รายงานโดย ปารณีย์ สิงหเสนี นักศึกษาฝึกงาน สาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร
วันที่ 4 พฤษภาคม 2564 เพจ ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานว่า ศบค. สั่งด่วน เร่งฉีดวัคซีนชุมชนคลองเตย ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. 64 เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป โดยมีจุดบริการฉีดวัคซีน 2 จุด คือ
คาดว่าจนถึงวันที่ 19 พ.ค. 64 จะสามารถฉีดได้ 20,000 คน ขณะนี้ ชุมชนคลองเตยมีผู้ติดเชื้อ 304 รายอยู่ในแหล่งชุมชนแออัด 193 ราย และพักอาศัยในสถานที่อื่น ๆ 111 ราย
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2021/05/covid04052021_10-e1620128577756.jpg)
เตรียมตั้งศบค.กรุงเทพฯ-ปริมณฑล
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิค-19 ประจำวันที่ 4 พฤษภาคม 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศ 1,763 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมเพิ่มเป็น 72,788 ราย มีผู้ป่วยจากต่างประเทศ 13 ราย และวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 27 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 303 ราย
โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาย 21 ราย และหญิง 6 ราย อายุตั้งแต่ 25 – 92 ปี มากสุดอยู่ที่อยู่ในกรุงเทพ 8 ราย นนทบุรี 5 ราย ลำพูนและสมุทรปราการจังหวัดละ 2 ราย ส่วนมากมีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง 12 เบาหวาน 9 โรคหัวใจ 6 โรคไตเรื้อรัง 6 โรคอ้วน 5 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ 9 ราย และใกล้ชิดคนในครอบครัวที่ติดเชื้อ 9 ราย
สำหรับผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ทั้งหมด 30,011 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 21,453 ราย และโรงพยาบาลสนาม 8,558 ราย มีผู้ป่วยที่อาการหนัก 1,009 ราย และผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 311 ราย
สถิติผู้ป่วยรายจังหวัดวันนี้ พบว่าผู้ติดเชื้อสูงสุดอยู่ที่กรุงเทพ 562 รายซึ่งลดลงจากเมื่อวานนี้ รองลงมาได้แก่ สมุทรปราการ 201 นนทบุรี 168 ชลบุรี 91 สมุทรสาคร 55 ราย
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2021/05/ทวีศิลป์-วิษณุโยธิน-620x413.jpeg)
สถานการณ์การระบาดทั่วโลกวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกอยู่ที่ 669,689 ราย สะสมอยู่ที่ 154,178,244 ราย และมีผู้เสียชีวิต 10,478 ราย สะวม 3,226875 ราย ผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดอยู่ที่ประเทศอินเดีย 355,828 ราย มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 20,275,543 ราย และมีผู้เสียชีวิต 3,438 ราย ส่งผลอินเดียมียอดผู้ติดเชื้ออยู่อันดับ 2 ของโลกและอันดับ 1 ในเอเชีย ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 99
นพ.ทวีศิลป์ รายงานสถานการณ์ในกรุงเทพเบื้องต้นการค้นหาในพื้นที่ แขวงลุมพินี แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน ว่า พบการติดเชื้อใน 6 ชุมชนแออัด และเคหะชุมชม 1 แห่ง โดยมีประชากรทั้งสิ้น 29,581 คน พบผู้ติดเชื้อในชุมชน 96 คน และอาศัยอยู่แหล่งอื่น อาทิ คอนโด บ้าน หอพัก 66 ราย
โดยสำนักอนามัยร่วมกับ สปคม. ของกรมควบคุมโรค และทางสบส. ในพื้นที่จะทำการตรวจเชิงรุก ในพื้นที่โดยเฉลี่ยประมาณ 1,000 รายต่อวัน
ทางด้านแขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต พบการติดเชื้อใน 3 ชุมชนแออัด มีผู้ติดเชื้อในชุมชน 80 ราย ได้แก่ ชุมชนวัดญวน-คลองลำปัก 73 ราย ชุมชนหลังบ้านมนังคศิลา 5 ราย และชุมชนริมทางรถไฟสายแปดริ้วอีก 2 ราย ซึ่งทางผอ.เขตรายงานว่าชุมชนวัดญวนคลอง-คลองลำปักจะเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการตรวจ โดยในพื้นที่นี้มีประชากรโดยรวม 856 คน
นอกจากนี้การระบาดในพื้นที่ปริมณฑลคือโรงงานแห่งหนึ่งในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้นขณะนี้ 160 ราย โดยจากการตรวจสอบเชิงรุกพนักงานและญาติ 323 คน พบผู้ติดเชื้อ 151 จาก และในชุมชนที่เกี่ยวข้องกับโรงงานอีก 9 คน
นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยผลการประชุมศบค.นัดพิเศษเมื่อวานนี้ว่า จะมีการจัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 กรุงเทพและปริมณฑล” โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้อำนวยการศูนย์ และยกระดับการทำงานผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต ของกรุงเทพมหานคร ในการดูแลศูนย์ควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ระดับเขต เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดในกรุงเทพและปริมณฑล ที่มีปริมาณผู้ป่วยสูงกว่า รายจังหวัดอื่น ๆ
“สิ่งที่จะเกิดขึ้นเพราะว่าประชากรในกรุงเทพมหานครเป็นหลักรวมถึงประชากรแฝงเป็น 10 ล้านคนนี่คือเรื่องใหญ่ที่จะต้องมีการวางแผนรวมถึงการฉีดวัคซีนก็ต้องมีมาอยู่ในคณะกรรมการชุดนี้ด้วย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ ได้ชี้แจงการฉีดวัคซีนให้กับชุมชนคลองเตยว่า เพื่อลดอาการไม่ให้มี ความรุนแรง และลดอัตราการที่จะต้องอยู่โรงพยาบาลลง ส่วนผู้ป่วยที่อยู่ในชุมชนขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการจัดตั้งศูนย์พักคอยรอลำเลียงที่วัดสะพาน เพื่อแยกผู้ป่วยออกจากชุมชน มาอยู่รวมกัน และรอการประสานหาเตียง เพื่อให้รถลำเลียงมารับไปที่โรงพยาบาล แต่ขณะนี้ศูนย์พักคอยยังไม่มีศักยภาพในการค้างคืน ทำให้ผู้ป่วยยังต้องกลับไปนอนรวมกับครอบครัว เพราะฉะนั้นกลุ่มเสี่ยงจะต้องรีบเข้ามารับการตรวจ และเจ้าหน้าที่จะต้องจัดทำให้เป็นระบบมากขึ้น รวมทั้งในเขตต่าง ๆ ต้องมีการค้นหาเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงโดยเร็ว
ด้านมาตรการรองรับกลุ่มสีเขียวมีเพียงพอ แต่ปัญหาคือ กลุ่มสีเหลืองเนื่องจากเตียงในโรงพยาบาล ขณะนี้มีไม่เพียงพอ จึงมีแนวคิดที่จะเตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อระดับสีเหลือง หากเป็นผู้ป่วยระดับสีเขียวที่เข้ารับการรักษาใน รพ.สนามแล้วมีอาการรุนแรงขึ้น เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเตียงในโรงพยาบาล แต่ที่สำคัญที่สุดคคือบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างมีความตึงมือในหลายพื้นที่ จึงขอความร่วมมือจากจิตอาสา และสามารถจัดสรรเวลาได้ รวมลงชื่อใน Line ผ่าน @thaimedvolunteer เพิ่มมาร่วมช่วยดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีแดง
สธ.คาดสถานการณ์การรักษาดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์
สำหรับการแถลงที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ว่า ภาพรวมถือว่ายังพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง แต่เริ่มทรงตัว โดยต่างจังหวัดควบคุมสถานการณ์ได้ดี แนวโน้มลดลง ส่วนใหญ่มีผู้ป่วยไม่ถึง 20 ราย สามารถค้นหาผู้ป่วยและติดตามผู้สัมผัสได้ดี ขอให้เคร่งครัดมาตรการป้องกันโรคต่อไป ส่วน กทม.และปริมณฑลยังมีแนวโน้มสูง ต้องจับตาชุมชนแออัดขนาดใหญ่ หากควบคุมสถานการณ์ใน กทม.และปริมณฑลได้ จะควบคุมสถานการณ์ระดับประเทศได้
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2021/05/นายแพทย์โอภาส-การย์กวินพงศ์-620x413.jpg)
“ขณะนี้ยังพบการติดเชื้อจากการสัมผัสคนในครอบครัว การระบาดเป็นกลุ่มก้อนจากกิจกรรมรวมกลุ่ม โดยพบการแอบนัดมาเล่นพนันเป็นวงเล็ก การเทียบไก่ชน งานเลี้ยงสังสรรค์ในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนการรับประทานอาหารร่วมกันในที่ทำงาน ถือว่ายังเป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น กรณีโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการผู้ติดเชื้อรายแรกทำงานติดต่อกับคนหลายแผนก มีการรับประทานอาหารร่วมกัน และพบกินน้ำแก้วเดียวกัน ทำให้ติดเชื้อสูง 100 กว่าคน และติดเชื้อไปในชุมชน จึงต้องปิดโรงงาน คัดกรองหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไปกักตัวและรักษาพยาบาล กรณีนี้คล้ายกับแพปลา จ.ระนอง ที่ผู้ติดเชื้อรายแรกพบปะผู้คนจำนวนมากทำให้ติดเชื้อหลายคน” นายแพทย์โอภาสกล่าว
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือโรงงาน สถานประกอบการ เคร่งครัดมาตรการเว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ สแกนไทยชนะ งดรับประทานอาหารร่วมกัน แยกภาชนะส่วนบุคคล จะทำให้ควบคุมสถานการณ์ได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะคนที่พบปะผู้คนจำนวนมาก การใส่หน้ากากจะช่วยลดการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ในพื้นที่ได้ รวมถึงการใส่หน้ากากในบ้านจะช่วยลดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้สูงอายและคนมีโรคประจำตัวได้
“ตรงนี้ก็เป็นสิ่งเตือนใจว่าแต่ละโรงงานจะต้องเคร่งครัดมาตรฐานที่ทางกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และจังหวัดกำหนดและคอยตรวจตราพนักงาน โรงงานก็คือคนในชุมชน ถ้าคนในโรงงานติดเชื้อเยอะ ๆ แน่นอนว่าย่อมกระจายไปสู่ชุมชนและที่บ้าน เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องร่วมมือ กันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” นพ.โอภาส กล่าว
นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า ขณะนี้ผู้รักษาหายเพิ่มขึ้น อัตราการรักษาหายมากกว่า 95% จึงต้องพยายามลดผู้ติดเชื้อรายใหม่ คาดว่าใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ สถานการณ์การรักษาในโรงพยาบาลจะดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลโดยจัดหาไอซียูเพิ่มเติมรองรับผู้ป่วยอาการหนัก และปรับเปลี่ยนให้วินิจฉัยกลุ่มอาการสีเหลืองได้เร็วขึ้นและให้ยาเร็วขึ้น มีเตียงเพิ่มอีก 2 พันกว่าเตียง ทำให้สถานการณ์การรักษาค่อนข้างคงตัว สำหรับศูนย์แรกรับและส่งต่อนิมิบุตร มีผู้ติดต่อเข้ามาสะสม 247 ราย ส่งผู้ป่วยไปรักษาได้ 239 ราย คิดเป็น 96.8% ถือว่าช่วยเหลือส่งต่อได้ทันท่วงที ส่วนการตรวจหาเชื้อโควิดในห้องปฏิบัติการเฉลี่ยวันละ 5-6 หมื่นตัวอย่างมากที่สุดคือ 7 หมื่นกว่าตัวอย่างต่อวัน ถือว่าตรวจได้ค่อนข้างมาก
สำหรับสถานการณ์ยาฟาวิพิราเวียร์ นพ.โอภาส กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายการสำรองไว้ให้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ประเทศไทยแล้ว 2 ล้านเม็ดโดยเก็บไว้ที่ส่วนกลาง 1 ล้านและกระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ยังสั่งเข้ามาเพิ่มเติมอีกประมาณ 3 ล้านเม็ดและองค์การเภสัชกรรมแห่งประเทศไทยได้จัดหาวัตถุดิบเพื่อผลิตยาได้อีก และหากโรงพยาบาลต้องการจะเบิกยาสามารถสอบถามได้ที่กระทรวงสาธารณสุข สำนักการแพทย์ หรือสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร ส่วนต่างจังหวัดสามารถขอยาได้ที่สาธาณสุขประจำจังหวัด
ด้านการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วประเทศวันนี้ นพ.โอภาส ชี้แจงว่า เข็มที่ 1 มีจำนวน 6,611 ราย และเข็มที่ 2 อีก 5,099 ราย ซึ่งในระยะนี้อัตราการฉีดวัคซีนที่ลดลงเนื่องจากวัคซีนที่ได้กระจายไปประมาณ 2 ล้านโดส ซึ่ง 1 คนต้องฉีด 2 เข็ม ขณะนี้จึงต้องรอเวลาในการฉีดเข็มที่ 2 เมื่อวานนี้มีวัคซีนล็อตใหม่ที่เข้ามาอีก 5 แสนโดสซึ่งอย. และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ ตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานเรียบร้อยแล้วและมีการกระจายออกไป เพื่อดำเนินการฉีดต่อไป ในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้วัคซีน Sinovac จะเข้ามาอีกประมาณ 1 ล้านโดส และในวันที่ 22 พฤษภาคมอีก 1.5 ล้านโดส เพื่อนำมาฉีดในพื้นที่ระบาด ส่วนวัคซีน AstraZeneca จะมีการส่งมอบในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะทยอยส่งมอบทั้งหมด 61 ล้านโดส
สำหรับโรงพยาบาลเอกชนถือเป็นหน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ซึ่งให้ความร่วมมือฉีดตามเกณฑ์มาตรฐานของกรมควบคุมโรคและไม่คิดมูลค่า โดยมี สปสช.สนับสนุนค่าใช้จ่ายการฉีดวัคซีน 20 บาทต่อคน