ThaiPublica > คอลัมน์ > ความสัมพันธ์และการให้

ความสัมพันธ์และการให้

9 มีนาคม 2020


วรากรณ์ สามโกเศศ

เมื่อมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ลักษณะของความสัมพันธ์ที่แต่ละคนมีต่อผู้อื่นเป็นตัวกำหนดบุคลิกลักษณะและคุณค่าของตัวเขา ข้อสังเกตในเรื่องนี้เป็นสิ่งน่าใคร่ครวญโดยเฉพาะจากผู้มีประสบการณ์ชีวิต

รองศาสตราจารย์นภาลัย สุวรรณธาดา นักกลอนและนักประพันธ์ชื่อดัง สอนหนังสือที่สาขาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้เขียนกลอนชื่อ “ความสัมพันธ์ 4 ระดับ” ไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง ผมขออนุญาตนำมาสื่อสารต่อดังนี้

ความสัมพันธ์นั้นมีสี่ระดับ / หนึ่งคอยรับ “ได้กับได้” ต้องให้ฉัน / ตราบที่ได้ผลประโยชน์ไม่โกรธกัน /คบแบบนั้นคบได้ก็ไม่นาน

สอง ระดับ “รับและให้” ไม่เสียเปรียบ / ต้องคิดเทียบไม่ขาดทุนคอยคูณหาร / ยิ่งถ้าได้กำไรใจชื่นบาน / คบแบบงานธุรกิจใช่มิตรแท้

สาม ระดับ “ให้กับให้” ใจสุขสันต์ / เธอให้ฉัน ฉันก็ให้ใจเผื่อแผ่ / อาจเป็นมิตรสนิทมั่น มิผันแปร / มิมุ่งแต่ตนได้อยู่ฝ่ายเดียว

สี่ ระดับ “ให้แล้วลืม” ลืมว่าให้ / จะขาดทุนได้กำไรนั้นไม่เกี่ยว / ให้อภัยให้ทุกสิ่งใจจริงเจียว / รักแน่นเหนียวดุจแม่ลูกผูกพันมา

ความสัมพันธ์ชั้นที่สี่นั้นดียิ่ง / แต่ความจริงยากนักที่จักหา / ฝึกตนเป็น “ผู้ให้” ไร้อัตตา / คือคุณค่าของมนุษย์ที่สุดงาม


เมื่อพูดถึงการให้และการรับก็ทำให้นึกถึงท่านอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ปูชนียบุคคลหนึ่งของสังคมไทย ท่านได้เคยเขียนไว้ว่ามนุษย์เรานั้นแตกต่างกันไป บางคนเกิดมา “ให้มาก” และก็ “เอาไปมาก” บางคนก็ “ให้น้อย” และ “เอาไปน้อย” ด้วย

บางคนหนักหน่อยคือ “ให้น้อย” แต่ “เอาไปมาก” บุคคลเยี่ยงนี้เป็นที่น่ารังเกียจเพราะจัดอยู่ในประเภทเอาเปรียบสังคม บุคคลที่น่าชื่นชมก็คือ “ให้มาก“ แต่ “เอาไปน้อย”

มหาบุรุษของโลกมักอยู่ในข่ายนี้เกือบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นมหาตมะ คานธี / Albert Einstein / Jesus Christ / Muhammad / พระพุทธเจ้า / Martin Luther King Junior / Abraham Lincoln / Nelson Mandela ฯลฯ

ในเรื่องการให้นี้ พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า “…บุคคลแม้ไม่มีทรัพย์สินแต่ก็สามารถให้ทานแก่ผู้อื่นได้ด้วยสิ่งของ 5 ประการ ดังนี้

    1) ใบหน้าเป็นทาน: สามารถให้รอยยิ้มที่สดใส

    2) วาจาเป็นทาน: พูดให้กำลังใจ ชื่นชม และปลอบประโลมผู้อื่นให้มาก

    3) จิตใจเป็นทาน: สามารถเปิดอกเปิดใจกับผู้อื่นด้วยความนอบน้อมและจริงใจ

    4) ดวงตาเป็นทาน: ให้แววตาแห่งความหวังดีและความโอบอ้อมอารีแก่ผู้อื่น

    5) กายป็นทาน: สามารถให้ความช่วยเหลือผู้อื่น

สำหรับบุคคลจำนวนมาก “การให้” สร้างความสุขได้คงทนกว่า “การรับ” เพราะ “การรับ” ทำให้เกิดความสุขชั่วแล่นแล้วก็จะตกลงมาอยู่ในระดับปกติ ส่วนความสุขจาก “การให้” นั้นให้ความทรงจำที่ดีได้นานเท่านานจากการทำให้ผู้อื่นมีความสุข มันเป็นความปีติที่ยากแก่การบรรยาย

การให้ไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับความร่ำรวย ถึงมีไม่มากก็ให้ได้ในหลายลักษณะด้วยหัวใจแห่งความจริงใจ

หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรก คอลัมน์ “อาหารสมอง” กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอังคารที่ 25 ก.พ. 2563