ThaiPublica > เกาะกระแส > “CRC” ได้ฤกษ์เข้าเทรดวันแรก กระตุ้นตลาดหุ้นไทย

“CRC” ได้ฤกษ์เข้าเทรดวันแรก กระตุ้นตลาดหุ้นไทย

24 กุมภาพันธ์ 2020


“CRC” ได้ฤกษ์เข้าเทรดวันแรก กระตุ้นตลาดหุ้นไทย สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนไทยและต่างประเทศ ด้วยหุ้นค้าปลีกพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคง

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยในงานเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เป็นวันแรกว่า บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีกมากกว่า 72 ปี พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในอนาคตภายใต้แนวคิด New Central New Retail ตอบสนองความต้องการลูกค้าทั่วโลก การที่ CRC เข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และถือเป็นหุ้นไอพีโอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นหุ้นไอพีโอของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่มี Cornerstone Investors ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ จองซื้อก่อนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ที่เคยมีมา

“บริษัทมีความตั้งใจที่จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณค่า ผมขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำงานหนักเพื่อวันนี้ และที่สำคัญที่สุดคือลูกค้าของเรา เราตั้งใจและเชื่อมั่นในหลักการการพัฒนาเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ใส่ใจปัญหา สังคม ระบบสิ่งแวดล้อม เราเชื่อในหลักธรรมาภิบาล การทำงานที่โปร่งใส ถูกกฎหมาย เราจะทำให้ดีที่สุด และจะพยายามพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคน”

ณ ราคาไอพีโอ CRC จะเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 15 ลำดับแรกของตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้ง CRC จะได้รับการจัดให้เข้าไปรวมอยู่ในดัชนี SET50 และ MSCI Global Standard Indexes ด้วยเกณฑ์ Fast-track พร้อมต่อยอดความสำเร็จหลังการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยการเสริมศักยภาพ Customer-Centric Omni-Channel ที่สามารถสร้างรายได้จากทุกที่ทุกเวลาทั่วทุกมุมโลก พร้อมโอกาสการเติบโตจากแผนการขยายและปรับปรุงสาขาของธุรกิจในกลุ่ม CRC อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

นอกจากนี้ CRC ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 CRC ได้ต้อนรับนักลงทุนและประชาชนกว่า 1,400 คน ที่มาร่วมรับฟังการบรรยายสรุปการเสนอขายหุ้น CRC ซึ่งถือเป็นการทุบสถิติจำนวนคนที่เข้าร่วมฟังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดทุนไทย

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น(ซ้าย)นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น(ขวา)

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ก่อนจะถึงวันนี้ เราได้มีการเตรียมพร้อมและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราทุกคนที่ได้เสนอขายหุ้นไอพีโอที่มูลค่าสูงสุดของตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกทั้งยังเป็นหุ้นไอพีโอในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีมูลค่าเสนอขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกได้เป็นผลสำเร็จ

จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มองข้ามผลกระทบต่อสภาวะของตลาดหุ้นในระยะสั้น เพราะเชื่อมั่นในโอกาสเติบโตในระยะยาวจากปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคงและแข็งแกร่งของ CRC ที่พร้อมจะผลักดันการเติบโตทั้งแบบ Organic ผ่านการขยายและปรับปรุงสาขาของแบรนด์ค้าปลีกชั้นนำในเครือทั้งในประเทศไทย รวมทั้งในประเทศเวียดนามและอิตาลี ซึ่งมีแผนการและเป้าหมายการเพิ่มจำนวนร้านค้าที่ชัดเจน

นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้นไอพีโอของ CRC ที่ผ่านมาทำให้ CRC มีความพร้อมทุกเมื่อสำหรับการแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบ Inorganic หากมีโอกาสควบรวมกิจการหรือเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การลงทุนอย่างรอบคอบและมีวินัย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจค้าปลีกไทย ส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม รวมทั้งคาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้กับนักลงทุน

“เรามั่นใจว่านักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพและร่วมเป็นเจ้าของ CRC จะได้เติบโตไปกับแพลตฟอร์มค้าปลีกแห่งอนาคตของเรา ที่ไม่ใช่มีเฉพาะแค่หน้าร้าน ไม่ได้มีเฉพาะ E-Commerce แต่เป็นการผนวกจุดเด่นจากทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการทำธุรกิจค้าปลีกในยุคปัจจุบันผ่าน Customer-Centric Omni-Channel ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มค้าปลีกที่สามารถสร้างรายได้จากทุกที่ ทุกเวลา พร้อมกับมอบประสบการณ์ที่ดีกว่า สะดวกกว่า เข้าถึงตัวเลือกสินค้าที่น่าเชื่อถือได้หลากหลายกว่า พร้อมจับต้องสินค้าได้จริง จนได้รับความนิยมจากลูกค้าดั้งเดิมของเซ็นทรัล รีเทล รวมทั้งได้ลูกค้ารายใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และมีบทพิสูจน์การเติบโตอย่างก้าวกระโดด เห็นได้จากแคมเปญล่าสุดของเรา ทั้ง 11.11 และ 12.12 mega sale เมื่อปลายปี 2562 ที่สร้างยอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ถึง 2 เท่า ซึ่งช่องทาง Omni-Channel นับได้ว่ายังมีช่องว่างสำหรับการเติบโตอีกมากในอนาคต”

ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตระกูลจิราธิวัฒน์ จะยังคงถือหุ้นใน CRC ด้วยสัดส่วนกว่าร้อยละ 70 (ภายใต้สมมติฐานว่าจะมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของผู้ก่อตั้งที่จะยังเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของบริษัท ผ่านการบริหารจัดการของทีมผู้บริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์ โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินรวม หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน และความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อบริหารกิจการ และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ