ThaiPublica > เกาะกระแส > ชงครม.เพิ่มลดหย่อนภาษี 2.5 เท่า เว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร กระตุ้นลงทุนแสนล้าน

ชงครม.เพิ่มลดหย่อนภาษี 2.5 เท่า เว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร กระตุ้นลงทุนแสนล้าน

23 มกราคม 2020


เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563 เวลา 13.30 น. ดร.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานที่ประชุม “คณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุน” ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ชั้น 3 ทำเนียบรัฐบาล
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

คลังชงครม.เพิ่มค่าลดหย่อน 2.5 เท่า เว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร กระตุ้นลงทุนแสนล้าน

ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุนที่มี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ว่าวันนี้ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนประจำปี 2563 ตามที่กระทรวงการคลังนำเสนอ โดยให้เอกชนนำค่าใช้จ่ายจากการลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2.5 เท่าของค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปจริง ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ปกติจะให้หักค่าลดหย่อนแค่ 1.5 -2 เท่า รวมทั้งให้สิทธิยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรด้วย

“ทั้ง 2 มาตรการดังกล่าวนี้จะเป็นมาตรการชั่วคราว มีระยะเวลาการบังคับใช้ 1 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2563 โดยกระทรวงการคลังจะเร่งทำเรื่องเสนอให้ที่ประชุมครม.อนุมัติโดยเร็วที่สุด คาดว่าจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 9,000 ล้านบาทต่อปี แต่จะมีผลต่อกระตุ้นให้เอกชนลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท หากเปรียบเทียบกับมาตรการก่อนหน้านี้ที่ให้นำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้ 2 เท่า ก่อให้เกิดการลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักร คิดเป็นมูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท การเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนภาษีครั้งนี้มีเป้าหมายที่สำคัญคือเน้นกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ และเพิ่มศักยภาพในการผลิตให้กับผู้ประกอบการเป็นหลัก” ดร.อุตตม กล่าว

ดร.อุตตม กล่าวต่อว่านอกจากมาตรการการคลังเพื่อกระตุ้นการลงทุนแล้ว กระทรวงการคลังยังมีมาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐหลายแห่งในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ อาทิ ธนาคารเพื่อการส่งออกและการนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ได้เตรียมสินเชื่อเพื่อการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในอัตราดอกเบี้ยพิเศษวงเงิน 5,000 ล้านบาทและสินเชื่อสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ EEC อีก 20,000 ล้านบาท, ธนาคารออมสิน จัดเตรียมสินเชื่อ Transformation Loan วงเงิน 15,000 ล้านบาท, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เตรียมสินเชื่อสำหรับ SMEs วงเงิน 20,000 ล้านบาท และธนาคารกรุงไทย 60,000 ล้านบาท

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เตรียมจัดประชุมผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หรือ “CEO Forum” เพื่อจัดทำแผนงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปี 2563 รวมทั้งเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจด้วย นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุน ยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จัดทำแผนโรดโชว์นักลงทุนต่างประเทศ ร่วมกับสคร. จัดทำแผนและกำหนดเป้าหมายในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรมให้มีความชัดเจน และยังได้กำชับกระทรวงคมนาคมซึ่งกำกับดูแลโครงการลงทุนขนาดใหญ่ให้ติดตามและเร่งรัดการลงทุนทุกโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ในปี 2563