ThaiPublica > เกาะกระแส > รายงานโนมูระชี้ประเทศผู้ชนะ!! จากสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน

รายงานโนมูระชี้ประเทศผู้ชนะ!! จากสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน

27 กรกฎาคม 2019


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

เวียดนามได้ประโยชน์มากสุดจากสงครามการค้า ที่มาภาพ : supplychainasia.org

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยของโนมูระ ธนาคารเพื่อการลงทุนของญี่ปุ่น ได้เผยแพร่รายงาน ที่ชื่อว่า การเบี่ยงเบนของการค้า สหรัฐฯ-จีน ใครได้ประโยชน์ (US-China trade diversion: Who benefits?) โดยกล่าวว่า เมื่อมองในภาพรวม ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศ ส่งผลด้านลบต่อเศรษฐกิจโลก แต่แม้กระนั้นความขัดแย้งดังกล่าว ก็มีผลในด้านดีและบวกเช่นเดียวกัน

การใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น มาตอบโต้กันและกันเพิ่ม ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ทำให้การนำเข้าสินค้าของแต่ละฝ่าย มีต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งสหรัฐฯและจีนต่างก็หาทางหลีกเลี่ยง หรือหันเหการนำเข้าระหว่างกันและกัน สิ่งนี้ทำให้เกิดประโยชน์แก่อุตสาหกรรมการผลิตของประเทศอื่นๆ และทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนหรือซัพพลายเออร์ในประเทศอื่นๆของโลก มีความสามารถที่จะแข่งขันได้มากขึ้น

10 ประเทศที่ได้ประโยชน์มากสุด จากการหันเหของการค้า ที่มาภาพ : https://www.nomuraconnects.com/focused-thinking-posts/us-china-trade-diversion-who-benefits/#images

ประโยชน์จากการค้าผันแปร

รายงานของโนมูระกล่าวว่า สงครามการค้าในรูปการเก็บภาษีสินค้านำเข้าที่สูงขึ้นระหว่างสองประเทศ อาจจะมีมูลค่าเศรษฐกิจในสัดส่วนไม่มาก เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจหรือ GDP ของสหรัฐฯกับจีน แต่การเบี่ยงเบนการค้าไปยังประเทศที่ 3 ทำให้เป็นขับเคลื่อนที่สำคัญอย่างมาก ต่อการส่งออกของประเทศที่ 3 และยิ่งเป็นผลดีอย่างมาก ต่ออุตสาหกรรมเฉพาะในด้านใดด้านหนึ่งของประเทศที่ 3

รายงานของโนมูระระบุว่า เวียดนามเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากสภาพการค้าที่ผันแปรหรือหันเห (trade diversion) เพราะสงครามการ โดยจะได้ประโยชน์มีมูลค่าสูงถึง 7.9% ของ GDP ของเวียดนาม สิ่งที่เวียดนามได้ประโยชน์มากที่สุด คือการที่สหรัฐฯหันเหมานำเข้าเพื่อทดแทนการนำเข้าจากจีน

ประเทศที่ได้ประโยชน์มากสุดอีก 3 ประเทศ คือ ชิลี มาเลเซีย และอาร์เจนตินา โดยประโยชน์ที่ได้มากสุด มาจากการที่จีนนำเข้าสินค้าจาก 3 ประเทศนี้ เพื่อทดแทนการที่เคยนำเข้าจากสหรัฐฯ แต่โดยรวม ประโยชน์ที่ประเทศที่ 3 ได้รับ ส่วนใหญ่เกิดจากการที่สหรัฐฯ หันมานำเข้าสินค้าจากประเทศเหล่านี้ แทนการนำเข้าเดิมที่จากจีน

ประเทศในเอเชีย ยกเว้นจีน ที่เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลก (global supply chain) ได้รับประโยชน์มาก จากการที่สหรัฐฯหันเหมานำเข้าสินค้าแทนจีน ส่วนประเทศในแถบทวีปอเมริกา ได้ประโยชน์ จากการที่จีนหันมานำเข้าสินค้าแทนจากที่เดิมเคยนำเข้าจากสหรัฐฯ ส่วนยุโรป ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์มากสุด

รายงานของโนมูระกล่าวว่า ในรอบปีที่ผ่านมา เวียดนามและเกาหลีใต้ได้รับประโยชน์อย่างมาก จากการนำเข้าของสหรัฐฯในสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อทดแทนสินค้าของจีน มาเลเซียได้ประโยชน์จากการนำเข้าของสหรัฐฯ พวกเซมิคอนดักเตอร์ และเม็กซิโกในด้านรถยนต์ ส่วนประเทศอื่นๆได้ประโยชน์จากการที่จีนหันมานำเข้าสินค้าประเภทโภคภัณฑ์ เช่น ทองแดง ถั่วเหลือง ธัญพืช ฝ้าย และเครื่องบินพาณิชย์ เพื่อชดเชยการนำเข้าจากสหรัฐฯ

ประเทศที่ได้ประโยชน์มากสุดจาก (1) การเป็นแหล่งทดแทนการนำเข้า และ (2) การย้ายการผลิตออกจากจีน ที่มาภาพ : nomura.com

ประโยชน์จากการนำเข้าที่ทดแทน

ก่อนหน้านี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2018 ฝ่ายวิจัยของโนมูระได้เคยเผยแพร่บทวิจัยชื่อ ความขัดแย้งทางการค้า สหรัฐฯ-จีน : ไม่ใช่ผลเสียทั้งหมดต่อเอเชีย (US-Sino Trade Friction: not all a lose-lose outcome for Asia)โดยกล่าวว่า เมื่อมองโดยภาพรวม สงครามการค้า สหรัฐฯ-จีน อาจทำให้เอเชียเป็นฝ่ายสูญเสีย เพราะเป็นภูมิภาคที่มีระบบเศรษฐกิจเปิดกว้างต่อการค้าโลกมากที่สุด แต่ก็มีบางบริษัท บางอุตสาหกรรม และประเทศเล็กบางประเทศ เป็นฝ่ายได้ประโยชน์ โดยประโยชน์ที่ได้มีอยู่ 2 ช่องทาง คือ การนำเข้าที่ทดแทน ซึ่งเป็นประโยชน์ในระยะสั้น และการย้ายฐานการผลิต ที่เป็นประโยชน์ในระยะกลาง

ในระยะสั้น เมื่อสหรัฐฯกับจีนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันและกันสูงมากขึ้น บริษัทธุรกิจก็มีเหตุจูงใจที่จะหันไปนำเข้าสินค้าจากแหล่งผลิตอื่น ที่จะทำให้มีต้นทุนต่ำกว่า จากการวิเคราะห์ของโนมูนะที่อาศัยดัชนีเรียกว่า Nomura Import Substitution Index (NISI) ประเทศที่ได้ประโยชน์มากสุดจากการนำเข้าทดแทน 5 อันดับ คือ มาเลเซีย ญี่ปุ่น ปากีสถาน ไทย และฟิลิปปินส์

ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต

รายงานของโนมูระกล่าวว่า ในระยะปานกลาง ความขัดแย้งทางการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐฯ-จีน จะไปส่งเสริมให้บริษัทข้ามชาติ เริ่มย้ายการผลิตบางส่วนออกจากจีน ไปยังประเทศอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น หรืออาจจะย้ายโรงงานทั้งหมด หากความขัดแย้งทางการค้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การวิเคราะห์การย้ายฐานการผลิต ทางโนมูระอาศัยดัชนี Nomura Production Relocation Index (NPRI) ที่อาศัยตัวชี้วัดเช่น การมีอุตสาหกรรมที่ทับซ้อนกับจีน และความน่าลงทุนของประเทศ เป็นต้น รายงานของโนมูระกล่าวว่า หากบริษัทธุรกิจจะย้ายการผลิต หรือย้ายการลงทุนออกจากจีน ดัชนี NPRI ของโนมูระแสดงให้เห็นว่า เวียดนามเป็นประเทศผู้ชนะที่ชัดเจนที่สุด ตามมาด้วยมาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย และไทย

รายงานโนของมูระสรุปว่า เมื่อพิจารณาจากประโยชน์ที่เกิดขึ้นจาก 2 ปัจจัย คือ การนำเข้าเพื่อทดแทน และการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน มาเลเซียได้ประโยชน์มากที่สุด ส่วนเวียดนามได้ประโยชน์มากสุดในเรื่องการย้ายฐานการผลิต และสงครามการค้า ทำให้เวียดนามได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากที่สุด คือมีสัดส่วนเท่ากับ 7.9% ของ GDP

เอกสารประกอบ
US-China trade diversion: Who benefits? June 2019, nomuraconnects.com
US-China trade friction: not all a lose-lose outcome for Asia, November 2018, nomuraconnects.com