สิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในพื้นทะเล ในน่านน้ำที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษนอกชายฝั่งแปซิฟิกของรัสเซียในภูมิภาคคัมชัตกา ตายจำนวนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ
ภาพที่แสดงให้เห็นปลาหมึกยักษ์ที่ตายแล้วหลายร้อยตัว ปลาตัวใหญ่ เม่นทะเล และปู ที่ถูกพัดพามาที่ชายฝั่งหาด Khalaktyrsky ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม กลายเป็นไวรัล จากการส่งสัญญานเตือนถึงภัยพิบัติทางระบบนิเวศของนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะที่นายวลาดิเมียร์ โซโลคอฟ ผู้ว่าการเมืองคัมชัตกากล่าวว่า ทางการกำลังหาสาเหตุของการตายของสัตว์ทะเลจำนวนมากว่า เกิดจากมลพิษที่มนุษย์สร้างขึ้น หรือจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ หรือแผ่นดินไหวที่เกี่ยวข้องกับภูเขาไฟ
หลังจากเดินทางไปยังพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำ ค้นหาสัตว์ป่าที่ตายแล้วและดำน้ำสำรวจ นักวิทยาศาสตร์รายงานต่อนายโซโลคอฟว่า สิ่งมีชีวิตในทะเลที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นทะเลในอ่าวอวาชาตายไป 95%
อีแวน อุสตาคอฟ นักวิทยาศาสตร์กล่าวในที่ประชุมว่า “บนชายฝั่งเราไม่พบสัตว์ทะเล หรือ นก ตายจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อดำน้ำสำรวจ เราพบว่ามีสัตว์ที่ใช้ชีวิตที่ผิวดินบริเวณพื้นทะเลตายจำนวนมากมหาศาล ที่ระดับความลึก 10 ถึง 15 เมตร และตายไปแล้วถึง 95% แม้ปลาขนาดใหญ่ กุ้ง และปูบางชนิดรอดชีวิตมาได้ แต่มีจำนวนน้อยมาก”
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาติ Kronotsky Nature Reserve, สถาบันวิจัยมหาสมุทรและการประมง Kamchatka Research Institute of Fisheries and Oceanography (KamchatNIRO) รวมทั้งสำนักงานย่อยของสถาบันภูมิศาสตร์ Pacific Institute of Geography ในคัมชัตกา เตือนนายโซโลคอฟว่า การตายของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะมีผลให้สัตว์ที่อาศัยพวกมันเป็นอาหารตายลงด้วย
ด้านอเล็กซานเดอร์ โคโรบิท ช่างภาพใต้น้ำผู้มีส่วนร่วมในการสำรวจ ได้ให้ข้อมูลว่า “หลังจากการดำน้ำครั้งนี้ สามารถยืนยันได้ว่าสิ่งแวดล้อมประสบกับภัยพิบัติ ระบบนิเวศถูกทำลายลงอย่างมาก และสิ่งนี้จะส่งผลในระยะยาว เนื่องจากทุกสิ่งในธรรมชาติเชื่อมโยงถึงกัน” และเสริมอีกว่า เขามีอาการผิวหนังไหม้จากสารเคมีหลังการดำน้ำ
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า พื้นที่ปนเปื้อนมลพิษกว้างกว่าพื้นที่ที่พวกเขาตรวจสอบ
คัมชัตกามีชื่อเสียงในด้านทิวทัศน์ที่งดงาม มีภูเขาไฟที่ยังไม่ปะทุ เต็มไปด้วยสัตว์ป่า รวมทั้งหมีสีน้ำตาล แต่ประชากรไม่ได้ขยายมากขึ้น โดยมีเพียง 300,000 คนเท่านั้น
ทั้งนี้ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อตรวจสอบน่านน้ำใกล้สถานที่ทดลองอาวุธเคมีของทหาร Kozelsky และ Radyginsky ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ Petropavlovsk-Kamchatsky เพื่อตรวจสอบว่า การรั่วไหลของสารกำจัดศัตรูพืชทำให้สัตว์ทะเลเสียชีวิตจำนวนมากหรือไม่
นักโต้คลื่นและนักว่ายน้ำในพื้นที่เริ่มจับสัญญานอันตรายนี้ได้ในปลายเดือนกันยายน หลังจากมีอาการปวดตา เจ็บคอ อาเจียน และมีไข้ หลังจากลงไปในน้ำ
ด้านกลุ่มกรีนพีซกล่าวว่า
การทดสอบตัวอย่างน้ำจากบริเวณชายหาด Khalaktyrsky พบว่า ระดับปิโตรเลียมสูงกว่าปกติถึง 4 เท่า และระดับของสารประกอบอินทรีย์ที่เป็นพิษสูงกว่าปกติ 2.5 เท่า
หลังจากเหตุการณ์การรั่วไหลของน้ำมันครั้งใหญ่ในไซบีเรีย สถานการณ์ครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดการสอบสวนครั้งใหญ่ด้วยความวิตกว่า สารพิษที่เก็บไว้ใต้ดินตั้งแต่ยุคโซเวียตอาจรั่วไหลลงสู่น้ำ
องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wide Fund for Nature: WWF) รัสเซีย แถลงการณ์ว่า สารมลพิษดูเหมือนจะไม่ใช่น้ำมัน แต่เป็น “สารโปร่งใสที่เป็นพิษสูงและละลายได้ในน้ำ”
ในเดือนมิถุนายน ประธานาธิบดีปูตินได้ตำหนิโทษเจ้าหน้าที่ในที่สาธารณะว่า หลบเลี่ยงและมีความล่าช้าในการดำเนินการกับการรั่วไหลของน้ำมันดีเซลจำนวนหลายพันตันลงสู่ดินและทางน้ำในไซบีเรียที่ติดกับอาร์กติกหรือขั้วโลกเหนือ
นักวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการเพื่อตรวจหาแหล่งที่มาของมลพิษ รวมถึงผลกระทบตามธรรมชาติที่มาจากสาหร่ายทะเลขนาดเล็ก แต่มุ่งเน้นไปที่สาเหตุที่มนุษย์สร้างขึ้น
“คำตอบที่ชัดเจนที่สุดเรื่องที่มาของมลพิษ อาจจะมาจาก Kozelsky ซึ่งเป็นที่ตั้งของสารเคมีที่เป็นพิษก็ได้” นายโซโลคอฟกล่าวและเปิดให้อัยการ เจ้าหน้าที่ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน เข้าสำรวจสถานที่ รวมทั้งทดสอบดินและน้ำจากแม่น้ำใกล้เคียง
สถานที่ทดสอบ Kozelsky ได้ใช้เป็นสถานที่เก็บสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในปี 1979 ปัจจุบันไม่มีผู้ครอบครองตามกฎหมาย แต่นายโซโลคอฟกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตรวจพบส่วนของลวดหนามที่ถูกตัดออกไป และผ้าคลุมป้องกันเสียหาย
อีวาน โบลคอฟ ผู้อำนวยการกรีนพีซรัสเซีย กล่าวในแถลงการณ์ว่า สถานที่แห่งนี้ที่ไม่มีการเฝ้าระวังความปลอดภัย เก็บสารเคมีพิษ สารกำจัดศัตรูพืชในปริมาณสูงถึง 108 ตัน
เรียบเรียงจาก
95% of Marine Life on Sea Floor Killed in Kamchatka Eco-Disaster, Scientists Say
Scientists detect ‘mass death’ of sea life off Russia’s Kamchatka