ThaiPublica > คอลัมน์ > ถูกลวงตาจนหมดความสุข

ถูกลวงตาจนหมดความสุข

2 ธันวาคม 2019


วรากรณ์ สามโกเศศ

ใคร ๆ ก็อยากมีชีวิตที่ดีและมีความสุข หลายคนเชื่อว่าการมีเงินทอง ได้คนที่รักมาเป็นคู่ครอง มีงานที่ดีทำ มีความมั่นคงในชีวิต มีหน้ามีตาในสังคมฯลฯ คือหัวใจของความสุข อย่างไรก็ดีถ้าเดินทางไปสู่จุดหมายเหล่านี้อย่างปราศจากเครื่องมือในการคิดและทัศนคติที่เหมาะสมแล้วก็อาจสะดุดหกล้มหัวแตก หรือตกเขาตายก่อนก็เป็นได้ วิธีคิดแบบหนึ่งที่ช่วยไม่ให้ตกม้าตายก็คือการรู้จักสิ่งที่เรียกว่า Focusing Illusion (การเน้นความสนใจจนเกิดภาพลวงตา)

เครื่องมือในการคิดและการมีทัศนคติที่เหมาะสมอาจเรียกรวมกันว่า mental toolkit หรือoperating system for life มันเป็นวิธีการที่จะนำไปสู่ชีวิตที่ดีตามที่ต้องการได้ Rolf Dobelli เขียนไว้ในหนังสือชื่อ The Art of the Good Life (2017) ถึงเรื่อง mental toolkit ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการตระหนักถึง Focusing Illusion (FI)

เมื่อเรานึกเปรียบเทียบสภาพการจราจรของกรุงเทพฯ กับลำพูนแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากย้ายไปอยู่ลำพูน ถ้าหมกมุ่นกับความคิดนี้มาก ๆ ก็อาจย้ายไปอยู่ลำพูนที่น่าอยู่มากเนื่องจากได้เน้นคิดแต่เรื่องการจราจร โดยมิได้คำนึงถึงโอกาสในการทำมาหากินที่ต่างกันระหว่างเมืองใหญ่และเมืองเล็กจนอาจลำบากในภายหลังได้

Daniel Kahneman นักจิตวิทยาผู้ได้รับรางวัลโนเบิลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี 2002 อธิบายลักษณะการคิดแบบที่เรียกว่า FI ว่า “ไม่มีอะไรในชีวิตที่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เราคิดว่ามันเป็นในขณะที่เรากำลังคิดถึงมันอยู่” กล่าวคือยิ่งเราเน้นคิดแบบแคบ ๆ ในเรื่องหนึ่งของการดำรงชีวิต มันยิ่งมีความแรงมากขึ้น ดังเช่นเรื่องการจราจรข้างต้น

อย่างไรก็ดีเมื่อเราคำนึงถึงภาพรวมทั้งหมดของการดำรงชีวิตและการทำมาหากินข้ามระยะเวลานาน ๆ แล้ว เราก็จะเห็นชัดว่าสภาพการจราจรเป็นเพียงปัจจัยตัวหนึ่งที่เล็กอย่างยิ่งสำหรับการมีความสุขโดยรวมในชีวิต

คนที่หวือหวาในเรื่องความคิดและให้ความสำคัญแก่เรื่องความรักมากเกินไปอาจโดน FI เล่นงาน เช่นเห็นว่าการได้บุคคลหนึ่งมาเป็นคนรักเป็นสิ่งสำคัญสุดในชีวิตดังนั้นจึงทุ่มเททุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงภาพรวมว่าคุณภาพชีวิตของตนเองนั้นมาจากหลายปัจจัย การได้เธอผู้นั้นเป็นเพียงหนึ่งปัจจัยเล็ก ๆ เท่านั้นในการมีชีวิตที่ดี

การรู้จัก เข้าใจ FI และเอาชนะมันได้จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่การมีชีวิตที่ดี โดยทำให้รอดพ้นจากการตัดสินใจบางอย่างที่โง่เขลา

การให้ความสนใจแก่สิ่งหนึ่งอย่างยิ่งในช่วงเวลาหนึ่งโดยคิดว่ามันสำคัญที่สุดจะทำให้มองข้ามการพิจารณาภาพรวมที่คล้ายกับการถ่ายรูปจากระยะทางไกลและกว้าง การมิได้พิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่มีอีกมากมายมาเปรียบเทียบจะทำให้เกิดจุดบอดในการตัดสินใจ
เด็กเล็ก ๆ จะร้องแทบบ้านแตกหากไปแย่งของเล่นจากมือทั้ง ๆ ที่มีของเล่นอีกหลายชิ้น เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาให้ความสนใจแต่ของเล่นที่อยู่ตรงหน้าในขณะนั้นว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ผู้ใหญ่ก็ทำตัวราวกับเด็กได้ถ้าโกรธแค้นเมื่อมีคนบีบแตรไล่หลังโดยคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนั้น แต่ถ้าหากหันเหความสนใจไปสู่เสียงเพลงจากวิทยุหรือคิดแบบเห็นใจว่าเขาคงมีเรื่องรีบด่วนต้องรีบไป ภาพยนตร์เรื่องที่ไปดูในคืนนั้นก็คงสนุกสนานเพราะไม่มีอาการขุ่นใจ

บางคนโต้เถียงอย่างเอาเป็นเอาตายกับเจ้าหน้าที่โรงแรมเมื่อไม่ได้ห้องพักที่เห็นวิวทะเล ทั้งที่สิ่งสำคัญของการนอนโรงแรมคือการพักผ่อนท่ามกลางความสะอาด ความสะดวกสบาย ฯลฯ ทะเลนั้นแค่เดินลงมาและชะโงกดูก็เห็นทะเลเต็มตาสุดลูกหูลูกตา แต่บางคนก็เห็นสิ่ง “เล็กน้อย” เช่นนี้ (แต่เป็น “เรื่องใหญ่” สำหรับเขาเพราะ FI โดยเห็นว่าถ้าไม่ได้เห็นทะเลจากห้องนอนแล้ว การท่องเที่ยวครั้งนี้ล้มเหลวทั้งที่จริงแล้วความสำเร็จจากการท่องเที่ยวประกอบด้วยหลายปัจจัย) เป็นเรื่องไม่สำคัญ

ถ้าจะเอาชนะ FI ก็ต้องมองชีวิตเสมือนมีเลนซ์ไกลและกว้างโดยมองว่าการถูกคนบีบแตรไล่ ความผิดหวังจากความรัก การไม่เห็นทะเลจากห้องพัก ฯลฯ มันเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งในชีวิตเท่านั้น การคิดแบบนี้จะทำให้ไม่เป็นคนที่ฝรั่งเรียกว่า petty คือให้ความสนใจกับเรื่องเล็ก ๆ ที่ไร้สาระ เห็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ไร้ความหมายเป็นเรื่องใหญ่ คน petty จะไม่สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ทั้งในระดับครอบครัวและองค์กร

ชีวิตที่ดีจะเกิดขึ้นได้จากการมีวิธีคิดแบบมองผ่านเลนซ์ที่เห็นภาพกว้างและไกลโดยเข้าใจเรื่อง FI และเอาชนะมันได้
สิ่งลวงตามมีอยู่มากมายในโลกมนุษย์ ทั้งสิ่งที่บางคนทำขึ้นเพื่อหลอกลวงเรา และสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตัวของเราเอง

สิ่งสำคัญที่จะทำให้มนุษย์มีชีวิตที่ดีก็คือการพยายามเลือกค้นหาสิ่งที่เป็นความจริงของชีวิตออกจากสิ่งลวงตาอย่างระแวดระวังและอย่างไม่หยุดยั้ง

หมายเหตุ : ตีพิมพ์ครั้งแรก คอลัมน์ “อาหารสมอง” นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอังคารที่ 26 พ.ย. 2562