ThaiPublica > สู่อาเซียน > ASEAN Roundup เมียนมายกระดับสนามบินรับท่องเที่ยวบูม ฮานอยประกาศเก็บเงินรถยนต์วิ่งเข้าเมืองแก้จราจรติดขัด

ASEAN Roundup เมียนมายกระดับสนามบินรับท่องเที่ยวบูม ฮานอยประกาศเก็บเงินรถยนต์วิ่งเข้าเมืองแก้จราจรติดขัด

15 กันยายน 2019


ASEAN Roundup ประจำวันที่ 8-14 กันยายน 2562

  • เมียนมายกระดับสนามบินรับท่องเที่ยวบูม
  • ฮานอยประกาศเก็บเงินรถยนต์วิ่งเข้าใจกลางเมืองแก้จราจรติดขัด
  • อินโดนีเซียสั่งปิดพื้นที่เพาะปลูก 29 บริษัทหลังไฟไหม้
  • ฟิลิปปินส์เปิดตัวสถานีตำรวจหญิงแห่งแรก

เมียนมายกระดับสนามบินรับท่องเที่ยวบูม

ที่มาภาพ: https://www.mmtimes.com/news/thandwe-rakhine-receive-international-airport-status.html

รัฐบาลสหภาพเมียนมาอนุมัติให้ยกระดับสนามบินท้องถิ่นในเมืองตั่งตแว (Thandwe) ในเขตรัฐยะไข่ (Rakhine State) เป็นสนามบินนานาชาติ ตามที่รัฐได้เสนอให้พิจารณา จากการเปิดเผยของ อู จอ เอย เตน มุขมนตรีด้านการเงินและวางแผนของรัฐยะไข่

การเสนอให้ยกระดับสนามบินมาจากการเรียกร้องของภาคเอกชนเพื่อให้สนามบินสามารถรองรับเที่ยวบินนานาชาติได้มากขึ้น โดยเฉพาะจากยุโรป เพราะนักลงทุนและนักธุรกิจยุโรปต้องการที่จะเดินทางตรงไปยังหาดปางาลี เพื่อพบปะและหารือกับมุขมนตรีด้านโรงแรมและการท่องเที่ยว และร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว

อู จอ เอย เตน กล่าวว่า เที่ยวบินตรงจากต่างประเทศมายังตั่งตแว เป็นโอกาสที่จะทำให้การท่องเที่ยวของรัฐยะไข่ขยายตัวมากขึ้น เพราะรัฐมีความสามารถในการดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสในการสร้างงานที่มากับการท่องเที่ยว ส่งผลให้เศรษฐกิจของรัฐขยายตัวและสร้างความมั่นคงให้รัฐ

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาได้มีการเสนอและพิจารณาอนุมัติให้ยกระดับและปรับปรุงสนามบินในประเทศไป 14 แห่ง จากที่มี 31 แห่งเพื่อรองรับการท่องเที่ยว

ในเดือนที่ผ่านมา กรมการบินพลเรือนได้เริ่มกระบวนการประมูลเพื่อยกระดับสนามบินเกาะสอง (Kawthoung) ในเขตตะนาวศรี และระหว่างนี้รอให้มีการเสนอ ทั้งนี้ สนามบินเกาะสองเป็น 1 ใน 14 สนามบินที่ได้รับการอนุมัติให้ยกระดับและปรับปรุงเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวในภูมิภาค และยังเป็น 1 ใน 3 สนามบินแรกที่ผ่านการคัดเลือกให้ยกระดับ โดยสนามบินอื่น ได้แก่ สนามบินเฮโฮ ในรัฐฉาน และสนามบินเมาะลำไยในรัฐมอญ

กลุ่ม KBZ ชนะการประมูลการยกระดับสนามบินเฮโฮ โดยการลงทุนคาดว่าจะมีมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทจะลงทุนโดยตรง 65% ที่เหลือมาจากนักลงทุนญี่ปุ่น คือกลุ่มโตโยต้า ซูโช ขณะที่การลงทุนปรับปรุงสนามบินเมาะลำไยมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์มาจากกลุ่มฮินตาร์และสายการบินกรุงเทพของไทย รวมทั้งการปรับปรุงสนามบินเนียงอูในพุกาม เมืองมรดกโลก ที่จะเริ่มขึ้นในปีนี้

ฮานอยประกาศเก็บเงินรถยนต์วิ่งเข้าใจกลางเมืองแก้จราจรติดขัด

ที่มาภาพ: https://vietnamnews.vn/society/535395/hn-plans-solutions-to-increase-public-transport-use.html#d9bSusms8JRYKHA8.97

นายเหวียน ดึ๊ก จุง ประธานคณะกรรมการประชาชนเมืองฮานอย เปิดเผยว่า คณะกรรมการได้ประกาศแผนที่จะเก็บเงินจากรถยนต์ที่วิ่งเข้าใจกลางเมืองเพื่อเพิ่มการใช้รถโดยสารสาธารณะมากขึ้น และจะห้ามการใช้รถมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้าเมืองตั้งแต่ปี 2030

ข้อห้ามนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางในการพัฒนาเครือข่ายการขนส่งสาธารณะ เพื่อลดการใช้ยานยนต์ส่วนบุคคลลงราว 20-25% ในปีหน้า และจะเพิ่มการใช้รถโดยสารสาธารณะและรถจักรยานมากขึ้น อีกทั้งการเก็บเงินจากรถยนต์ที่วิ่งเข้าสู่ย่านธุรกิจจะช่วยลดการจราจรที่ติดขัดและช่วยลดมลพิษ

ภายใต้แผนฉบับนี้ เมืองฮานอยจะขยายเส้นทางเดินรถเมล์ไปยังชานเมืองและพื้นที่ที่ได้รับความนิยม เช่น พื้นที่เมืองใหม่ ศูนย์การค้าและย่านบันเทิง รวมทั้งจะเพิ่มส้นทางรถเมล์อีก 46-51 สายในปีหน้า โดยจะเริ่มในปีนี้ 21 สาย

นอกจากนี้ จะพิจารณากำหนดเลนพิเศษสำหรับรถเมล์และห้ามใช้รถยนต์ในบางเส้นทาง เพื่อปรับปรุงบริการและดึงให้คนหันมาใช้รถโดยสารสาธารณะมากขึ้น

ข้อมูลศูนย์บริหารและปฏิบัติการจราจรของฮานอยพบว่า ในปีที่แล้ว รถเมล์ 180,000 คันต้องเปลี่ยนเส้นทางหรือไม่หยุดรับคนในบางป้ายเพราะการจราจรหนาแน่นอย่างมาก จำนวนผู้โดยสารรถเมล์ลดลงติดต่อกันในปี 2016 และ 2017 แต่ในปี 2018 จำนวนผู้โดยสารกลับมาสูงขึ้น

สาเหตุที่จำนวนผู้โดยสารเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอย่างมาก เพราะขาดโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับรถเมล์ อีกทั้งไม่มีเลนพิเศษ การเดินรถจึงได้รับผลกระทบจากการจราจรที่หนาแน่น ทำให้ไม่สามารถเดินรถได้ตรงเวลา คนจึงหันไปใช้รถส่วนตัวมากขึ้น

คณะกรรมการประชาชนวางแผนที่จะให้รถเมล์เป็นตัวหลักของการเดินทางขนส่งในอนาคต แต่หากไม่มีเลนพิเศษ รถเมล์ก็จะติดอยู่บนท้องถนนเหมือนกับรถประเภทอื่นๆ ดังนั้นเพื่อดึงให้คนหันมาใช้รถโดยสารสาธารณะมากขึ้น ก็จะเชื่อมโยงเส้นทางรถเมล์และรถบีอาร์ทีกับเส้นทางรถไฟสายนอกเมือง รวมทั้งจะสร้างที่จอดรถใกล้กับสถานีรถไฟและศูนย์จอดรถเมล์ เพื่อให้ประชาชนเปลี่ยนรถได้อย่างสะดวก และจะใช้รถมินิบัสวิ่งในถนนเส้นเล็กๆ ตลอดจนจะขยายโครงข่ายรถจักรยานสาธารณะ

สำหรับรถขนส่งที่วิ่งระหว่างจังหวัด ก็มีแผนที่จะปรับที่ตั้งสถานีขนส่งและเส้นทางใหม่ เพื่อให้เชื่อมกับรถที่วิ่งเข้าเมืองและรถไฟสายชานเมือง

ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานขนส่งโฮจิมินห์ซิตีก็กำลังศึกษาโครงการกำหนดเลนพิเศษสำหรับรถเมล์ โดยอาจจะใช้ถนนเดียน เบียน ฟู และถนนโว ธิ เสา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผน 2016-2020 เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและลดอุบัติเหตุ ขยายการใช้รถสาธารณะและจำกัดการใช้รถส่วนบุคคล

อินโดนีเซียสั่งปิดพื้นที่เพาะปลูก 29 บริษัทหลังเกิดไฟไหม้

อินโดนีเซียสั่งปิดพื้นที่เพาะปลูกของ 29 บริษัท ทั้งจากสิงคโปร์และมาเลเซียหลังเกิดไฟไหม้ในพื้นที่ของบริษัท จนลุกลามและสร้างปัญหาควันปกคลุมทั่วกาลีมันตันและสุมาตรา และยังกระจายไปถึงมาเลเซียและสิงคโปร์

สิตี นูร์บายา บาการ์ รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและป่าไม้ อินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินการทางกฎหมายกับหลายบริษัทในฐานะที่ทำให้เกิดไฟไหม้

ขณะนี้อินโดนีเซียกำลังประสบปัญหาการดับไฟที่ขยายวงไปในสุมาตราและกาลีมันตัน จนได้รับคำตำหนิจากมาเลเซียหลังได้รับผลกระทบจากกลุ่มควันที่ลอยตัวไป

รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและป่าไม้ อินโดนีเซีย ระบุชื่อบริษัทในเครือสิงคโปร์ว่า ได้แก่ ฮูตัน เกตาปัง อินดัสตรี ซึ่งตั้งอยู่ที่กาลีมันตันตะวันตก เป็นบริษัทลูกที่ปลูกยางพาราของบริษัทอินโดนีเซียที่ชื่อ สุไหง เมนัง และสุไหง เมนัง เป็นบริษัทที่ถือหุ้นเต็มโดยบริษัทอินโดนีเซียที่ชื่อว่า ซัมโปเอร์นา อะโกร โดยที่บริษัท ซัมโปเอร์นา อกริ รีซอร์สเซส จากสิงคโปร์ ถือหุ้นซัมโปเอร์นา อะโกร ในสัดส่วน 2 ใน 3

ซัมโปเอร์นา อะโกร ก่อตั้งโดยครอบครัวของมหาเศรษฐีอินโดนีเซียที่ชื่อว่า ปูเตรา ซัมโปเอร์นา

สำหรับบริษัทมาเลเซียมี 4 ราย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกลุ่มธุรกิจจากมาเลเซีย ที่ดำเนินธุรกิจในกาลีมันตันตะวันตกและจังหวัดรีเยา ได้แก่ ไซม์ อินโด อโกร (ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ไซม์ ดาร์บี แพลนเตชัน), สุเกซ การ์ยา สาวิต (บริษัทลูกของ ไอโอไอ คอร์ปอเรชัน) และ ราฟิ กามาจายา อบาดิ (บริษัทลูกของทีดีเอ็ม) รายสุดท้ายคือ อเดอิ แพลนเตชัน แอนด์ อินดัสตรี (บริษัทลูกของ กัวลาลัมเปอร์ เคปง กรุ๊ป) ทำธุรกิจในรีเยา

ซัมโปเอร์นา อะโกร แถลงการณ์ว่า ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จากทางการอินโดนเซียในการปิดพื้นที่เพาะปลูกของบริษัทที่รับผิดชอบโดย ไซม์ อินโด อโกร และบริษัทได้ช่วยเหลือบริษัทลูกในการเฝ้าระวังการปฏิบัติงานตลอดทั้งปี และไฟที่ลุกไหม้เมื่อวันที่ 3 กันยายนนั้นอยู่นอกพื้นที่ของบริษัท เป็นพื้นที่ของชุมชน แต่สามารถดับไฟได้แล้ว พร้อมกับรายงานเหตุให้กับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสิ่งแวดล้อมและป่าไม้ของอินโดนีเซียไปแล้ว

ทางด้านกัวลาลัมเปอร์ เคปง ยืนยันว่า บริษัทลูก อเดอิ แพลนเตชัน แอนด์ อินดัสตรี สามารถดับไฟที่ลุกไหม้ได้หมดภายในวันเดียว และเจ้าหน้าที่ได้สั่งปิดพื้นที่เพาะปลูก 4.25 เฮกตาร์ เพื่อทำการสอบสวน รวมทั้งบริษัทได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในพื้นที่และชุมชนที่อยู่รอบๆ ในการดับไฟ เพราะยึดนโยบายบริษัทที่ว่าต้องไม่เกิดไฟไหม้เด็ดขาดในทุกพื้นที่ของบริษัททั้งในระดับประเทศและระดับอาเซียน

ไอโอไอ คอร์ปอเรชัน ได้ออกแถลงการณ์เช่นกัน โดยระบุว่า บริษัทลูกไม่ได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ แต่บริษัทลูกได้เตรียมพร้อมสูงสุดและเตรียมมาตรการไว้รับมือกับภาวะอากาศแห้งและความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ อีกทั้งในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมาสามารถดับไฟที่ลุกไหม้จุดเล็กๆ ได้มาก รวมทั้งได้ช่วยเหลือบริษัทอื่นและชาวบ้านเมื่อเกิดไฟลุกไหม้ในพื้นที่ใกล้เคียง

นางยิว บี ยิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ มาเลเซีย ซึ่งคู่สมรสทำงานกับ ไอโอไอ คอร์ปอเรชั่น ได้ระบุว่า ข้อมูลศูนย์พยากรณ์อากาศอาเซียน (Asean Specialised Meteorological Centre: ASMC) พบว่า มีจุดความร้อนมากกว่า 1,600 จุดในกาลีมันตันและสุมาตรา

ดร.ดวิโกริตา การ์นาวาตี ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยา ภูมิอากาศวิทยา และธรณีวิทยา (Meteorology, Climatology and Geophysics Agency: BMKG) อินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียตรวจจับได้ว่าไฟลุกไหม้ตรงบริเวณพรมแดนในประเทศ แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหาของมาเลเซียที่ว่าไฟลุกลามไปยังพื้นที่ของมาเลเซียหลายวัน โดยระบุว่าไฟได้ลุกลามเข้าพื้นที่มาเลเซียเป็นเวลาสั้นๆ เท่านั้น

ฟิลิปปินส์เปิดตัวสถานีตำรวจหญิงแห่งแรก

ที่มาภาพ: https://www.rappler.com/nation/240090-philippines-first-women-police-station-maria-siquijor

สำนักงานตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ได้ทำการเปิด สถานีตำรวจหญิงเป็นแห่งแรก หรือ Mariang Pulis ของประเทศ ในเขตเทศบาลมาเรีย จังหวัดซีคีฮอร์ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2562

สถานตำรวจหญิงล้วนแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ 21 ราย นำโดย ร.ต.อ. จูดิท ซึ่ง พ.ต.อ. แองเจลา เรฮาโน ผู้บังคับบัญชาสูงสุดประจำซีคีฮอร์ กล่าวว่า การริเริ่มแนวคิดเรื่องเพศและการพัฒนากองกำลังตำรวจหญิงในซีคีฮอร์ ส่งสัญญานว่าถึงเวลาแล้วที่จะเดินหน้า ส่งเสริมวิสัยทัศน์และพันธกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการสร้างโอกาสให้ผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นในการปฏิบัติหน้าที่ตำรวจในหลักการบังคับใช้กฎหมาย

การจัดตั้งสถานีตำรวจหญิงมีขึ้นหลังจากที่ตำรวจทางหลวงได้จัดตั้งทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงหญิงล้วนไปสัปดาห์ก่อน โดยกองกำลังเฉพาะกิจได้เปิดรับผู้หญิงจำนวนมากในเดืนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา