ThaiPublica > เกาะกระแส > ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยัน “จีนไม่ครองโลก” ชี้โลกต้องการ “ความยุติธรรม”

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยัน “จีนไม่ครองโลก” ชี้โลกต้องการ “ความยุติธรรม”

20 เมษายน 2021


ประธานาธฺบดี สี จิ้นผิงที่มาภาพ: http://www.xinhuanet.com/english/2021-04/20/c_139893137.htm

การประชุมฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าว (Boao Forum for Asia: BFA) ประจำปี 2021 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-21 เมษายน 2564 ได้รับความสนใจจากทั่วโลก หลังจากที่ยกเลิกไปในปีที่แล้ว เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

ในปีนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “Pulling Together Through Adversity and Toward a Shared Future for All” หรือ “ร่วมกันฝ่าความทุกข์ยากและมุ่งสู่อนาคตร่วมกันของทุกคน” ในพิธีเิปิดการประชุมผ่านระบบออนไลน์ โดยสำนักข่าวซินหัวนำมาเผยแพร่ดังต่อไปนี้

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเริ่มด้วยการกล่าวว่า “มิตรภาพที่แท้จริงทำให้ผู้คนใกล้ชิดกันแม่ว่าจะห่างไกลกันก็ตาม” ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วม Boao Forum for Asia Annual Conference 2021 ที่จัดขึ้นในระบบออนไลน์ ในนามของรัฐบาลจีนและประชาชนชาวจีน และผม ขอต้อนรับผู้ที่เข้าร่วมการประชุมทั้งแบบมาร่วมด้วยตัวเองและเข้าร่วมทางออนไลน์

ไม่ขอครองโลกแม้แข็งแกร่ง

ปีนี้เป็นการครบ 20 ปีของการประชุมฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าว ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาประเทศในเอเชียได้พัฒนาการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค และทำงานอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อผลักดันการพัฒนาทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งทำให้เอเชียกลายเป็นภูมิภาคที่มีพลังและมีแนวโน้มที่ดีที่สุดในเศรษฐกิจโลก เอเชียยังได้ยืนหยัดร่วมกับส่วนอื่นๆของโลกในการเผชิญกับการก่อ การร้าย สึนามิในมหาสมุทรอินเดีย วิกฤติการเงินระหว่างประเทศ การระบาดหนักของโควิด-19 และภัยคุกคามด้านความมั่นคงทั้งแบบเก่าและที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิมอื่น ๆ ซึ่งช่วยรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ในฐานะที่เป็นสมาชิกคนสำคัญของครอบครัวเอเชีย จีนได้ดำเนินการปฏิรูปในเชิงลึกและมีการเปิดกว้าง ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาค ด้วยเหตุนี้จึงมีความก้าวหน้าและการพัฒ นาควบคู่ไปกับภูมิภาคอื่น ๆ ในเอเชียและทั่วโลก ดังนั้นจึงพูดได้ว่า การประชุมโป๋ฮ่าว แสดงให้เห็นถึงการเดินทางที่ไม่ธรรมดาของจีน ของเอเชียและของโลก และมีอิทธิพลสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาในเอเชียและอื่นๆ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวว่า ปี 2564 ยังเป็นปีแห่งการครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Communist Party of China:CPC) ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา CPC ฝ่าฟันในทุกรูปแบบเพื่อความสุขของชาวจีนอย่างไม่ลดละ การฟื้นฟูประเทศจีนและการทำตัวเป็นประโยชน์ต่อโลก ส่งผลให้ประเทศจีนประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่จากการยืนหยัดจนเติบโตร่ำรวยและเข้มแข็งขึ้น และด้วยเหตุนี้จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่ออารยธรรมและความก้าวหน้าของมนุษย์ จีนจะยังคงมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพของโลก ส่งเสริมการพัฒนาของโลกและปกป้องระเบียบระหว่างประเทศ

จีนจะยึดมั่นในสันติสุข การพัฒนา ความร่วมมือและผลประโยชน์ร่วมกัน พัฒนามิตรภาพและความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ บนพื้นฐานของหลักการ 5 ประการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ จีนจะยังคงดำเนินความร่วมมือสกัดการระบาดของไวรัสโควิด กับองค์การอนามัยโลก(WHO) และประเทศอื่น ๆ ต่อไปโดยยึดมั่นในการทำให้วัคซีนเป็น สินค้าสาธารณะของโลกและทำมากขึ้นเพื่อช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาเอาชนะไวรัส

“ไม่ว่าจีนจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่จีนจะไม่ต้องการที่จะครองโลก ขยายขอบเขตอิทธิพล จีนจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันการสะสมอาวุธ จีนจะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในความร่วมมือพหุภาคีด้านการค้าและการลงทุน การใช้กฎหมายการลงทุนต่างประเทศ และกฎเกณฑ์และข้อบังคับสนับสนุนอย่างเต็มที่ ลดบัญชีธุรกิจที่มีข้อห้ามในการลงทุนสำหรับต่างประเทศหรือ negative list เดินหน้าพัฒนาท่าเรือการค้าเสรีไห่หนานต่อเนื่อง และพัฒนาระบบใหม่สำหรับเศรษฐกิจแบบเปิดที่มีมาตรฐานสูงขึ้น และต้อนรับทุกคนเข้าสู่โอกาสที่มากมายของตลาดจีน”

การประชุมประจำปีของปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด A World in Change: Join Hands to Strengthen Global Governance and Advance Belt and Road Cooperation” นับเป็นโอกาสและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวว่า ปัจจุบัน พลังของการเปลี่ยนแปลงและการระบาดที่เกิดขึ้นแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบศตวรรษ ได้ทำให้โลกเข้าสู่ยุคแห่งความลื่นไหลและการเปลี่ยนแปลง ความไม่มั่นคงและความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน มนุษยชาติกำลังเผชิญกับการขาดดุลในการกำกับดูแลที่เพิ่มมากขึ้น การขาดความไว้วางใจ การขาดดุลการพัฒนา และการขาดดุลสันติภาพ ยังคงต้องดำเนินการอีกมากเพื่อบรรลุความมั่นคงสากลและการพัฒนาร่วมกัน ดังที่กล่าวกันว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในแนวโน้มไปสู่โลกหลายขั้ว โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวใหม่ และการเรียกร้องให้สนับสนุนลัทธิพหุภาคี และเสริมสร้างการสื่อสาร และการประสานงานได้แข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าเราจะอยู่ในยุคที่เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ก็เป็นยุคที่เต็มไปด้วยความหวังเช่นกัน

ประธานาธฺบดีสี จิ้นผิง ในงานBoao Forum for Asia: BFA) ประจำปี 2018:http://conferences-eng.boaoforum.org/2018anjcsj/38727.jhtml

เรียกร้องจัดระเบียบโลก-ความเท่าเทียม

จากนี้ไปมนุษยชาติจะเดินอย่างไร? เราควรสร้างอนาคตแบบไหนให้คนรุ่นหลัง? ในขณะที่เราพยายามตอบคำถามสำคัญเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือ เราต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของมนุษยชาติและตัดสินใจเลือกอย่างมีความรับผิดชอบและชาญฉลาด

จีนเรียกร้องให้ทุกประเทศในเอเชียและประเทศอื่นๆ ตอบรับการเรียกร้องในยุคของเราเอาชนะการระบาดของโรคด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เสริมสร้างระเบียบระดับโลก(governance ) และส่งเสริมประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมวลมนุษยชาติ

เราต้องมีการให้ความเห็นที่เท่าเทียมกันเพื่อสร้างอนาคตของผลประโยชน์ร่วมกัน การจัดการกับระเบียบโลก(global Governace) ควรสะท้อนถึงภูมิทัศน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับแนวโน้มสันติภาพ การพัฒนาและความร่วมมือแบบ win-win และตอบสนองความต้องการในทางปฏิบัติในการจัดการกับความท้าทายของโลก เราต้องปฏิบัติตามหลักการของการขอความเห็นในวงกว้าง การมีส่วนร่วมและผลประโยชน์ร่วมกัน รักษาความเป็นพหุภาคีที่แท้จริง และทำให้ระเบียบทั่วโลกเป็นธรรมและเท่าเทียมกันมากขึ้น เราจำเป็นต้องปกป้องระบบระหว่างประเทศที่มีสหประชาชาติ( UN) เป็นศูนย์กลาง รักษาระเบียบระหว่างประเทศด้วยกฎหมายระหว่างประเทศและสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีโดยมีองค์การการค้าโลกเป็นแกนหลัก

กิจการของโลกควรได้รับการจัดการผ่านการขอความเห็นอย่างกว้างขวาง และ

อนาคตของโลกควรได้รับการตัดสินใจโดยทุกประเทศที่ทำงานร่วมกัน เราจะต้องไม่ปล่อยให้กฎที่กำหนดโดยประเทศหนึ่งหรือไม่กี่ประเทศมีการบังคับใช้กับประเทศอื่น หรือปล่อยให้ความคิดฝ่ายเดียวที่ดำเนินการโดยบางประเทศเป็นตัวกำหนดความก้าวหน้าให้กับคนทั้งโลก สิ่งที่เราต้องการในโลกปัจจุบัน คือ ความยุติธรรมไม่ใช่อำนาจ การครองโลก ประเทศใหญ่ ๆ ควรปฏิบัติตนในลักษณะที่เหมาะสมกับสถานะของตนและมีความรับผิดชอบมากขึ้น

เราต้องมีการเปิดกว้างและนวัตกรรมเพื่อสร้างอนาคตของการพัฒนาและความมั่งคั่ง การเปิดกว้างเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาและความก้าวหน้า นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด เราจำเป็นต้องส่งเสริมการเปิดเสรีและการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคให้ลึกขึ้น และเพิ่มห่วงโซ่อุปทาน อุตสาหกรรมข้อมูลและทรัพยากรมนุษย์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้าง เราจำเป็นต้องกระชับความร่วมมือเพื่อการเชื่อมต่อและเสริมสร้างการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจไหลลื่น เราต้องคว้าโอกาสทางประวัติศาสตร์ในรอบใหม่ของการปฏิวัติทางวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยีและการเปลี่ยนโฉมทางอุตสาหกรรม กระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ชีวการแพทย์และพลังงานสมัยใหม่ เพื่อให้ผลของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวัตกรรมสามารถเปลี่ยนเป็นประโยชน์มากขึ้นสำหรับผู้คนในทุกประเทศ ในยุคโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจนี้

การเปิดกว้างและการรวมตัวเป็นแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ ความพยายามที่จะ“ สร้างกำแพง” หรือ“ แยกตัว” นั้นสวนทางกับหลักเศรษฐศาสตร์และหลักการตลาด และจะทำลายผลประโยชน์ของผู้อื่นโดยไม่ส่งผลดีต่อตัวเอง

เราต้องมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือเพื่อสร้างอนาคตของสุขภาพและความมั่นคง ในการต่อสู้กับโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ชัยชนะจะเป็นของเราในท้ายที่สุด เราต้องให้ผู้คนและชีวิตของพวกเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ยกระดับการแบ่งปันข้อมูลและความพยายามร่วมกัน ส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุขและการแพทย์และให้องค์การอนามัยโลก (WHO)มีบทบาทสำคัญอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญคือ เราต้องสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศในการวิจัยและพัฒนา การผลิตและการจัดจำหน่ายวัคซีน และเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงและความสามารถในการจ่ายของประเทศกำลังพัฒนา เพื่อให้ทุกคนในโลกสามารถเข้าถึงและซื้อวัคซีนที่ต้องการได้

สิ่งสำคัญ คือ เราต้องใช้มาตรการที่ครอบคลุมเพื่อปรับปรุงธรรมาภิบาลทั่วโลกเกี่ยวกับความมั่นคงด้านสาธารณสุขและทำงานร่วมกันเพื่อประชาคมโลกด้านสุขภาพสำหรับทุกคน เราต้องปฏิบัติตามปรัชญาของการพัฒนาสีเขียว ผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และดำเนินการเพิ่มเติมตามข้อตกลงปารีสการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ต้องร่วมกันยึดถือหลักการความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน และต้องแก้ไขเรื่องเงินทุน เทคโนโลยีและการเสริมสร้างขีดความสามารถกับประเทศกำลังพัฒนา

เราต้องมุ่งมั่นในความยุติธรรมเพื่อสร้างอนาคตของการเคารพซึ่งกันและกันและการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ความหลากหลาย คือสิ่งที่กำหนดโลกของเรา และทำให้อารยธรรมของมนุษย์น่าสนใจ การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทำให้ผู้คนทั่วโลกเข้าใจชัดเจนมากขึ้นว่า เราต้องไม่ยอมรับสงครามเย็นและความคิดรวมศูนย์ และ ต่อต้าน“ สงครามเย็น” ครั้งใหม่และการเผชิญหน้าทางอุดมการณ์ในรูปแบบใดก็ตาม

ในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐ หลักการของความเสมอภาคความเคารพซึ่งกันและกัน และความไว้วางใจซึ่งกันและกัน จะต้องคำนึงถึงก่อนและเป็นหลัก การบังคับไปทั่ว หรือการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของผู้อื่นจะไม่ได้รับการสนับสนุน เราต้องสนับสนุนสันติภาพ การพัฒนาความเสมอภาค ความยุติธรรม ประชาธิปไตยและเสรีภาพซึ่งเป็นค่านิยมร่วมกันของมนุษยชาติและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างอารยธรรมเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าของอารยธรรมมนุษย์

“ผมขอประกาศว่า เมื่อการระบาดของโรคอยู่ควบคุมได้ จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการ การจัดการประชุมเสวนาอารยธรรมเอเชีย Dialogue of Asian Civilizations ครั้งที่สอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างแข็งขันของเราในการส่งเสริมการเสวนาระหว่างอารยธรรมในเอเชียและอื่นๆ”

BOA 2018 ที่มาภาพ: http://conferences-eng.boaoforum.org/2018anjcsj/39464.jhtml

เปิด BRI สำหรับทุกคน

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวต่อว่า “ผมได้ชี้ให้เห็นหลายครั้งว่า หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง Belt and Road Initiative (BRI) เป็นถนนสาธารณะที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน ไม่ใช่เส้นทางส่วนตัวที่เป็นของใครเพียงคน และยินดีต้อนรับทุกประเทศที่สนใจเข้าร่วมในความร่วมมือและแบ่งปันผลประโยชน์ ความร่วมมือ Belt and Road ดำเนินการพัฒนาโดยมุ่งหวังผลประโยชน์ร่วมกันและสื่อถึงข้อความแห่งความหวัง”

นับจากนี้ไป เราจะยังคงทำงานร่วมกับภาคีอื่น ๆ ในความร่วมมือ Belt and Road ที่มีคุณภาพสูง เราจะปฏิบัติตามหลักการของการให้ความเห็นในวงอย่างกว้าง การมีส่วนร่วมและผลประโยชน์ร่วมกัน และสนับสนุนหลักปรัชญาของความร่วมมือที่เปิดกว้าง ความร่วมมือสีเขียวและสะอาด เพื่อให้ความร่วมมือ Belt and Road มีมาตรฐานสูง มีประชาชนเป็นศูนย์กลางและยั่งยืน

เราจะสร้างพันธมิตรที่ใกล้ชิดมากขึ้นในด้านความร่วมมือด้านสุขภาพ ธุรกิจของจีนได้เริ่มการผลิตวัคซีนร่วมกับประเทศที่เข้าร่วม BRI เช่น อินโดนีเซีย บราซิล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซียปากีสถานและตุรกี เราจะขยายความร่วมมือกับภาคีต่างๆในการควบคุมโรคติดเชื้อ สาธารณสุขการแพทย์แผนโบราณและด้านอื่น ๆ เพื่อร่วมกันปกป้องชีวิตและสุขภาพของประชาชนในทุกประเทศ

เราจะสร้างพันธมิตรที่ใกล้ชิดมากขึ้นสำหรับการเชื่อมต่อ จีนจะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อส่งเสริม“ การเชื่อมต่อด้านกายภาพ” ของโครงสร้างพื้นฐานและ“ การเชื่อมต่อที่จับต้องไม่ได้” ของกฎและมาตรฐาน สร้างความมั่นใจว่าจะมีช่องทางสำหรับความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนที่ไม่มีข้อ จำกัด และพัฒนาอีคอมเมิร์ซเส้นทางสายไหมอย่างแข็งขัน โดยทั้งหมดนี้เพื่อเปิดโอกาสที่สดใสสำหรับการพัฒนาแบบบูรณาการ

เราจะสร้างพันธมิตรที่ใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อการพัฒนาสีเขียว เราสามารถเสริมสร้างความร่วมมือในโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว พลังงานสีเขียว และการเงินสีเขียวและยกระดับ BRI International Green Development Coalition หลักการลงทุนสีเขียวสำหรับการพัฒนาหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และแพลตฟอร์มความร่วมมือพหุภาคีอื่น ๆ เพื่อให้สีเขียวเป็นคุณลักษณะที่กำหนดอนาคตของความร่วมมือ BRI

เราจะสร้างพันธมิตรที่ใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อการเปิดกว้างและความทั่วถึง รายงานของธนาคารโลกชี้ให้เห็นว่าภายในปี 2573 โครงการ Belt and Road สามารถช่วยยกระดับประชากร 7.6 ล้านคนจากความยากจนขั้นรุนแรง และ 32 ล้านคนจากความยากจนระดับปานกลางทั่วโลก เราจะดำเนินการด้วยจิตวิญญาณแห่งการเปิดกว้างและความทั่วถึง เพราะเราทำงานร่วมกับผู้มีส่วนร่วมที่เต็มใจทุกคนเพื่อสร้าง BRI ให้เป็นหนทางไปสู่การบรรเทาความยากจนและการเติบโตซึ่งจะส่งผลดีต่อความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของมนุษยชาติ

“ด้วยการเดินทางไปด้วยกันนี้ เราจะฝ่าคลื่น ลม และไม่หวั่นที่จะเดินทางไกลเป็นหมื่นไมล บางครั้งเราอาจเจอคลื่นพายุ และกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่อันตราย แต่ตราบใดที่เราพยายามร่วมกันและเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง เรือยักษ์แห่งการพัฒนามนุษย์จะตั้งลำตรงและแล่นไปสู่อนาคตที่สดใสกว่าเดิม”ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงการปิดท้าย