มณฑลหูเป่ยประกาศในวันที่ 24 มีนาคม 2563 ว่าจะ ยกเลิกข้อห้ามจำกัดการเดินทางซึ่งเป็นการยกเลิกการปิดเมืองอู่ฮั่น แหล่งที่มาของการอุบัติของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ในวันที่ 8 เมษายนนี้ ซึ่งถือเป็นหลักชัยสำคัญในการต่อสู้กับการระบาดอย่างหนักของไวรัส
มณฑลหูเป่ยได้ยกเลิกการเดินทางออกนอกเมืองในเมืองอื่นๆ ของมณฑลแล้วในวันที่ 25 มีนาคม 2563
การยกเลิกข้อห้ามการเดินทาง เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างมาก และเป็นศูนย์ติดต่อกันเป็นวันที่ 5 นับตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นศูนย์ จากที่เคยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในระดับพันรายในแต่ละวันในช่วงพีกของการระบาดเดือนกุมภาพันธ์ แต่เมื่อวันที่ 24 มีนาคม เมืองอู่ฮั่นมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ซึ่งเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลหูเป่ย
อูฮั่นมีผู้ติดเชื้อไวรัสและผู้เสียชีวิตสูงสุดในจีน จากข้อมูลที่รายงาน วันที่ 23 มีนาคม จีนมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 67,801 รายและเสียชีวิต 3,160 ราย
ในวันที่ 23 มกราคม 2563 อู่ฮั่นซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลหูเป่ยและมีประชากร 11 ล้านคนได้ปิดเมืองเป็นเวลาร่วม 2 เดือนจากคำสั่งของรัฐ ด้วยการใช้มาตรการระงับการเดินทางทั้งเครื่องบิน รถยนต์ รถไฟ และทางด่วน เข้าออกเมือง หลังจากที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัส หลังจากอีกหลายเมืองในมณฑลหูเป่ยได้ใช้มาตรการนี้ตาม
ต่อมาเมื่อมีการระบาดไปทั่วโลก ได้มีการนำมาตรการการปิดเมืองไปใช้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดเช่นกัน
มาตรการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดนี้ มีผลกระทบต่อประชากรจำนวน 60 ล้านคนในมณฑลหูเป่ย แต่ได้รับการยอมรับในจีนเพราะเป็นมาตรการที่ทำให้ประเทศสามารถต่อสู้กับการระบาดของไวรัสได้เต็มที่ และเพื่อแสดงออกถึงความเชื่อมั่น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทาวมาเยือนอู่ฮั่นในวันที่ 10 มีนาคม สามเดือนหลังจากที่พบการติดเชื้อครั้งแรกในเมืองนี้
แม้มาตรการที่เข้มงวดนี้มีผลให้การระบาดของไวรัสชะลอตัวออกไป แต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจนไม่มีรายใหม่เพิ่มขึ้นเลยในจีน และเปลี่ยนเป้าหมายไปมุ่งเน้นการป้องกันการเพิ่มของผู้ติดเชื้อรายใหม่จากเชื้อที่มาจากต่างประเทศ
ผ่อนคลายข้อห้าม
รัฐบาลท้องถิ่นของมณฑลหูเป่ยประกาศใน เว่ยป๋อ เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในจีนคล้ายกับทวิตเตอร์ว่า ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 ประชาชนในหูเป่ย ยกเว้นอู่ฮั่นจะได้รับอนุญาตให้ออกนอกเมืองได้ หากระบบคิวอาร์โค้ดการติดตามตัวในมือถือเป็นสีเขียว
มณฑลหูเป่ยประกาศก่อนหน้านี้ให้ประชาชนทุกคนติดตั้งระบบคิวอาร์ตรวจสอบสุขภาพในมือถือ ที่พัฒนาจากฐานข้อมูลของเมือง ซึ่งมีด้วยกัน 3 สี สีเขียวหมายถึงคนที่ไม่มีอาการ สุขภาพสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างเสรี สีเหลืองหมายถึงคนที่ใกล้ชิดกับคนติดเชื้อหรือคนที่เข้าข่ายต้องกักตัวอยู่บ้าน 7 วัน ส่วนสีแดงหมายถึงคนที่ได้รับการวินิจฉัยและยืนยันแล้วว่าติดเชื้อ หรืออยู่ในข่ายสงสัยหรือไม่แสดงอาการ หรือมีไข้ ต้องกักตัวอยู่บ้าน 14 วัน
ในวันที่ 8 เมษายน การยกเลิกมาตรการนี้จะขยายไปสู่อู่ฮั่น ต้นตอของการระบาดในเดือนธันวาคมปีก่อน และคนที่มีคิวอาร์โค้ขึ้นสีเขียวก็สามารถออกจากเมืองและมณฑลได้
ในวันที่ 25 มีนาคม รถโดยสารประจำทางในเมืองอู่ฮั่นได้ออกมาให้บริการบางส่วน117 เส้นทางหรือ 30% ของเส้นทางเดินรถทั้งหมด แต่ผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากอนามัย รวมต้องทะเบียนและสแกนคิวอาร์โค้ด ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนขึ้นรถเมล์ หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน
วันนี้ที่รอคอย
ป๋อ หานหลิน ชาวอู่ฮั่นที่ต้องกักตัวอยู่กับบ้านนานถึง 2 เดือน เปิดเผยว่า เป็นข่าวดีมากที่รัฐบาลยกเลิกมาตรการข้อห้าม
“นี่เป็นวันที่ผมรอคอย” หานหลินกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น
ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีสัญญานว่า ทางการท้องถิ่นต้องการที่จะค่อยดำเนินการในทำให้การใช้ชีวิตกลับไปสู่ตามปกติ มีชาวเมืองส่วนหนึ่งได้รับอนุญาตให้กลับไปทำงานได้ หากมีจดหมายยืนยันจากนายจ้าง ป๋อ หานหลิน เปิดเผย
รัฐบาลอู่ฮั่นประกาศวันที่ 22 มีนาคม 2563 ว่า ชาวเมืองที่คิวอาร์โค้ดขึ้นสีเขียวและมีจดหมายจากนายจ้างจะได้รับอนุญาตให้กลับไปทำงาน แต่ต้องมีการวัดอุณหภูมิเมื่อกลับถึงบ้าน นอกจากนี้จุดตรวจทุกแห่งในเมืองจะถูกยกเลิก และบริการจนส่งสาธารณะจะทะยอยกลับมาให้บริการ
ป๋อ หานหลิง มีอาชีพเป็นช่างภาพและมีสตูดิโอเป็นของตนเอง กล่าวว่า เขาไม่สามารถกลับไปทำงานได้ เพราะเขาไม่มีนายจ้างที่จะออกจดหมายให้
บริการส่งอาหารเริ่มทยอยกลับมาให้บริการในสัปดาห์ที่แล้ว และร้านอาหารในชุมชนที่เปิดให้คนเข้าไปนั่งรับประทานก็เริ่มเปิดอีกครั้ง แต่สำหรับคนที่ยังไม่ได้กลับไปทำงานก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบริเวณบ้าน ขณะที่ซูเปอร์มาร์เกตยังปิดอยู่
ชาวเมืองอู่ฮั่นได้รับคำสั่งให้อยู่กับบ้านนานเกินกว่าเดือน หลังจากที่รัฐบาลเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งไม่อนุญาตให้ออกไปแม้แต่จะไปซื้อของใช้ และให้ตั้งคณะกรรมการหมู่บ้านขึ้นเพื่อทำหน้าที่รับคำสั่งซื้อของใช้ประจำวัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีราคาสูง
ขณะนี้ชาวเมืองยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปหาซื้อของใช้ด้วยตัวเอง แต่ราคาสินค้าเริ่มลดลงแล้ว และมีผักให้เลือกมากขึ้น
รัฐบาลท้องถิ่นของหูเป่ยประกาศยกเลิกข้อห้ามเมื่อวันที่ 24 มีนาคม แต่ไม่ได้ระบุว่ามาตรการล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่นจะยกเลิกเมื่อไร
ป๋อ หานหลิน ตั้งคำถามว่า ทำไมคนนอกสามารถเดินทางเข้าอู่ฮั่นได้ ขณะที่ชาวเมืองอู่ฮั่นเองยังต้องอยู่ในบ้าน และในบริเวณที่พักอาศัย
“ในฐานะที่เป็นคนอู่ฮั่น ผมคิดว่ามีความเสี่ยง เพราะอาจจะมีคนภายนอกนำเชื้อเข้ามา เราก็ติดอยู่กับบ้านอีก” ป๋อ หานหลิน กล่าว
อู่ฮั่น ต้นตอของการระบาดของไวรัส มีผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตจากไวรัสถึง 2,500 คน คิดเป็น 80%ของผู้เสียชีวิตในจีนทั้งหมดที่มีจำนวน 3,200 คน
การประกาศยกเลิกข้อห้ามการเดินทางของรัฐบาลท้องถิ่นหูเป่ยซึ่งมีผลในวันที่ 25 มีนาคมนั้น ไม่ครอบคลุมโรงเรียน ดังนั้นโรงเรียนจึงยังปิดเรียนต่อไปจนกว่ารัฐบาลจะแจ้งอีกครั้ง จากการประกาศของทางการผ่านระบบออนไลน์
อีกสัญญานหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้แล้ว คือ การประกาศของเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 23 มีนาคม และมีผลในวันที่ 24 มีนาคม ได้แก่ การลดระดับคำเตือนภาวะฉุกเฉินของการระบาดของไวรัสจากระดับรุนแรงที่สุดลงมาหนึ่งระดับ เช่นเดียวกับที่มณฑลเจ้อเจียง เมืองส่งออกใหญ่อันดับสามของประเทศ ที่ได้ลดระดับคำเตือนภาวะฉุกเฉินของการระบาดของไวรัสลงมาหนึ่งระดับ
ในจีนระดับคำเตือนภาวะฉุกเฉินของการระบาดของไวรัสมีด้วยกัน 3 ระดับ อย่างน้อย 24 มณฑลหรือภูมิภาคในจีนมีระดับคำเตือนภาวะฉุกเฉินของการระบาดของไวรัสอยู่ที่ระดับ 2 หรือไม่รุนแรง มอร์แกนสแตนเลย์วิเคราะห์ว่าความเสี่ยงของจีนเริ่มลดลง และระบุว่าภูมิภาคของจีนที่ระดับคำเตือนภาวะฉุกเฉินของการระบาดของไวรัสอยู่ในระดับ 3 หรือไม่รุนแรงมีสัดส่วนราว 32% ของจีดีพี
อย่างไรก็ตาม ทั้งอู่ฮั่นและปักกิ่งเมืองหลวงของประเทศ ระดับคำเตือนภาวะฉุกเฉินของการระบาดของไวรัสยังคงอยู่ที่ระดับ 1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด รัฐบาลจีนกังวลเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ และเกรงว่าการระบาดจะกลับมาอีก
“ความเสี่ยงของการติดเชื้อและการระบาดในพื้นที่ยังไม่หมดไป” เอกสารข่าวภาคภาษาอังกฤษของคณะทำงานด้านการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่เผยแพร่ “จากการระบาดใหญ่ทั่วโลก สถานการณ์ยังซับซ้อนและท้าทาย จึงจำเป็นที่การป้องกันต้องไม่หย่อนยาน”
ในเอกสารข่าวยังอ้างนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ได้ย้ำว่า แต่ละมณฑลต้องทยอยดึงเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่ภาวะปกติ หากการระบาดของไวรัสอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง
จีนห้ามต่างชาติเข้าประเทศชั่วคราวกันระบาดรอบสอง
แม้ไม่มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่จากการติดต่อในประเทศแล้ว แต่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่มาจากการติดต่อในต่างประเทศ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม กระทรวงต่างประเทศและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของจีนจึงออกประกาศห้ามชาวต่างชาติที่แม้จะมีวีซ่าหรือผู้ที่ได้รับอนุญาตให้พำนักในจีน เดินทางเข้าจีนชั่วคราว เนื่องจากยังมีการแพร่ระบาดของไวรัสไปทั่วโลก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2563
ประกาศระบุว่า การห้ามต่างชาติเข้าประเทศเป็นมาตรการชั่วคราวที่จีนนำมาใช้เพราะยังมีการระบาดของไวรัสและเป็นแนวทางปฏิบัติเดียวกับประเทศอื่นๆ และมาตรการนี้มีผลบังคับใช้กับชาวต่างชาติที่บัตรเดินทางสำหรับนักธุรกิจเอเปค ก็จะถูกห้ามเข้าจีนชั่วคราวเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีผลครอบคลุมถึงผู้ที่ถือวีซ่าเดินทางเข้าทางเรือ ได้แก่ วีซ่าเดินทางผ่าน(visa-free transit) ซึ่งจีนให้เวลาตั้งแต่
24 ชั่วโมง 72 ชั่วโมงและ 144 ชั่วโมง, วีซ่าฟรี 30 วันในไห่หนาน, วีซ่าฟรี 15 วันที่ออกให้เฉพาะสำหรับกรุ๊ปทัวร์เรือสำราญต่างชาติที่ผ่านท่าเรือเซี่ยงไฮ้, วีซ่าเดินทางผ่าน 144 ชั่วโมงที่กว่างตงที่ออกให้เฉพาะกับกรุ๊ปทัวร์ต่างชาติที่มาจากเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและมาเก๊า, และวีซ่าฟรี 15 วันในกวางซีที่ออกให้เฉพาะกับกรุ๊ปทัวร์ต่างชาติจากกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ไม่ห้ามการเดินทางเข้าของนักการทูต การให้บริการ หรือการเยือนอย่างเป็นทางการ หรือผู้ที่มี วีซ่าประเภท C และต่างชาติที่เดินทางเข้าด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ การค้า วิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยี หรือภาวะฉุกเฉินด้านมนุษยธรรม สามารถขอวีซ่าได้ที่สถานกงสุลจีนหรือสถานทูตจีน