ThaiPublica > ประเด็นร้อน > COVID-19 พลิกโลก > สธ.แจงจองนัดฉีดวัคซีนโควิดได้ 3 ช่องทาง “ไลน์ หมอพร้อม-รพ.-อสม.” 1 พ.ค.

สธ.แจงจองนัดฉีดวัคซีนโควิดได้ 3 ช่องทาง “ไลน์ หมอพร้อม-รพ.-อสม.” 1 พ.ค.

30 เมษายน 2021


นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่มาภาพ:https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/157507/

วันนี้ (30 เมษายน 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวประเด็น Line Official Account ว่า แพลตฟอร์มหมอพร้อมเป็นเครื่องมือในการลงทะเบียนจองและนัดฉีดวัคซีน ที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนให้เข้าถึงบริการ และได้พัฒนาเป็นเวอร์ชั่น 2 เพื่อใช้งานรองรับการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลิดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน

หมอพร้อมในเวอร์ชั่นแรกจัดทำขึ้นเพื่อให้บุคลากรทางสาธารณสุข /บุคลากรด่านหน้า / อสม. ได้ใช้เพื่อติดตามอาการหลังการฉีดวัคซีนโควิด 19 และนัดหมายในการฉีดเข็มที่ 2

หมอพร้อมเวอร์ชั่น 2 มีการปรับปรุงรูปแบบการลงทะเบียน เพิ่มฟังก์ชันการจองวัน-เวลา รวมถึงการกรอกรายละเอียด โดยเฉพาะโรคประจำตัว ให้ประชาชนประเมินสุขภาพตนเอง ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถประเมินอาการและฉีดวัคซีนได้อย่างปลอดภัย ส่งผลให้กระบวนการรับบริการมีความรวดเร็วขึ้น และมีการแจ้งเตือนในการเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 แต่ทั้งนี้ประชาชนไม่จำเป็นต้องรีบลงทะเบียนภายในวันเดียว เนื่องจากทีมแพทย์จะพยายามอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ที่สุด ซึ่งเมื่อฉีดวัคซีนเรียบร้อยและจะได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีน ที่ออกโดย สธ.

โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 1 พฤษภาคม และเริ่มฉีดวัคซีนในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 แต่สำหรับคนที่ไม่มีเครื่องมือสื่อสารหรือไม่สามารถเข้าถึงได้สามารถลงทะเบียนได้ที่โรงพยาบาลที่รักษาตัว สถานพยาบาลใกล้บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) หรือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ซึ่งทีมแพทย์ พยาบาล หรือ อสม.จะช่วยลงทะเบียนและนัดวัน-เวลา ในการเข้ารับวัคซีน และซักประวัติข้อมูลเพื่อเป็นรายละเอียดสำหรับการฉีดวัคซีน

ในส่วนของการฉีดวัคซีน นายธนิตพล กล่าวว่า จะดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มผู้สูงอายุให้เร็วที่สุด ซึ่งกลุ่มเป้าหมายมีจำนวนกว่า 16 ล้านคน และจากการหารือแต่ละโรงพยาบาลจะสามารถฉีดได้ 3-4 ร้อยคนต่อวันเป็นอย่างน้อย

สำหรับประชาชนที่มีอายุ 18 – 59 ปี สามารถลงทะเบียนได้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 โดยที่กระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถดำเนินการฉีดให้กับประชาชนพร้อมกันทั่วประเทศได้เนื่องจากอาจทำให้ฐานข้อมูลในการจัดการระบบทำงานมีความผิดพลาดขึ้น จึงขอแยกกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อนเพราะผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่ากลุ่มบุคคลทั่วไป ดังนั้นจึงมีการฉีดกลุ่มนี้ก่อน และมีการจัดระบบหมอพร้อมให้รองรับเฉพาะกลุ่มนี้เท่านั้น

ด้านนพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ได้กล่าวถึงการนำเข้าวัคซีนซิโนแวกว่า ในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้จะมีวัคซีน ซิโนแวกเพิ่มเติมเข้ามาจำนวน 1 ล้านโดส ในช่วงวันที่ 14 พฤษภาคมก็จะมีวัคซีนบริจาคจากรัฐบาลจีนยี่ห้อซิโนแวกเพิ่มเติมอีก 500,000 โดส และภายในสิ้นเดือนองค์การเภสัชกรรมได้สั่งซื้อเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ล้านโดส ดังนั้นในเดือนพฤษภาคมจะมีวัคซีนเข้ามา 3.5 ล้านโดส ทางด้านวัคซีนของแอสตราเซเนก้าจะเข้ามาในเดือนมิถุนายน

ส่วนเรื่องของยารักษาโรค covid-19 หรือ ยาฟาวิพิราเวียร์ ยังมีเพียงพอสำหรับการรักษา โดยมีการนำเข้ามาเมื่อวันที่ 26 เมษายนจำนวน 2 ล้านเม็ด และมีการแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยทุกภาคส่วนแล้ว ปัจจุบันยังมีอยู่ในคลังอีกประมาณ 1.5 ล้านเม็ด ซึ่งจำนวนการใช้ยาในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 40,000 – 50,000 เม็ด ตามข้อบ่งชี้ใหม่ที่จะให้ยาเร็วขึ้นตามจำนวนประชากรผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ในเดือนพฤษภาคมจะมียาเข้ามาอีกประมาณ 3 ล้านเม็ด และจะมีการประเมินสถานการณ์และการสั่งซื้อเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องจนกว่าประเทศไทยจะสามารถผลิตยาได้เอง

นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทน ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิค-19 ประจำวันที่ 30 เมษายนว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศ 1,583 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมเพิ่มเป็น 65,153 รายและวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 15 ราย เป็นเพศชาย 9 รายและเพศหญิง 6 ราย โดยผู้ป่วยส่วนมากมีความดันโลหิตสูง 8 ราย เบาหวาน 4 ราย และโรคหัวใจ 4 ราย

สถิติผู้ป่วยรายจังหวัด ผู้ติดเชื้อในกรุงเทพลดลงมีจำนวน 417 ราย สมุทรปราการ 138 ชลบุรี 131 เชียงใหม่ 66 นนทบุรี 50 ราย

สำหรับผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ทั้งหมด 28,696 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 21,407 ราย และโรงพยาบาลสนาม 7,289 ราย มีผู้ป่วยที่อาการหนัก 871 ราย และผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 250 ราย นอกจากนี้มีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 1,075,756 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 335,858 ราย สะสมทั้งหมด 1,411614 โดส