เมื่อวันพุธที 10 มีนาคม สหรัฐฯได้ใช้ มาตรการคว่ำบาตรบุตร 2 คนของนายพลมิน อ่อง หล่าย ผู้นำกองทัพของเมียนมาและ 6 บริษัท ที่พวกเขาควบคุมเพื่อตอบโต้การทำรัฐประหารในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ของกองทัพและการสังหารผู้ประท้วงนับตั้งแต่การยึดอำนาจ
กระทรวงการคลังสหรัฐฯระบุในแถลงการณ์ว่า ได้ขึ้นบัญชีดำอ่อง แพ โซนและขิ่น ธิริ เทต มอญ บุตรชายและบุตรสาวของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา ซึ่งเป็นผู้นำการรัฐประหารและแต่งตั้งตัวเองเป็นประธานสภาบริหารแห่งรัฐ
นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เตือนว่า อาจมีมาตรการเพิ่มเติมรวมทั้งประณามการควบคุมตัวประชาชนกว่า 1,700 คน และการโจมตีต่อผู้ประท้วงที่ไม่มีอาวุธของกองกำลังความมั่นคงของเมียนมา ซึ่งได้สังหารผู้คนอย่างน้อย 53 คน
“เราพร้อมที่จะดำเนินการเพิ่มเติมกับผู้ที่ยุยงให้เกิดความรุนแรงและปราบปรามเจตจำนงของประชาชน” นายบลิงเคนระบุในแถลงการณ์
กองทัพไม่ได้สนใจต่อการประณามการกระทำ เช่นเดียวกับในช่วงที่กองทัพปกครอง ซึ่งมีการปราบปรามการประท้วงอย่างรุนแรง
การประกาศเมื่อวานนี้ เป็นการดำเนินการล่าสุดของการใช้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯต่อการทำรัฐประหารของกองทัพเมียนมา โดยยึดทรัพย์ที่มีอยู่ในสหรัฐฯของผู้ที่ถูกขึ้นบัญชีดำและห้ามชาวอเมริกันทำธุรกิจกับบุคคลกลุ่มนี้
กลุ่มนักเคลื่อนไหว Justice for Myanmar ระบุเมื่อเดือนมกราคมว่าพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดตั้งแต่ปี 2011 ได้ “ใช้อำนาจในทางมิชอบเพื่อประโยชน์ของครอบครัวซึ่งได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงทรัพยากรของรัฐและการยกเว้นของกองทัพ”
สำหรับ 6 บริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำจากสหรัฐฯ รวมไปถึง A&M Mahar ที่อ่อง แพ โซน บุตรชายพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ควบคุม
Justice for Myanmar ระบุว่า A&M เปิดให้บริษัทยาจากต่างประเทศให้เข้าถึงตลาดในประเทศ ผ่านการได้รับอนุญาตจากสำนักงานอาหารและยา
นายจอห์น ซิฟตัน ผู้บริหารขององค์กรสิทธิมนุษยชน ชื่นชมการใช้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยระบุว่าเป็นการดำเนินการกับความมั่งคั่งของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่ายโดยตรง แต่ก็เห็นว่าน่าจะดำเนินการให้เข้มงวดมากขึ้น
“สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การลงโทษในแบบที่เราเชื่อว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เราขอเสนอแนะให้มุ่งเน้นไปที่ช่องทางการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ามากและหากถูกตัดออกไปจะเป็นมีผลกระทบต่อกองทัพในฐานะสถาบัน,” นายซิฟตันกล่าว โดยอ้างถึงรายได้จากน้ำมันและก๊าซจากการดำเนินโครงการที่มีบริษัทต่างชาติร่วมอยู่ด้วย
สหรัฐฯได้ระงับการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อกลุ่ม บริษัท ทหาร คือ Myanmar Economic Corporation (MEC) และ Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้โดยกองทัพเพื่อควบคุมเศรษฐกิจของประเทศ
