ThaiPublica > คอลัมน์ > “ตื่นทอง” ยุคโควิดกำลังปิดฉาก?

“ตื่นทอง” ยุคโควิดกำลังปิดฉาก?

25 ธันวาคม 2020


จิตติศักดิ์ นันทพานิช

ทองคำ อยู่ในสภาวะเดียวกันกับสินค้าเพื่อการลงทุนอื่นๆในโลกการเงิน การลงทุน ไม่ว่าหุ้นหรือหุ้นกู้ที่ราคาและมูลค่าสวิงไปตามความไม่แน่นอนของสถานการณ์การลงทุน จากวิกฤติโควิด-19 เพียงแต่ว่า ราคาทองคำเหวี่ยงไปในทิศทางที่สวนทางกับสินค้าลงทุนประเภทอื่นๆเท่านั้น

ช่วงปีที่ผ่านมา ราคาทองคำขยับขึ้นต่อเนื่องทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ตั้งแต่ต้นปี จากราคาทองคำแท่ง(ขายออก) จากบาทละ 21,450 บาท(ต่อน้ำหนักหนึ่งบาท) ก่อนขยับขึ้นต่อเนื่องไปหยุดที่ 26,300 บาท ในเดือนเมษายนและขยับแรงในเดือนกรกฎาคม ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 29,300 บาท (ทองคำแท่งขายออก) ทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ในรอบเกือบ 9 ปี แทนสถิติราคาสูงสุดใหม่เดิม 27,100 บาท ที่ยืนมาตั้งแต่ปี 2554

เพียงชั่วสัปดาห์เดียว สถิติราคาสูงสุดใหม่ในเดือนกรกฎาคมก็ถูกแทนที่ เมื่อราคาทองคำแท่งขายออกขยับขึ้นไปอยู่ 30,400 บาท ในวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งเป็นราคาสูงสุดใหม่ล่าสุด หากเปรียบเทียบกับราคาต้นปีแล้ว ราคาทองคำ ณ จุดสูงสุดของปี ปรับขึ้นไปมากกว่า 40 % เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่มีคนมีทองคนไหนเคยประสบมาก่อน

คนค้าทอง นักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ สื่อ ฯลฯ ให้เหตุผลที่ราคาทองคำช่วงปีที่ผ่านมาปรับขึ้นทำสถิติสร้างประวัติศาสตร์ สวนทางกับราคา สินค้าลงทุนประเภทอื่นๆ ไม่ว่าหุ้น หรือ หุ้นกู้ มาจากหลายปัจจัย

ในช่วงแรกที่ราคาทองคำเริ่มทะยานสื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่าราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นเพราะได้ประโยชน์จาก อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และการที่ธนาคารกลางทั้งหลายแสวงหาสินทรัพย์ปลอดเช่นทองคำเพื่อลดผลกระทบจากดอกเบี้ยที่ต่ำลง รอยเตอร์เคยรายงานเรื่องนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม ว่ากองทุนทองคำใหญ่สุดในโลก เอสพีดีอาร์ โกลด์ ทรัสต์ได้เพิ่มการถือครองทำคำสุทธิ 0.3 %เป็น 1,203,97 ตันและมีการซื้อสุทธิต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนหน้าเป็นปัจจัยที่ช่วยดันราคาทองคำ

จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทอง บอกว่า สาเหตุที่ราคาทองคำพุ่งขึ้น เพราะนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย หลังเศรษฐกิจโลกถูกคุกคามจาก สถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่จิตติยังให้น้ำหนักการไล่ซื้อทองคำในตลาดของกองทุนใหญ่อย่าง เอสพีดีอาร์ไล่ซื้อทองคำตั้งแต่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ไปจนถึง 1,900 ดอลลาร์ ร่วมด้วย

คุณลักษณะเด่นของ “ทองคำ” ที่มีมูลค่าในตัวเอง ไม่ได้เป็นมูลค่าที่ถูกกำหนดจากการตกลงร่วมกัน เช่น หุ้น หรือ ตราสารหนี้ ประเภทต่างๆ ที่มีโอกาสกลายเป็น “กระดาษแผ่นเดียว” หากกิจการที่ ออกหุ้น หรือ หุ้นกู้ เผชิญกับสถานการณ์พลิกผันซึ่งต่างจากทองคำ ที่ยังเป็นทองคำเสมอไม่ว่าในสถานการณ์ใด ด้วยเหตุนี้ทองคำจึงทำหน้าที่เสมือนสินทรัพย์ปลอดภัยให้กับนักลงทุน ในยามที่การลงทุนตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน ระหว่างไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก

แต่ในขณะที่กองทุนไล่ซื้อ (ทองคำ) แต่คนมีทองคำตั้งแต่เส้นเท่าหนวดกุ้ง กลับพากันนำทองคำออกมาเทขาย หลายๆคนๆเก็บทองคำไว้ตั้งแต่บาทละไม่ถึง 1,000 บาท การขายออกในช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด หากมองในแง่ของราคากับส่วนต่าง เพราะสถานการณ์ดีๆเช่นนี้ อาจจะไม่หวนกลับมาอีกแล้วก็เป็นได้

ในช่วงเดือนเมษายน กรกฎาคมและสิงหาคม ที่ราคาทองคำปรับขึ้น ชนิดโจนทะยาน มีคนแห่นำทองไปขายกับร้านค้าทองคำย่าน เยาวราช ศูนย์กลางค้าทองของประเทศไทย เข้าแถวต่อคิวยาวออกมานอกร้าน การแห่ขายทองคำทำช่วงแรก (เมษายน) ที่อยู่ในช่วง “ล็อกดาวน์” ปิดเมือง ทำให้ร้านค้าทองเล็กๆหลายแห่ง งดรับซื้อทองเป็นการชั่วคราว เนื่องจากขาดสภาพคล่องเพราะมีแต่คนนำทองมาขาย และร้านค้าทองคำรายใหญ่ หรือ ผู้ค้าส่ง งดรับซื้อทองคำจากร้านค้าทองคำเล็กๆเป็นการชั่วคราวเช่นเดียวกัน

บรรยากาศการค้าขายทองคำ ในช่วงที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นๆราวกลับไม่มีเพดาน นับจากต้นปี กองทุนยักษ์ใหญ่เข้ามาไล่ซื้อลงทุน นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อเป็นหลักประกันในผลตอบแทน และ คนแห่ขายทองคำไม่ต่างจากการตื่นทองในอีกสไตล์หนึ่ง

แต่ฤดูกาลขาขึ้นของ “ราคาทองคำ” ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนลมหนาวในกรุงเทพฯ หลังราคา ผ่านจุดสูงสุด ใน ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ราคาทองคำก็เริ่มชะลอตัวลง ก่อนไหลลงเร็วขึ้นเมื่อมีผู้ผลิตวัคซีนหลายค่าย ทยอยออกมาประกาศ ผลสำเร็จในการทดลองในช่วงปลายปี ประกอบกับลูกค้ารายใหญ่อย่างธนาคารกลางหลายประเทศ เริ่มขายมากกว่าซื้อ

ข้อมูลสภาทองคำโลก ระบุ ไตรมาสสามปีนี้ ความต้องการทองคำลดลง19 % ลงมาอยู่ที่ 892.9 ตัน และธนาคารกลางทั่วโลกมี ยอดขายสุทธิ 12 ตัน นับเป็น “ยอดขายสุทธิ” ครั้งแรกในรอบ 10 ปีของธนาคารกลาง ลูกค้ารายใหญ่ของตลาดทองคำ นับแต่ ไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับวงการค้าทองมาก แม้ดูตั้งแต่ต้นปีธนาคารกลางยังซื้อมากกว่าขาย โดยธนาคารที่ เทขายทองคำในช่วงไตรมาสสาม อาทิ อุซเบกิสถาน 35 ตัน ตุรกรี 22 ตัน ฯลฯ

ช่วงสัปดาห์ที่คนไทยกำลังช็อกจากเหตุโควิดระบาดที่ตลาดกลางกุ้ง สมุทรสาคร ที่ศบค.ให้เรียกว่า “ระบาดใหม่” ราคาทองคำแท่ง (ขายออก)ลงมาอยู่ที่ 26,750-26,100 บาทต่อน้ำหนักหนึ่งบาททองคำ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นระดับราคาใกล้เคียงกับช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา

การปรากฏตัวของวัคซีน ที่คาดกันว่าจะเริ่มฉีดให้กับพลเมืองประเทศร่ำรวย ประมาณกลางปีหน้า (2564) จะลดความเสี่ยงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ถูกยกเป็นเหตุผลหลัก ที่ทำให้ราคาทองคำ ย่อตัวลงต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนสิงหาคม หากแนวโน้มราคาทองคำปีหน้า คนในวงการค้าทอง มองออกเป็น 2 มุม

มุมหนึ่ง นักค้าทองบางกลุ่มมองว่า “ราคามีโอกาสกลับมาร้อนแรงเหมือนปีนี้อีก” โดยอ้างวิกฤติโควิดจะยังไม่จบแม้มีวัคซีน และ เฟด (ธนาคารกลางสหรัฐฯ)คงมีนโยบายยืนอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ และคงอัดฉีดคิวอี (มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ) ซึ่งเป็นผลบวกกับราคาทองคำ

แต่อีกด้านหนึ่ง จิตติ นายกฯค้าทองคำมองว่าเป็นไปได้ยากที่ราคาทองคำ ปีหน้าจะพุ่งกลับไปเหมือนปีนี้ เขาเชื่อว่า การทยอยขายทองคำออกกองกองทุนคือ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำลดลง การขายออกของกองทุน เอสพีดีอาร์ ที่ซื้อทองคำสะสมไปกว่า 300 ตัน เริ่มเทขายออกเพื่อทำกำไร จิตติประเมินว่า ต้นทุน “กองทุน” ในการลงทุนทองคำอยู่ประมาณ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ ส่วนต้นทุนเหมืองประมาณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ “หากกองทุนไม่ขายเหมืองก็ขาย” เขาฟันธง

ไม่ว่า ยุคตื่นทองจะหวนกลับมาให้คนมีทองมีความสุขกันอีกครั้ง หรือ หายไปพร้อมกับการมาของวัคซีน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ ทองคำ ยัง เป็น ทองคำ เสมอ