ThaiPublica > เกาะกระแส > รพ.ศิริราชปลูกถ่าย 3 อวัยวะ หัวใจ-ตับ-ไต สำเร็จในผู้ป่วยรายเดียว ครั้งแรกในเอเชีย

รพ.ศิริราชปลูกถ่าย 3 อวัยวะ หัวใจ-ตับ-ไต สำเร็จในผู้ป่วยรายเดียว ครั้งแรกในเอเชีย

3 พฤษภาคม 2018


เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 โรงพยาบาลศิริราชแถลงข่าว “ปลูกถ่าย 3 อวัยวะ หัวใจ-ตับ-ไต สำเร็จในผู้ป่วยรายเดียว ครั้งแรกในเอเชีย”
รศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ศัลยแพทย์ปลูกถ่ายตับและหัวหน้าทีมศัลยแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะ

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 โรงพยาบาลศิริราชแถลงข่าว “ปลูกถ่าย 3 อวัยวะ หัวใจ-ตับ-ไต สำเร็จในผู้ป่วยรายเดียว ครั้งแรกในเอเชีย” โดย รศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ศัลยแพทย์ปลูกถ่ายตับและหัวหน้าทีมศัลยแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะ กล่าวว่า ได้ผ่าตัดปลูกถ่ายหัวจ ตับ และไต ให้กับนายรชานนท์ รุ่งสว่าง จากผู้บริจาครายเดียว เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2560 ใช้เวลานานถึง 12 ชั่วโมง โดยเริ่มจากการปลูกถ่ายหัวใจ ตับ และไต ตามลำดับ ภายใต้การควบคุมของทีมวิสัญญีแพทย์อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการผ่าตัด ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อในหอผู้ป่วยวิกฤตเพื่อพักฟื้น และพบว่าหลังผ่าตัดวันแรก อวัยวะที่ปลูกถ่ายเริ่มทำงานได้ในระดับที่ดี ไม่พบการต่อต้านของหัวใจใหม่จากการตรวจชิ้นเนื้อหัวใจ ส่วนการตรวจอัลตราซาวด์ตับพบว่ามีเลือดมาเลี้ยงได้ดี เริ่มมีการทำงานและขจัดของเสียร่ายกายได้ดี และผลเลือดที่ตรวจเป็นระยะ อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ

อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกพบว่าไตใหม่ที่ปลูกถ่าย ยังทำงานได้ไม่ดีนัก แต่ในที่สุดก็เริ่มทำงานดีขึ้นเรื่อยๆ ปัสสาวะออกเป็นปกติ และผลการตรวจเลือด ค่าการทำงานของไตเป็นปกติ ซึ่งผู้ป่วยได้รับการรักษาในโรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2560 – 23 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นระยะเวลา 83 วัน พบว่าการรักษาเป็นที่น่าพอใจ ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านโดยปลอดภัย ส่วนอวัยวะที่ได้รับการปลูกถ่ายทั้งหมด มีการทำงานเป็นปกติดี

“จากรายงานทางการแพทย์พบว่าการปลูกถ่ายหัวใจ ตับ ไต เกิดขึ้นครั้งแรกในโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกาปี 1989 ปัจจุบันมีการปลูกถ่าย 3 อวัยวะนี้เพียง 14 ราย แต่ยังไม่มีรายงานการเปลี่ยนหัวใจ ตับ ไต ในทวีปเอเชีย ดังนั้นกล่าวได้ว่าโรงพยาบาลศิริราชเป็นแห่งแรกที่ทำการปลูกถ่าย หัวใจ ตับ ไต สำเร็จครั้งแรกในเอเชีย เมื่อปี 2560”

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช

อ.พญ.ศรีสกุล จิรกาญจนากร อายุรแพทย์โรคหัวใจและปลูกถ่ายหัวใจ เล่าว่า ผู้ป่วยรายนี้มีอายุ 26 ปี แต่เริ่มเป็นโรคไตตั้งแต่อายุ 8 ปี ในระยะแรกสามารถรักษาด้วยยาและควบคุมอาการได้ แต่ต่อมาการทำงานของไตแย่ลงเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นโรคไตวายระยะสุดท้ายในช่วงเรียนอยู่ระดับอุดมศึกษา และได้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือดมาตลอด แต่ระยะหลังผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยง่ายแม้ออกแรงเพียงเล็กน้อย แน่นท้อง ท้องโต จากการมีน้ำคั่งในช่องท้อง ซึ่งไม่ดีขึ้นหลังการฟอกเลือดและการรักษาด้วยยา จำเป็นต้องได้รับการเจาะระบายน้ำในช่องท้องเป็นระยะ

ต่อมาตรวจพบว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจล้มเหลวจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง และภาวะตับแข็งจากภาวะหัวใจล้มเหลว จึงได้รับการส่งตัวมารักษาต่อที่คลินิกหัวใจล้มเหลวโรงพยาบาลศิริราช เพื่อพิจารณาการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจ ตับ และไต โดยผู้ป่วยได้รับการตรวจประเมินอย่างละเอียดตามมาตรฐานจากทีมแพทย์สหสาขาผู้เชี่ยวชาญการปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อพิจารณาความพร้อมและข้อห้ามในการผ่าตัด จากนั้นทีมแพทย์ได้ประชุมวางแผนเพื่อเตรียมความพร้อมในการรักษาอย่างละเอียดก่อนลงมือปลูกถ่ายอวัยวะ

นายรชานนท์ รุ่งสว่าง ผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ กล่าวว่า ปัจจุบันตนมีอาการดีขึ้นหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ ไม่รู้สึกเหนื่อยง่ายเหมือแต่ก่อน ท้องเบาลง กินอาหารได้มากขึ้น เดินทางไปไหนมาไหนได้ตามปกติ และสามารถทำงานได้ เหมือนได้ชีวิตใหม่จากที่เคยหมดหวังและเกือบฆ่าตัวตาย ซึ่งผมอยากจะขอบคุณคุณหมอทุกคน และผู้ที่บริจาคอวัยวะให้ผมได้มีชีวิตใหม่

รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า ความสำเร็จของการปลูกถ่าย 3 อวัยวะในครั้งนี้มีปัจจัยสำคัญ 4 เรื่อง ประกอบด้วย1. การพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ของคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชอย่างต่อเนื่อง 2.การพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาลศิริราชที่ได้มาตรฐานมีความก้าวหน้า 3. มีเครื่องมือทางการแพทย์และเงินทุนในการรักษาที่ได้จากการบริจาคทั้งภาครัฐและผู้มีจิตศรัทธา และ 4.ทีมแพทย์มีวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันเป็นทีมหลายสาขาโดยมีคนไข้เป็นศูนย์กลาง

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า กรณีการปลูกถ่าย 3 อวัยวะครั้งนี้ถือเป็นกรณีที่ฟ้าประทานแล้วคนมาสานต่อให้บรรลุผล ซึ่งการสานต่อที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่โรงพยาบาลศิริราชพัฒนาและทำมาตลอด 130 ปี ให้กับคนไทยทั้งประเทศ

“สิ่งใดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการรักษาต่างๆให้ดีขึ้น เราจะก้าวตามให้ทัน ขณะเดียวกันในวันนี้เราไม่เพียงแค่ก้าวทัน แต่เราก้าวนำการเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่องเข้ามาในประเทศ และมีหลายเรื่องเรากำลังก้าวนำในเอเชีย เช่น การเปลี่ยนถ่าย 3 อวัยวะในครั้งนี้ คนไทยเป็นคนแรกในเอเชียที่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายสำเร็จ”

นอกจากนั้นโรงพยาบาลศิริราชจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ แต่ยังมุ่งมั่นต่อไปที่จะนำสิ่งที่ดีมาให้กับคนไทย จะเป็นแหล่งให้บริการสุขภาพกับคนไทย โรคยากๆที่รักษาไม่ได้ในอดีต อาจจะเริ่มรักษาได้ในเวลานี้ และจะรักษาได้ในอนาคต สิ่งเหล่านี้เป็นภารกิจที่เรายืนยันว่าจะทำให้กับสังคมไทยแน่นอน

พร้อมกันนั้นโรงพยาบาลศิริราชจะเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับโรงพยาบาลต่างๆในประเทศไทยที่จะมีการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ ถ้าหากมีหลายสถาบันได้มาเรียนรู้ร่วมกับศิริราช และนำเรื่องนี้ไปประยุกต์ใช้ ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับคนไทยทั้งประเทศ ขณะเดียวกันศิริราชจะไม่หยุดยั้งในการทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคภัยต่างๆ

โรงพยาบาลศิริราชจะเป็นแหล่งเรียนรู้ ซึ่งไม่เฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่อีกไม่นานผมเชื่อว่าอาจจะมีทีมแพทย์จากประเทศต่างๆเข้ามาศึกษาเรียนเรียนรู้งานจากศิริราช และจากตรงนี้จะส่งเสริมความเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์หรือ “เมดิเคิล ฮับ” (Medical Hub) ที่รัฐบาลอยากให้เป็น และชาวศิริราชทุกคนจะสืบสานพระราชปณิธานตั้งแต่รัชกาลที่ 5 มาจนถึงปัจจุบันว่าเราจะทำงานเพื่อแผ่นดิน” นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

นายรชานนท์ รุ่งสว่าง ผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน