ThaiPublica > เกาะกระแส > อู่ฮั่นเปิดเมืองใหม่ในวันที่ 8 เมษายน 4 หลักเกณฑ์ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่

อู่ฮั่นเปิดเมืองใหม่ในวันที่ 8 เมษายน 4 หลักเกณฑ์ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่

8 เมษายน 2020


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

อู่ฮั่นเปิดเมืองเมื่อ 8 เมษายน 2563 หลังจากปิดเมือง 10 สัปดาห์ ที่มาภาพ : nytimes.com

หลังจากปิดเมืองเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวันที่ 8 เมษายน เมืองอู่ฮั่นก็ได้ยกเลิกการล็อกดาวน์เมือง หลังจากที่เมืองนี้ถูกปิดมานาน 10 สัปดาห์ การเปิดเมืองครั้งใหม่ของอู่ฮั่นกำลังถูกจับตามองจากคนทั่วโลก ว่าประชากร 11 ล้านคนในเมืองผ่านความเจ็บปวดมาได้อย่างไร

เมื่อทางการจีนสั่งปิดเมืองอู่ฮั่นในช่วงปลายเดือนมกราคมนั้น หลายคนมองว่าเป็นมาตรการที่รุนแรง มาตรการแบบนี้จะทำได้ก็ในประเทศเผด็จการแบบจีนเท่านั้น แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 ไปทั่วโลก รัฐบาลในหลายประเทศต่างก็หันมาใช้มาตรการหลายรูปแบบ ในการจำกัดการเคลื่อนไหวของประชาชน

บทเรียนจากชีวิตที่หยุดชะงัก

บทความของ New York Times ชื่อ China Ends Wuhan Lockdown กล่าวว่า อู่ฮั่นให้บทเรียนแก่มาตรการปิดเมือง ที่ส่งผลทำให้การจ้างงานและรายได้ของผู้คนสูญหายไป และการดำเนินชีวิตเกิดการหยุดชะงัก การยกเลิกการปิดเมืองของอู่ฮั่น นับจากวันที่ 8 เมษายน เกิดขึ้นหลังจากที่มีรายงานว่า มีคนติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในอู่ฮั่นแค่ 3 รายเท่านั้น

ทางการอู่ฮั่นได้ยกเลิกการห้ามการเดินทางออกนอกเมือง คนที่จะเดินทางออกจากอู่ฮั่นต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจแอปในสมาร์ทโฟน ที่มีรายละเอียดที่พักอาศัย ประวัติการเดินทาง และประวัติการแพทย์ เพื่อดูว่ามีความเสี่ยงที่จะแพร่ระบาดหรือไม่ การรถไฟของจีนแถลงว่า ในวันที่ 8 เมษายน จะมีคนโดยสารรถไฟออกจากอู่ฮั่น 55,000 คน

ธุรกิจในอู่ฮั่นเกือบ 94% เริ่มกลับมาดำเนินงานใหม่ ส่วนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 97% และธุรกิจบริการ 93% โรงงานผลิตรถยนต์ของฮอนด้ากลับมาทำการผลิตเต็มที่ แต่โรงเรียนยังคงปิดอยู่ เจ้าหน้าที่จีนยังคงเรียกร้องให้คนอยู่กับบ้าน และโดดเดี่ยวตัวเอง ซึ่งเป็นมาตรการที่คนอู่ฮั่นตระหนักเป็นอย่างดี เพราะมีประสบการณ์กับตัวเอง ที่ได้เห็นญาติมิตรตัวเองป่วย และล้มตายลงไป

ยุโรปเตรียมสตาร์ทเครื่องยนต์เศรษฐกิจ

บทความชื่อHow do you reopen the economy after coronavirus?ใน cnn.com กล่าวว่า แม้ไวรัสโคโรนาจะยังแพร่ระบาดไปทั่วโลก รัฐบาลหลายประเทศในยุโรปเริ่มคิดแล้วว่า จะให้โรงงาน สำนักงาน และโรงเรียน หันมาเปิดดำเนินการใหม่ได้อย่างไร เวลาเดียวกันก็หาทางลดโอกาสที่จะเกิดการแพร่ระบาดให้น้อยที่สุด

ออสเตรียเป็นประเทศในยุโรปประเทศแรกที่ประกาศว่า จะค่อยๆ ให้ร้านค้าต่างๆ เปิดดำเนินงานหลังจากเทศกาลอีสเตอร์ คือวันที่ 14 เมษายนนี้ มาตรการเริ่มจากร้านค้าที่มีขนาด 400 ตรม. ร้านแบบ DIY ที่คนซื้อจัดการเอง มีการจำกัดจำนวนคนที่จะเข้าร้าน ทุกคนต้องสวมหน้ากาก เหมือนกับเข้าไปร้านซูเปอร์มาร์เกต วันที่ 1 พฤษภาคม จะอนุญาตให้ร้านที่เหลือเปิดได้ เช่น ร้านตัดผม หรือศูนย์การค้า แต่รัฐบาลกล่าวว่า จะใช้ “เบรกฉุกเฉิน” หากจำนวนคนติดเชื้อเกิดเพิ่มเริ่มขึ้นเร็วอีก

ส่วนในเยอรมนี รายงานของสถาบันวิจัยชื่อ Institute for Economic Research กล่าวว่า เนื่องจากวัคซีนและการรักษาโควิด-19 ที่ได้ผล จะยังไม่มีขึ้นก่อนปี 2021 เยอรมันจะต้องมีแนวทางต่อสู้กับโรคระบาดแบบการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งเร็วระยะสั้น หาทางอนุญาตให้อุตสาหกรรมบางประเภทและคนงาน เริ่มดำเนินการใหม่ ขณะเดียวกันก็มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดขึ้นมาใหม่ของโควิด-19

รายงานของสถาบันฯ กล่าวว่า ควรให้ความสำคัญแก่การเริ่มดำเนินงานของอุตสาหกรรม ที่มีมูลค่ามากสุดในเศรษฐกิจ เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์และโทรคมนาคม สถานเลี้ยงเด็กและโรงเรียนควรจะเปิดให้เร็วขึ้น เพราะเด็กและเยาชนที่อายุน้อยแทบไม่มีอาการรุนแรง และผู้ปกครองไม่สามารถออกไปทำงานได้ หากว่าสถานเลี้ยงเด็กและโรงเรียนยังคงปิดอยู่

บริษัทผู้ผลิตด้านผลิตภัณฑ์สาธารณสุขจะต้องเปิดดำเนินงานอย่างรวดเร็ว ส่วนโรงแรมและร้านอาหารกับภัตตาคาร จะเปิดได้ต้องมีการกำกับควบคุม เพราะเป็นเรื่องยากที่คนจะรักษาระยะห่างในสถานที่ดังกล่าว สถานบันเทิงจะยังคงต้องปิดต่อไป และไม่อนุญาตให้มีการจัดงานที่มีคนจำนวนมาก

Time Square ที่มาภาพ : nytimes.com

สถานการณ์ก่อนเปิดประเทศใหม่

ส่วนบทความของ New York Times ชื่อ How will we know when it’d time to reopen the nation? กล่าวว่า ทุกคนล้วนต้องการจะรู้ว่า เมื่อไหร่เราจะสามารถออกจากบ้านและเปิดประเทศใหม่ คำถามนี้อาจเป็นวิธีการคิดที่ผิด คำถามที่ดีกว่าคือคำถามที่ว่า “เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อไหร่จะเปิดประเทศได้ใหม่?”

บทความของ New York Times อ้างถึงรายงานชื่อ National Coronavirus Response: A Road Map to Reopening ของสถาบัน American Enterprise Institute (March 28,2020) ที่ให้หลักเกณฑ์ไว้ 4 อย่าง ก่อนที่ประเทศ มลรัฐ หรือเมือง จะก้าวจากสถานการณ์ในเฟสที่ 1 คือการชะลอการแพร่ระบาด (slow the spread) ไปสู่สถานการณ์ในเฟสที่ 2 คือ การเปิดเมือง (reopening)

รายงาน National Coronavirus Response กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ในเฟสที่ 1 เป้าหมายคือ (1) ชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19 (2) เพิ่มความสามารถในการตรวจเชื้อไวรัสของคนที่มีความเสี่ยง และคนที่มีการสัมผัสใกล้ชิด และ (3) สร้างหลักประกันว่า ระบบสาธารณสุขสามารถดูแลคนป่วยจากโควิด-19

มาตรการที่จำเป็นในเฟสที่ 1 คือการรักษาระยะห่างทางกายภาพ (physical distancing) ชุมชนต่างๆ จะต้องรักษามาตรการนี้ จนกว่าชุมชนจะสามารถบรรลุถึงหลักเกณฑ์การจะก้าวไปสู่เฟสที่ 2 คือ การเปิดประเทศ เมือง หรือท้องถิ่น

มาตรการอื่นๆ ในเฟสที่ 1 ยังประกอบด้วยการปิดสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มของคน เช่น โรงเรียน ศูนย์การค้า ร้านอาหาร หรือพิพิธภัณฑ์ ฯลฯ ส่งเสริมพนักงานทำงานผ่านระบบสื่อสาร ให้คนจำกัดการเดินทางในประเทศและต่างประเทศ ให้ปิดพื้นที่รับประทานอาหารของร้าน แต่สามารถซื้อกลับบ้านได้ และออกประกาศเตือนพื้นที่มีการระบาดรุนแรง เช่น มีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บรรลุ 4 หลักเกณฑ์ก่อนเปิดประเทศ

รายงาน National Coronavirus Response กล่าวว่า สถานการณ์ในเฟสที่ 2 คือการเปิดประเทศ และสตาร์ทเครื่องจักรเศรษฐกิจใหม่ จะมีเป้าหมายคือ การยกเลิกมาตรการระยะห่างทางกายภาพ อย่างระมัดระวัง และทำพร้อมๆ กันของหลายท้องถิ่น อนุญาตให้ธุรกิจและโรงเรียนส่วนใหญ่ สามารถเปิดดำเนินการได้ และมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องที่จะควบคุมโควิด-19 เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดกลับมาแบบสถานการณ์ในเฟสที่ 1

ท้องถิ่น เมือง หรือมลรัฐ จะก้าวไปสู่เฟสที่ 2 ได้ จะต้องสามารถบรรลุหลักเกณฑ์ 4 ประการ ดังนี้

(1) จำนวนการติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยเป็นเวลา 14 วัน เนื่องจากอาการการติดเชื้อจะปรากฏขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ดังนั้น หากจำนวนการติดเชื้อในพื้นที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขพอจะมั่นใจได้ว่า สามารถควบคุมการแพร่ระบาด

(2) โรงพยาบาลในพื้นที่สามารถดูแลรักษาคนป่วยทั้งหมดที่ต้องการเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาล ปัจจุบัน มลรัฐ เมือง หรือท้องถิ่นต่างๆ กลัวว่าระบบสาธารณสุขของตัวเองจะเผชิญวิกฤติแบบเดียวกับนิวยอร์ก จึงพยายามหาทางเพิ่มจำนวนเตียง เครื่องช่วยหายใจ แพทย์ และพยาบาล

(3)ท้องถิ่น เมืองหรือมลรัฐสามารถตรวจเชื้อประชาชนทุกคนที่มีอาการโควิด-19 รายงานนี้ระบุว่า สหรัฐอเมริกาจะต้องทดสอบการติดเชื้อสัปดาห์ละ 750,000 ราย โดยเฉพาะในระยะแรกของการแพร่ระบาด หลักเกณฑ์ที่ 3 จะนำไปสู่หลักเกณฑ์ที่ 4

(4) ท้องถิ่นหรือมลรัฐสามารถติดตามกรณีการติดเชื้อ และการสัมผัสคนใกล้ชิด ระบบการติดตามการติดเชื้อและการแยกตัวเอง เป็นวิธีการเดียวที่ป้องกันการแพร่ระบาด และรักษาผลดีที่ได้จากมาตรการล็อกดาวน์ ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดขึ้นมาใหม่

ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนและยารักษาไวรัสโควิด-19 ที่ได้ผล การเน้นหนักการบรรลุหลักเกณฑ์ 4 ประการดังกล่าว จะทำให้ท้องถิ่นต่างๆ มองเห็นความก้าวหน้าในการควบคุมการแพร่ระบาด ส่วนประชาชนทั่วไป จะค่อยๆ มีคำตอบชัดเจนมากขึ้นว่า ชีวิตจะกลับสู่ภาวะปกติเมื่อใด

เอกสารประกอบ
China ends Wuhan lockdown, but normal life is a distant dream, April 8, 2020, nytimes.com
How will we know when it’s time to reopen the nation? April 6, 2020, nytimes.com
How do you reopen the economy after coronavirus? April 6, 2020 cnn.com
National Coronavirus Response: A Road Map to Reopening, American Enterprise Institute, March 28, 2020