนมา ผ่านจุดพักคอย บ.สามปี จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ผ่านช่องทางป่าลิ้นจี่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ หรือเข้าจากชายแดนด้านตรงข้าม ต.ท่าตอน อ.แม่อาย ผ่าน บ.จะโต๊ะ ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
    (2) เส้นทางลำเลียงยาเสพติดสำคัญๆ ในพื้นที่ตอนใน
    2.1 ด้าน จ.เชียงราย

      1) จากช่องทางโป่งไฮ ผ่าน บ.ห้วยกระ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง ผ่าน บ.ห้วยอื้น ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง – บ.ท่าต้นแฟน ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย
      2) จากช่องทางโป่งไฮ – บ.โป่งไฮ ต.แม่สลองใน – บ.แม่จันหลวง ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง ผ่าน บ.สันติคีรี ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง ผ่าน บ.ท่าต้นแฟน ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย
      3) จากช่องทางพญาเลาอู ต.ตับเต่า อ.เทิง ผ่าน บ.ไทยสามัคคี ต.ตับเต่า อ.เทิง ผ่าน บ.ขุนห้วยไคร้ ต.ตับเต่า อ.เทิง

    2.2 ด้าน จ.เชียงใหม่

      1) จากช่องทางดอยผาหลวง รอยต่อระหว่าง อ.ฝาง และ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ผ่านแหล่งพักคอย บ.ห้วยมะยม อ.แม่อาย และ บ.ป่าคลี อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
      2) จาก บ.ร้างป่าคี อ.แม่อาย ผ่าน ช่องทางเขาหัวนก อ.ฝาง ผ่าน บ.ขอบด้ง ต.แม่งอน อ.ฝาง ผ่าน บ.ดอยป่าคา ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่

สถานการณ์การในปัจจุบัน ยังมีรายงานว่าพื้นที่ที่มีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดมากเป็นพิเศษในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ได้แก่

(1) พื้นที่ด้านตรงข้าม จ.เชียงราย ด้านตรงข้ามประเทศเมียนมา ได้แก่ บริเวณ อ.แม่สาย – อ.แม่ฟ้าหลวง นำเข้าโดยกลุ่มขบวนการ กลุ่มเครือข่ายชาวอาข่า ส่วนด้านชายแดนประเทศลาว มีการลักลอบนำเข้าบริเวณ อ.เวียงแก่น – อ.เชียงของ มีกลุ่มขบวนการลำเขาโดยเครือข่ายของกลุ่มม้ง เป็นหลัก

(2) พื้นที่ด้านตรงข้าม จ.เชียงใหม่ ด้านตรงข้ามประเทศเมียนมา ได้แก่บริเวณ อ.แม่อาย – อ.เชียงดาว ปัจจุบันนำเข้าโดยกลุ่มมูเซอเป็นหลัก

ทิศทางและแนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติดด้านภาคเหนือ

ผู้สังเกตการณ์ได้ให้แนวทางวิเคราะห์ที่น่าสนใจไว้ว่า หากพิจารณาถึงแนวโน้มสถานการณ์ด้านยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ต้องดูย้อนหลังไปราว 3-5 ปี ที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มขบวนการยาเสพติดมีการพัฒนาตัวเองไปอย่างรวดเร็วมาก เริ่มต้นจากกลุ่มผู้ผลิต ได้มีการพัฒนาการกระบวนการผลิตอย่างก้าวกระโดด คือ สามารถประยุกต์ และดัดแปลงสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดชนิดต่างๆ มาจากสารเคมีที่หาได้ง่าย สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาใช้เองได้ ไม่ต้องอาศัพฝิ่นดิบเป็นฐานในการผลิตอีกต่อไป จึงทำให้สามารถผลิตยาเสพติดชนิดต่างๆ ได้ในปริมาณมาก และราคาถูกลงอย่างมาก แถมยังมีฤทธิ์เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างสรรค์ชนิดและประเภทยาเสพติดชนิดใหม่ๆ เข้ามาตีตลาดได้ จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันจะมียาเสพติดชนิดใหม่ๆ เข้ามาตีตลาดในเมืองไทยมากมาย หลายยี่ห้อ หลายชนิด ราคาก็ถูกลงอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ต้นทุนยาบ้าที่รับกันบริเวณชายแดน ราคามัดละ 20,000 บาท (1 มัด มี 2,000 เม็ด ) ตกราคาเม็ดละ 10 บาท ไอซ์ชนิดเกล็ด กก. ละ 30,000 บาท หากยาเหล่านี้ข้ามเข้ามาพื้นที่ของไทยได้ ราคาก็จะขยับขึ้น 3-5 เท่าตัว และหากสามารถเข้ามาถึงเมืองชั้นใน ราคากระโดดไปเป็น 5-8 เท่าตัว หรือถ้าสามารถหลุดรอดไปยังต่างประเทศได้ ราคาก็จะกระโดดเพิ่มเป็น 10 เท่าตัว

ยังไม่นับรวมถึงมีการบริหารจัดการ และระบบการตลาดแบบใหม่ เช่น เอาสินค้าไปขายก่อน ค่อยผ่อนจ่ายที่หลัง หรือเอารถยนต์ที่โจรกรรมมาหรืออาวุธไปแลกยาเสพติดมาได้ หรือมีโปรโมชันมีส่วนลด หรือมีเปอร์เซ็นต์เพิ่มจากยอดการขาย และยังมีการลดแลกแจกแถมสารพัดวิธี โดยมีผลกำไรเป็นเงินก้อนโตล่อใจ จุดนี้เป็นแรงจูงใจดึงดูดให้มีผู้ค้ายาเสพติดเครือข่ายใหม่ๆ สารพัด เกิดขึ้นมาตลอดเวลา เพราะลงทุนน้อย ได้ผลตอบแทนง่าย และเงินตอบแทนดี คุ้มค่าที่ต้องเสี่ยง

ดังนั้น ความพยายามในการจับกุม ทลายเครือข่ายขบวนการยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ในปัจจุบัน จึงเหมือนกับเป็นแค่เกมแมวไล่จับหนู จับเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด แถมมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา ทลายไปหนึ่งเครือข่าย ก็เกิดกลุ่มใหม่ๆ ที่สบโอกาสและช่องว่างขยายตัวออกมาใหม่นับสิบเครือข่าย ตราบใดที่เรายังไม่สามารถหามาตรการมาทำให้ความต้องการของกลุ่มผู้ใช้ยาสเสพติดภายในประเทศลดลงได้ รวมทั้งยังไม่สามารถสร้างเครือข่ายภาคประชาชนที่เข้มแข็งเพื่อเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่ ควบคู่ไปกับการใช้กฎหมายที่รวดเร็ว เด็ดขาด และสามารถยึดทรัพย์ของกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านี้

นอกจากนี้ยังพบข้อเท็จจริงว่า แม้ว่าความพยายามในการปราบปรามยาเสพติดในภาคเหนือจะมีความเข้มงวดมากขึ้น แต่กลับทำให้กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดหันใช้เส้นทางนำเข้าอื่น เช่น ผ่านเข้ามาทางภาคตะวันตก ทาง จ.กาญจนบุรี หรือภาคใต้ทาง จ.ระนอง แล้วนำเข้าสู่ภาคกลางของประเทศ หรือผ่านทาง สปป.ลาว เข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทางด้านที่ติดกัน ดังที่พบข่าวการจับกุมรายใหญ่ในพื้นที่เหล่านี้เพิ่มมากขึ้น

ในการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญๆ ในระยะหลังๆ เริ่มปรากฏการจับกุมยาเสพติดชนิดใหม่ๆ หรือยาเสพติดที่มีตราสัญลักษณ์รูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง อาจเป็นไปได้ว่ามีกลุ่มขบวนการผู้ผลิตยาเสพติดในพื้นที่นอกประเทศที่ได้เพิ่มจำนวนหรือขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และกำหนดตราสัญลักษณ์ของตนเอง ทำให้ตราประทับบนเม็ดยาและหีบห่อมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

นั่นหมายความว่ากลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดกระจายตัว ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก และการผลิตยาเสพติดไม่ได้ถูกผูกขาดหรือจำกัดอยู่ใต้กลุ่มหรือร่มเงาเดิมๆ อีกต่อไป ซึ่งย่อมหมายความว่าไทยเราที่เป็นตลาดกระจายสินค้าด่านหน้าสุด คงต้องเผชิญและแบกรับภาระอันหนักหนานี้ไปอีกนานแสนนาน