ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 27 เม.ย. – 3 พ.ค. 2562
ประกาศราชกิจจาฯ สถาปนาสมเด็จพระราชินี
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2562 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง สถาปนาสมเด็จพระราชินี โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา ถูกต้องตามกฎหมาย และราชประเพณีโดยสมบูรณ์ทุกประการแล้ว
จึงมีพระราชโองการให้สถาปนาพลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา พระอัครมเหสี เป็นสมเด็จพระราชินีสุทิดา ทรงดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 1 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน
โปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องขัง เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
วันที่ 3 พ.ค. 2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยหลักเกณฑ์พิจารณาผู้มีสิทธิได้รับพระราชทานอภัยโทษตามมาตรา 5 และ 6 ของพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีดังนี้
- ผู้ต้องกักขัง (เพิ่มเติม: กรณีที่เป็นนักโทษเด็ดขาด และยังไม่ได้รับโทษกักขังแทนจำคุกหรือกักขังแทนค่าปรับ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษในส่วนของการกักขังแทนจำคุกหรือกักขังแทนค่าปรับ แล้วแต่ดกรณี)
- ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ
- ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ
- ผู้ต้องโทษจำคุกไม่ว่าจะกี่คดีก็ตาม และเหลือโทษจำคุกไม่ถึงหนึ่งปีในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
- ตาบอดสองข้าง มือเท้าด้วยทั้งสองข้าง หรือเป็นบุคคลซึ่งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นคนทุพพลภาพมีลักษณะอันเห็นได้ชัด
- เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) หรือโรคจิต ซึ่งทางราชการได้ทำการรักษามาแล้วไม่น้อยกว่าสามเดือนในวันที่ พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ และแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่สามารถจะรักษาในเรือนจำให้หายได้ และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่าสามปี หรือไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษตามกำหนดโทษ
- เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายหรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) ระยะสุดท้าย ซึ่งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นระยะสุดท้าย และไม่สามารถจะรักษาในเรือนจำให้หายได้
- เป็นหญิงซึ่งต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษ ตามกำหนดโทษ
- เป็นคนมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร หรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำ ในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดีซึ่งมีโทษจำคุก ตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกินสามปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ หรือเป็นคนมีอายุตั้งแต่เจ็ดสิบปีขึ้นไป
- เป็นผู้ต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก และมีอายุยังไม่ครบยี่สิบปีบริบูรณ์ในวันที่ พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร หรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียว หรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษตามกำหนดโทษ หรือ
- เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกินสองปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
อนึ่ง การปล่อยตัวผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ได้รับการพระราชทานอภัยโทษจะเกิดขึ้นภายใน 120 วันนับจากวันที่พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มีผลใช้บังคับ โดยจะมีคณะกรรมการชุดหนึ่งเป็นผู้พิจารณา ซึ่งคณะกรรมดังกล่าวประกอบด้วยผู้แทน 3 ฝ่าย คือ อัยการ ผู้พิพากษา และผู้ว่าราชการจังหวัด จะเป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นก่อนส่งเรื่องให้ศาลออกหมายปล่อยต่อไป
เล็งออก ม.44 ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ไม่จำเป็นแล้ว คาด บางส่วนเหลือถึงรัฐบาลหน้า
วันที่ 2 พ.ค. 2562 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับต่างๆ ที่เคยออกมา โดยบอกว่า สิ่งที่มีออกมาทั้งหมดมี 3 ส่วน คือ ประกาศ คสช.ระหว่างวันที่22 พ.ค. 2557 ถึงการมีรัฐบาล คำสั่ง คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ออกโดยมาตรา 44 ทั้งหมดรวมแล้วมีจำนวนมาก แต่ครึ่งหนึ่งถูกยกเลิกไปแล้วด้วยตัวเอง และประกาศยกเลิกไป เหลือเพียงครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้มีครึ่งหนึ่งที่ไม่ต้องทำอะไร เมื่อดำเนินการตามคำสั่งไปแล้วก็จะเป็นที่ยุติ เช่น คำสั่งย้ายบุคคล ส่วนอีกครึ่งที่เหลือยังมีสถานะอยู่และหมดความจำเป็น หากปล่อยให้ถึงรัฐบาลต่อไป ถ้าเขาจะยกเลิกก็ต้องเป็นภาระที่ต้องออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)
ดังนั้น จึงจะออกมาตรา 44 ขึ้นมา 1 ฉบับ สุดท้ายหรือเกือบสุดท้ายเพื่อล้างสิ่งเหล่านี้ออกไป แต่จะมีเหลืออยู่จำนวนหนึ่งประมาณ 62 ฉบับที่ยังมีความจำเป็นอยู่ และมีคำแนะนำจาก คสช.ไปถึง ครม. (คณะรัฐมนตรี) ซึ่งมีมติ ครม.ออกมาแล้วว่าให้กระทรวงไปถ่ายโอนเข้าสู่ระบบโดยเร็ว ต้องดำเนินการแล้วเสร็จภายใน ครม.ชุดนี้หรือรัฐบาลชุดหน้า โดยคาดว่าจะเหลือบางส่วนไปถึงรัฐบาลชุดหน้า
เริ่มแล้ว สกัดสารระงับเซลล์มะเร็งจากกัญชาของกลาง ชวนประชาชนยื่นขออนุญาตครอบครอง
วันที่ 2 พ.ค. 2562 เว็บไซต์ไทยพีบีเอสรายงานว่า นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมตรวจสอบกัญชาของกลาง น้ำหนัก 1 ตัน ที่ตรวจยึดได้จากลุ่มผู้ค้ายาเสพติด
นายนิยมกล่าวว่า กัญชาของกลางลอตนี้ถือเป็นลอตแรกที่ถูกนำมาตรวจสกัดหาสาร 2 ชนิดหลัก ที่สามารถสกัดเป็นยารักษาผู้ป่วยได้ คือ การสกัดหาสาร CBD (Cannabidiol) และสาร THC (Tetrahydrocannabinol) โดยสาร CBD ทำหน้าที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ลดการอักเสบบวมโตของแผล หรือเนื้องอก ระงับเซลล์มะเร็งที่กำลังเติบโต ระงับการเกร็ง หรือชักกระตุก และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันในระบบประสาทได้ ส่วนสาร THC มีผลในทางประสาท ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เคลิบเคลิ้ม และช่วยให้อยากอาหาร
ผลการตรวจพบว่ามีสารทั้งสองชนิด ขั้นตอนจากนี้คือกระบวนการตรวจหาสารโลหะหนักและยาฆ่าแมลงซึ่งเป็นสารก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย หากการตรวจสอบพบว่ามีการปนเปื้อนของโลหะหนักและยาฆ่าแมลง กัญชาทั้งหมดจะถูกทำลายทิ้งตามขั้นตอน เพราะจะไม่สามารถนำเข้าสู่การทำยารักษาโรคได้
สำหรับการใช้กัญชาของกลาง เข้าสู่กระบวนการตรวจหาสารสกัดทำยารักษาโรค เบื้องต้นจะดำเนินการในระหว่างรอผลผลิตจากโรงเรือนที่ตรงตามมาตรฐานการปลูกของรัฐ เพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้ป่วย ซึ่งของกลางทั้งหมด ป.ป.ส. ได้ประสานไปยังหน่วยจับกุมของกลางเพื่อชะลอการเผาทำลาย ขณะนี้มีจำนวนทั้งหมด 43 คดี รวม 22 ตัน และจะทยอยส่งให้ ป.ป.ส.ตรวจสกัด
อนึ่ง นายนิยมได้เปิดเผยภาพรวมของการยื่นขอครอบครองกัญชาทั่วประเทศ ที่ขณะนี้มีมากกว่า 6,000 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยในกลุ่มอัลไซเมอร์ ชักเกร็ง พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนยื่นขออนุญาตครอบครองกัญชา ก่อนจะหมดเขตในวันที่ 21 พ.ค. 2562 นี้ พร้อมทั้งยืนยันว่าจะไม่มีการยึดของกลางและไม่มีการทำประวัติติดตามจับกุม เพราะมุ่งเน้นเพื่อประโยชน์ทางการรักษาโรค
สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะทรงสละราชสมบัติ
วันที่ 30 เม.ย. 2562 สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะแห่งญี่ปุ่น ทรงมีพระปัจฉิมบรมราชโองการต่อพสกนิกรในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดิ ด้วยทรงประกอบพิธีการสละราชสมบัติเป็นครั้งแรกในรอบ 200 ปีของประเทศญี่ปุ่น
เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า ในขั้นสุดท้ายของพิธีนั้น สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ได้ทรงมีพระปัจฉิมบรมราชโองการต่อพสกนิกรว่า “ในวันนี้ ข้าพเจ้าได้สิ้นสุดภารกิจในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดิ และอยากจะแสดงความขอบคุณต่อถ้อยคำที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อข้าพเจ้าในฐานะตัวแทนของประชาชน”
“ตั้งแต่ 30 ปีก่อน ข้าพเจ้าได้เริ่มปฏิบัติภารกิจในฐานะพระจักรพรรดิ ข้าพเจ้าขอขอบคุณด้วยใจจริงต่อประชาชนที่ให้การยอมรับและสนับสนุนการทำหน้าที่ในฐานะสัญลักษณ์ของรัฐมาโดยตลอด”
“ข้าพเจ้าและสมเด็จพระจักรพรรดินีหวังว่า รัชสมัยเรวะที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้ จะมีเสถียรภาพมั่นคงและประสบผลสำเร็จเฟื่องฟู ข้าพเจ้าขอภาวนาอย่างสุดจิตสุดใจต่อสันติภาพและความสุขของชาวญี่ปุ่นและผู้คนทั่วโลก”
และต่อมา ในวันที่ 1 พ.ค. 2562 สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ จักรพรรดิพระองค์ใหม่ของญี่ปุ่นก็เสด็จขึ้นครองราชย์ โดยตามการรายงานของบีบีซีไทยนั้น สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ทรงมีปฐมบรมราชโองการว่า “ในวาระการขึ้นครองราชย์นี้ ข้าพเจ้าขอสัญญาว่าจะดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาทของสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวง และสมเด็จพระจักรพรรดิในอดีตทุกพระองค์ รวมทั้งจะอุทิศตนให้กับการพัฒนาตนเอง”
“ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตนตามกรอบรัฐธรรมนูญ ทั้งจะทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของรัฐและศูนย์รวมใจของชาวญี่ปุ่นให้สมบูรณ์ ในขณะเดียวกัน ข้าพเจ้าจะระลึกถึงประชาชนอยู่เสมอและยืนหยัดเคียงข้างพวกเขาตลอดไป”
“ข้าพเจ้าขอภาวนาด้วยใจจริงเพื่อสันติสุขของประชาชน ความเจริญก้าวหน้าของชาติบ้านเมือง และสันติภาพโลก”