ThaiPublica > เกาะกระแส > บอร์ดบีไอไอไฟเขียว 5 โครงการใหญ่ มูลค่าลงทุนกว่า 40,000 ล้านบาท

บอร์ดบีไอไอไฟเขียว 5 โครงการใหญ่ มูลค่าลงทุนกว่า 40,000 ล้านบาท

17 มิถุนายน 2020


นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บอร์ดบีโอไอ ครั้งที่ 3/2563 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบให้การส่งเสริมการลงทุน 5 โครงการขนาดใหญ่ อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า โรงไฟฟ้า เม็ดพลาสติกรีไซเคิล และหอประชุมขนาดใหญ่ รวมมูลค่าลงทุน 41,834 ล้านบาท ได้แก่

1.กลุ่มบริษัท สามมิตร เงินลงทุน 5,500 ล้านบาท ในกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicles-BEV) ปีละประมาณ 30,000 คัน ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นมูลค่าปีละประมาณ 8,500 ล้านบาท โดยจะจำหน่ายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ตั้งโครงการที่จังหวัดเพชรบุรี

2.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เงินลงทุนรวม 24,113 ล้านบาท ในกิจการผลิตไฟฟ้าจากกากน้ำมัน (PITCH) 250 เมกะวัตต์ และกรดกำมะถัน (Sulfuric Acid) ปีละประมาณ 80,300 ตัน ตั้งโครงการที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

3.บริษัท เอ็นวิคโค จำกัด กิจการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลชนิด PET (FOOD GRADE) สำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มและอาหาร และเม็ดพลาสติกรีไซเคิลชนิด HDPE สำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์สิ่งประทินร่างกายและสินค้าอุปโภคในครัวเรือน มูลค่าเงินลงทุน 2,476 ล้านบาท และตั้งโครงการที่นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย จังหวัดระยอง

4.บริษัท บี.กริม พาวเวอร์ (แหลมฉบัง) 1 จำกัด เงินลงทุน 6,000 ล้านบาท กิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติและไอน้ำ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ 157 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 75 ตัน/ชั่วโมง เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และโรงงานอุตสาหกรรม ตั้งโครงการที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี

5.บริษัท บางกอก อารีน่า จำกัด เงินลงทุน 3,745 ล้านบาท ในกิจการหอประชุมขนาดใหญ่ เพื่อช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยว และเป็นการส่งเสริมศักยภาพของอุตสาหกรรม MICE ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ตั้งโครงการที่อาคารบางกอก มอลล์ ถนนบางนา-ตราด กรุงเทพมหานคร

ดันส่งเสริมอุตสาหกรรม BCG

อนึ่ง ที่ประชุมยังอนุมัติให้ส่งเสริมการลงทุนตามแนวคิด BCG ประกอบด้วย เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เพื่อสร้างความเข้มแข็งภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยบีโอไอ ปรับปรุงประเภทกิจการอุตสาหกรรมเกษตร 2 ด้าน ดังนี้

1.เพิ่มประเภทกิจการโรงงานผลิตพืช (Plant Factory) ซึ่งเป็นกิจการด้านการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีระบบควบคุมสภาพแวดล้อมในการปลูกพืชทั้งกายภาพและชีวภาพ โดยจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี

2.ปรับปรุงขอบข่าย เงื่อนไข และสิทธิประโยชน์เพื่อกระตุ้นให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ และมีความยืดหยุ่นในการดำเนินการ รวมทั้งรักษาสิ่งแวดล้อม ได้แก่ กิจการคัดคุณภาพบรรจุ และเก็บรักษาพืช ผัก ผลไม้หรือดอกไม้, กิจการห้องเย็นหรือกิจการห้องเย็นและขนส่งห้องเย็น, กิจการผลิตผลิตภัณฑ์จากผลพลอยได้หรือเศษวัสดุทางการเกษตรหรือผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบที่มาจากผลพลอยได้หรือเศษวัสดุหรือของเสียจากการเกษตร, กิจการผลิตอาหารสัตว์หรือส่วนผสมอาหารสัตว์