สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบทที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร พระราชทานกำลังใจแก่ประชาชนชาวอังกฤษ ขณะที่ประเทศกำลังประสบกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ ผ่านสถานีโทรทัศน์ วิทยุและโซเชียลมีเดีย
สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีพระราชดำรัสที่ทรงเขียนขึ้นโดยพระองค์เองและ เซอร์เอ็ดเวิร์ด ยัง ราชเลขา ในการอัดเทปไว้ล่วงหน้าที่พระราชวังวินด์เซอร์ โดยใช้ช่างภาพเพียงคนเดียวที่สวมใส่ชุดป้องกัน ขณะที่ช่างเทคนิคคนอื่นแยกออกไปอยู่ในอีกห้องหนึ่ง
พระราชดำรัสมีใจความดังต่อไปนี้
ข้าพเจ้ามาพูดคุยกับทุกท่านในวันนี้ ในเรื่องที่ข้าพเจ้าทราบดีว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายที่มากขึ้น
ห้วงเวลาแห่งความชะงักงันของความมีชีวิตของประเทศของเรา ความชะงักงันที่นำความเศร้าโศกให้กับบางคน ความยากลำบากทางการเงินใหกับหลายคน และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการใช้ชีวิตประจำวันของเราทุกคน
ขาพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ปฏิบัติงานอยู่ในแนวหน้าด้านสาธารณสุข รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแล และท่านอื่นๆที่กำลังรับหน้าที่สำคัญ ผู้ซึ่งเสียสละออกนอกบ้านไปทำหน้าที่ประจำวันเพื่อช่วยเหลือพวกเราทุกคน
ข้าพเจ้ามั่นใจว่าประเทศชาติจะร่วมกับข้าพเจ้า ให้ความมั่นใจกับท่านว่า สิ่งที่ท่านได้ทำนั้น ได้รับการตระหนักรู้และชื่นชมและทุกชั่วโมงแห่งการทำงานหนักของท่านจะนำเรากลับคืนสู่ภาวะปกติ
ข้าพเจ้าขอขอบคุณสำหรับท่านที่ได้อยู่กับบ้าน ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันกลุ่มคนที่มีความเปราะบางและปลอบใจครอบครัวที่เศร้าโศกจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
“เราทุกคนร่วมกันจัดการกับโรคนี้ และข้าพเจ้าขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า หากเรารวมพลังอย่างแน่วแน่ เราก็จะชนะและผ่านพ้นไปได้”
ข้าพเจ้าหวังว่า ในหลายปีต่อๆไปทุกท่านจะมีความภาคภูมิใจว่าท่านได้มีส่วนในการต่อสู้กับความท้าทายนี้
สำหรับคนรุ่นหลังต่อจากรุ่นของเราจะพูดได้ว่า ชาวอังกฤษในรุ่นนี้เข้มแข็งทุกคน
ทั้งหมดนี้กิดจากความมีวินัยในตัวเอง การมีอารมณขัน และมีความเห็นใจต่อผู้อื่น ที่ยังคงเป็นลักษณะนิสัยของประเทศนี้
ความภาคภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของอดีตของเรา แต่เป็นตัวกำหนดปัจจุบันและอนาคต
ห้วงเวลาที่สหราชอาณาจักรรวมตัวกันเพื่อปรบมือให้กับบุคคลากรสำคัญที่ทำหน้าที่ดูแล จะถูกจดจำว่าเป็นการแสดงออกถึงจิตวิญญาณแห่งชาติของเรา และแสดงโดยสัญลักษณ์ด้วยรุ้งที่เด็กเด็กวาด
ทั่วทั้งเครือจักรภพและทั่วโลก เราได้เห็นเรื่องราวอันอบอุ่นของผู้คนที่มารวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบกล่องอาหารและยา ดูแลเพื่อนบ้าน หรือปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์
และแม้ว่าบางครั้งการกักกันตัวเองอาจจะยาก แต่คนจำนวนมากของทุกศาสนาหรือคนที่ไม่นับถืออะไรก็ตาม กำลังพบว่า นี่เป็นโอกาสที่ใช้ชีวิตช้าลง หยุดชั่วคราวและไตร่ตรอง ในการสวดมนต์หรือทำสมาธิ
สิ่งนี้ทำให้ข้าพเจ้านึกย้อนกลับไปถึงการพูดออกอากาศครั้งแรกของข้าพเจ้า ในปี 1940 โดยมีพระขนิษฐาของข้าพเจ้าช่วยจัดการ
เรา ในตอนนั้นยังเป็นเด็กอยู่ ได้พูดจากพระราชวังวินด์เซอร์ กับเด็กๆที่ถูกอพยพจากบ้านและถูกส่งออกตัวออกไปเพื่อความปลอดภัย
วันนี้ เป็นอีกครั้ง หลายท่านอาจจะรู้สึกเจ็บปวดจากการต้องอยกตัวออกจากผู้ซึ่งเป็นที่รัก แต่ทั้งช่วงนี้ ช่วงนั้น เรารู้ดีอยู่ลึกๆในใจ ว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ควรจะทำ
เราได้เผชิญสถานการณ์ความท้าทายในช่วงก่อนหน้ามาแล้ว แต่ครั้งนี้แตกต่างกันออกไป
ครั้งนี้เราร่วมกับทุกชาติทั่วโลก ที่พยายามร่วมกัน โดยใช้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และสัญชาตญาณของความเห็นอกเห็นใจของเราในการรักษา
“เราจะประสบความสำเร็จ และความสำเร็จนั้นเป็นของเราทุกคน”
“เราควรจะทำใจให้สบาย ในขณะที่เราจะต้องอดทนต่อไปอีก วันที่ดีกว่าจะกลับมา เราจะได้กลับมาอยู่กับเพื่อนอีก เราจะได้อยู่กับครอบครัวอีกครั้ง เราจะได้พบกันอีก”
ขอจบเพียงเท่านี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณและส่งความปรารถนาดีมายังทุกท่าน