ThaiPublica > คอลัมน์ > Stakeholder Capitalism การสร้างทุนนิยมที่ยั่งยืน

Stakeholder Capitalism การสร้างทุนนิยมที่ยั่งยืน

27 มกราคม 2021


ดร.สุทธิ สุนทรานุรักษ์

ชิมก่อนปรุง : Taste before seasoning

  • Stakeholder Capitalism เป็นแนวคิดใหม่ที่ Professor Klaus Schwab ผู้ก่อตั้ง World Economic Forum เสนอขึ้นมาเพื่อสร้างทุนนิยมในรูปแบบใหม่ด้วยความยั่งยืน
  • หัวใจของ Stakeholder Capitalism คือ การให้ความสำคัญกับความกินดีอยู่ดีของผู้คนและความสมดุลของโลก (People and Planet)
  • โมเดลการสร้างทุนนิยมที่ยั่งยืน คือ การตอบสนองต่อความต้องการของ Stakeholder ทั้งสี่กลุ่มด้วยวัตถุประสงค์ 4P (Profit Purpose Prosperity และ Peace)

อภิมหาวิกฤติโควิด-19 ทำให้เกิดคำถามมากมายต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในรอบร้อยปีที่ผ่านมา… ชัยชนะของทุนนิยมต่อสังคมนิยมช่วงปลายทศวรรษที่ 80 นำไปสู่การเติบโตของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเต็มสูบ ประกอบกับแรงขับเคลื่อนจากพลังโลกาภิวัตน์ทำให้เศรษฐกิจระบบตลาดมีความมั่งคงแข็งแกร่ง

การตั้งคำถามต่อการพัฒนาที่เน้นตัวเลขของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงฝ่ายเดียวนำไปสู่ ชุดความคิดใหม่ๆ ต่อการพัฒนา ไล่ตั้งแต่แนวคิดเรื่อง sustainable development หรือการพัฒนาอย่างยั่งยืน ต่อยอดมาถึงปี 2015 ที่องค์การสหประชาชาติมุ่งเป้าหมายการพัฒนาไปที่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 เป้าหมาย (Sustainable Development Goals)

อย่างไรก็ตาม แนวคิดใหม่เหล่านี้ล้วนมีจุดยึดโยงคล้ายๆ กัน คือ การพัฒนาประเทศไม่ได้ตีกรอบแค่เรื่องการเจริญเติบโตของตัวเลขทางเศรษฐกิจ… การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงทรัพยากรส่วนรวมยังเป็นโจทย์ใหญ่ที่เหล่า policy maker และรัฐบาลทั้งหลายต้องพยายามทำให้ได้

Professor Klaus Schwab ผู้ก่อตั้ง World Economic Forum (WEF) หนึ่งใน think tank สำคัญของโลก ได้ออกมาเสนอแนวคิดเรื่อง stakeholder capitalism โดยเขาและ Peter Vanham ได้ร่วมกันเขียนหนังสือชื่อ Stakeholder Capitalism: A Global Economy that works for progress, people, and planet

Professor Klaus Schwab กับการก่อตั้ง World Economic Forum ตั้งแต่ปี 1971 ที่มาภาพ : https://cyberpolygon.com/upload/iblock/f7e/f7ea0aeb31d6021c3deb0e6c99c14635.jpg

สาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้ คือ การชี้ให้เห็น “ทางเลือก” ที่อาจนำไปสู่ “ทางรอด” ของทุนนิยมในอนาคต แน่นอนว่าหลายเรื่องดูเหมือนพวกเราจะรู้แล้ว คุ้นเคยกับคำพูดสวยหรูแนวการพัฒนาที่ยั่งยืน

Professor Klaus อธิบายถึงพัฒนาการแนวคิดเรื่อง stakeholder capitalism ว่า…

  • เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด หากแต่มีการพูดกันมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 70 แล้ว โดยเฉพาะในยุโรปกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และกลุ่มเบเนลักซ์ รวมทั้งเยอรมนีบ้านเกิดของเขาด้วย
  • หลักใหญ่ใจความของ stakeholder capitalism เน้นที่การพัฒนาร่วมกันระหว่างเอกชน เจ้าของธุรกิจ ลูกจ้างแรงงาน ชุมชนท้องถิ่น รวมถึงรัฐบาล ซึ่งสิ่งที่ Professor Klaus เรียกนี้ คือ tripartite system ซึ่งบริษัท ลูกจ้างและรัฐ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนั้น ต่างฝ่ายต่างต้องคำนึงถึงเป้าหมายของกันและกัน

    หนังสือเล่มล่าสุดของ Professor Klaus เรื่อง Stakeholder Capitalism: A Global Economy that works for progress, people, and planet ที่มาภาพ : https://images-na.ssl-images-amazon.com/images/I/41zlWplguML._SX336_BO1,204,203,200_.jpg

    …หากเราอ่านแนวคิดดังกล่าวดูจะค่อนไปทางรัฐสวัสดิการที่รัฐมีหน้าที่จัดหาสวัสดิการที่มีคุณภาพทั้งเรื่องการศึกษา สาธารณสุขและความมั่งคงปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน

    ฟังดูแล้วไปทางนามธรรมเสียมากกว่ารูปธรรม… แต่เอาเข้าจริงฐานคิดนี้ปรากฏอยู่ในกลุ่มประเทศยุโรปตอนเหนือและยุโรปตะวันตกอย่างเยอรมนีและกลุ่มเบเนลักซ์

    อย่างไรก็ตาม stakeholder capitalism ถูกกลบด้วยกระแสแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจจากฝั่งสหรัฐอเมริกา นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลชาวอเมริกัน “Milton Friedman” เสนอว่า shareholder capitalism ต่างหากที่จะทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้ามากกว่า stakeholder capitalism

    …อ่านบทความของ Professor Klaus แล้วดูเหมือนเขาจะเหน็บแนม Friedman อยู่ไม่น้อย เพราะในมุมของฝั่ง stakeholder capitalism นั้นเห็นว่าการมุ่งแต่ผลกำไรเพียงอย่างเดียวในการพัฒนานั้นไม่ใช่คำตอบของการพัฒนาที่ยั่งยืน

    Professor Klaus อ้างถึงคำพูดของ Professor Friedman ที่ว่า shareholder primacy หรือผู้ถือหุ้นต่างหากที่ต้องมาก่อน

    เมื่อกระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืนเริ่มต้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในช่วงปลายทศวรรษที่ 80 หลังจากที่ รายงานเรื่อง Our Common Future หรือที่รู้จักกันในชื่อ Brundtland report เผยแพร่ออกมาทำให้ นักเศรษฐศาสตร์เริ่มหันมาสนใจเรื่องการพัฒนาที่มุ่งเน้นสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

    นายกรัฐมนตรีหญิงชาวนอร์วีเจียน Gro Harlem Brundtland ผู้กลายเป็นตำนานของจุดเริ่มต้นคำว่า sustainable development ที่มาภาพ : https://cdn.britannica.com/69/159569-050-D8476CD7/Gro-Harlem-Brundtland.jpg

    stakeholder capitalism ที่ Professor Klaus นำเสนอนั้นเน้นไปที่การสร้างสมดุลของการพัฒนาระหว่างผู้คน (people) และโลก (planet)

    ในแง่ของผู้คนนั้น เป้าหมายสำคัญที่สุด คือ เรื่องการกินดี อยู่ดี การมีคุณภาพชีวิตที่ดี หรือที่เรียกว่า well-being… ซึ่งปัจจุบันแนวคิดเรื่อง well-being economy ถูกนำมาพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด คือ นิวซีแลนด์ สกอตแลนด์ และไอซ์แลนด์ ที่หยิบเรื่องนี้มาประเด็นหลักในการพัฒนา

    การกินดี อยู่ดี ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องการมีอาหารการกินที่ดี สะอาด ปลอดภัย มีคุณภาพ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตทั้งร่างกายและความคิด ระบบการศึกษาที่เปิดกว้างต่อการพัฒนา รวมถึงการแพทย์สาธารณสุขขั้นพื้นฐานที่ต้องเข้าถึงง่าย

    เขียนมาถึงตรงนี้… ดูเหมือนจะ “โลกสวย” และวิ่งเล่นในทุ่งดอกลาเวนเดอร์

    แม้ว่านักคิดสายการพัฒนาที่ยั่งยืนจะถูกค่อนแคะเรื่องนี้เสมอ แต่เอาเข้าจริงเป้าหมายหลักของการพัฒนา หาใช่ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่โตแบบพรวดพราด แต่ไร้คุณภาพ เพราะการเติบโตที่รวดเร็วแต่เต็มไปด้วยการทิ้งปัญหาไว้เบื้องหลังนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า “การพัฒนา”

    นอกจากเรื่อง people แล้ว Professor Klaus ได้ให้ความเห็นว่าโลกที่สมดุล เขาใช้คำว่า planet health หรือสุขภาพของโลกนับเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้มีส่วนได้เสียทุกคนบนโลกใบนี้ต้องช่วยกัน

    ในหนังสือเรื่อง Stakeholder Capitalism เสนอให้เห็นความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกันระหว่างผู้มีส่วนได้เสียใน 4 กลุ่ม ได้แก่ รัฐบาล (government) ภาคประชาสังคม (civil society) บริษัทธุรกิจเอกชน (companies) และชุมชนระหว่างประเทศ (international communities)

    Professor Klaus เสนอโมเดลให้ทั้งสี่กลุ่มนี้ต่างฝ่ายต่างต้องตอบสนองกันและกันภายใต้วัตถุประสงค์ที่ตนเองต้องการซึ่งเขาเรียกวัตถุประสงค์ทั้งสี่ด้านนี้ว่า 4P ประกอบด้วย profit, purpose, prosperity และ peace (ดูแผนภาพ)

    โมเดล 4P และผู้มีส่วนได้เสีย 4 กลุ่ม ใน Stakeholder Capitalism ที่มา: สรุปแผนภาพจากบทความเรื่อง What is Stakeholder Capitalism? ที่มาภาพ : https://www.weforum.org/agenda/2021/01/klaus-schwab-on-what-is-stakeholder-capitalism-history-relevance/

    โมเดลการพัฒนา stakeholder capitalism เริ่มต้นจาก ธุรกิจที่ยังคงต้องการกำไรในการขับเคลื่อนสร้างธุรกิจให้เจริญเติบโต โดย Professor Klaus ชี้ให้เห็นว่า บริษัทเอกชนควรคิดถึงการสร้างคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ตนเองในระยะยาวว่าสินค้าหรือบริการที่ตัวเองผลิตออกมานั้นมีคุณค่ากับสังคมโลกนี้อย่างไร (long term value creation)

    ภาคประชาสังคมมีวัตถุประสงค์เฉพาะด้านต่างๆ ที่ต้องการขับเคลื่อนทั้งเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียมทางการศึกษา ความเสมอภาคทางเพศสภาพ การสาธารณสุขที่ทั่วถึง ความโปร่งใสในการใช้จ่ายงประมาณแผ่นดิน เป็นต้น ภาคประขาสังคมจึงเป็นอีกหนึ่งผู้มีส่วนได้เสียสำคัญที่มาขับเคลื่อน stakeholder capitalism

    ภาครัฐมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ไม่ใช่แค่ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เติบโตเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องมีการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน การมีกฎกติกาในสังคมที่ชัดเจนและรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด

    …เอาเข้าจริง สิ่งเหล่านี้ ไม่รู้ว่าเราจะขอมากเกินไปจากรัฐหรือไม่ แต่ภารกิจเหล่านี้เป็นภารกิจพื้นฐานที่รัฐถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เหล่านี้

    ท้ายที่สุด ชุมชนระหว่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาสันติภาพ การที่โลกปราศจากซึ่งสงครามและการก่อการร้ายเป็นสิ่งประเสริฐสุดสำหรับคนกลุ่มใหญ่ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่กับความกระหายและละโมบในอำนาจของเหล่าผู้นำหลงยุค ที่มุ่งจะครอบครองโลกโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของผู้คนบนโลกใบนี้ว่าทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน

    กล่าวโดยสรุปแล้ว เรื่อง stakeholder capitalism ที่ Professor Klaus และ Peter Vanham เสนอนั้นมีรากฐานความคิดที่ชัดเจนมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 70… ทั้งนี้ เส้นสายลายแทงของความคิดเชื่อมโยงกับการพัฒนาที่ยั่งยืน และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่มุ่งสร้างความสมดุลของการพัฒนาครอบคลุมทั้งด้านผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม

    stakeholder capitalism อาจดูไกลจนเหมือนเราหลุดลอยไปในโลกพระศรีอาริย์ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแนวคิดนี้สามารถเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นำไปสู่ทางรอดของโลกทุนนิยมในปัจจุบันที่แย่งชิง สูบใช้ แข่งขันกันจนไม่ลืมหูลืมตา