ThaiPublica > เกาะกระแส > ส่องนาฬิกาแบรนด์ดังราคาแพง “Richard Mille” บนข้อมือเซเลบริตี้ – เรือนเดียวซื้อRolexได้ 1ถาด

ส่องนาฬิกาแบรนด์ดังราคาแพง “Richard Mille” บนข้อมือเซเลบริตี้ – เรือนเดียวซื้อRolexได้ 1ถาด

12 ธันวาคม 2017


นาฬิกาหรูที่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สวมใส่และกลายเป็นประเด็นการไม่แจ้งบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ส่งหนังสือขอความร่วมมือให้พลเอก ประวิตร ชี้แจงตามระเบียบของ ป.ป.ช. ภายใน 30 วันนั้น

สื่อหลายสำนักได้มีการนำเสนอว่า นาฬิกาหรูบนข้อมือพลเอก ประวิตร คือ Richard Mille (ริชาร์ด มิลล์ ) นาฬิกาแบรนด์ระดับโลกที่มีราคาสูง และวันนี้นาฬิการิชาร์ด มิลล์ ก็เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในเมืองไทย ไม่เฉพาะในกลุ่มผู้นิยมนาฬิกาแบรนด์ดังเท่านั้น

เว็บไซต์บริษัท ริชาร์ด มิลล์ ระบุว่า นาฬิกาเรือนแรกเปิดตัวในต้นสหัสวรรษที่ 21 หรือปี 2001 เมื่อ 16 ปีก่อน โดยใช้ชื่อเจ้าของผู้ก่อตั้งริชาร์ด มิลล์ คือรุ่น RM 001 Tourbillon ซึ่งในวงการสื่อถึงกับกล่าวว่าเป็นการปฏิวัติการผลิตนาฬิกาเลยทีเดียว และขนานนามรุ่นนี้ว่า รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ของการผลิตนาฬิกาหรือ “dawn of a new era in watchmaking”

สำนักข่าว CNBC รายงานเมื่อเดือนกันยายน 2017 ว่า บริษัทริชาร์ด มิลล์ มียอดขาย 700 ล้านดอลลาร์ เติบโตราว 20% ต่อปี

ก่อนหน้านี้ในปี 2014 สำนักข่าว CNBC รายงานว่า นาฬิการิชาร์ด มิลล์ รุ่น RM 56-02 ที่มีราคา 2 ล้านดอลลาร์จำหน่ายได้หมดหลังจากเปิดตัวในเวลาอันสั้น

CNBC รายงานว่า นาฬิการิชาร์ด มิลล์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของ “the secret billionaire’s handshake” เพราะเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีในแวดวงเศรษฐีระดับพันล้านที่มีความสามารถซื้อได้ ทั้งนี้ ริชาร์ด มิลล์ ได้สร้างปรากฏใหม่ทั้งในด้านราคาและกลไก ด้วยการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มีราคาร่วม 2.2 ล้านดอลลาร์ต่อเรือน

นาฬิการุ่นใหม่นี้คือ รุ่น RM 56-02 ซึ่งริชาร์ด มิลล์ เจ้าของได้ให้สัมภาษณ์ว่า นาฬิกา RM 56-02 ที่ใช้แซฟไฟร์มาพร้อมกลไก Tourbillon ทั้ง 10 เรือนที่ตั้งใจจะประกอบและนำออกสู่ตลาดได้รับการจองหมดแล้ว

นาฬิการุ่น RM 56-02 ต่อยอดมาจาก รุ่น RM 27-01 ซึ่งเป็นรุ่นที่ประกอบขึ้นเพื่อนักกีฬาเทนนิสชื่อดัง ราฟาเอล นาดาล เต็มไปด้วยเทคโนโลยีระดับสูงอันทันสมัย และมีตัวเรือนที่ผ่านการออกแบบ ควรค่าที่จะเป็นเครื่องหมายสถานะเหล่าเศรษฐี

RM 56-02 ราคา 2.2 ล้านดอลลาร์

การประกอบนาฬิกาแต่ละเรือนต้องใช้เวลา 40 วันติดต่อกันสำหรับงานในส่วนที่ต้องใช้เครื่องจักร การสร้างรูปทรงของชิ้นงาน และใช้เวลาอีก 400 ชั่วโมงสำหรับการประกอบกลไกแต่ละส่วนให้เข้ากัน

ริชาร์ด มิลล์ กล่าวว่า ธุรกิจนาฬิกาของเขาเติบโตสูง แม้ว่าจะมีราคาสูงเริ่มต้นที่ระดับ 170,000 ดอลลาร์ และขยับเพิ่มจากระดับนี้ โดยริชาร์ด มิลล์ ผลิตออกมาประมาณ 3,000 เรือนต่อปี เทียบกับจำนวนนับแสนเรือนของ Rolex และแบรนด์อื่นๆ ดังนั้นริชาร์ด มิลล์ จึงอยู่ในตลาด Niche

เหตุผลที่ราคาสูงตัวเรือน 3 ชั้นหน้าปัดโค้งและกลไกชั้นเยี่ยม อาจจะเป็นปัจจัยที่มากเกินพอที่จะบ่งบอกราคาของนาฬิการิชาร์ด มิลล์ และนี่คือเหตุผลว่าทำไม นาฬิการิชาร์ด มิลล์ จึงมีราคาแพง จากเว็บไซต์ thejeweller.com

ที่มาของคำถามที่ว่า ทำไมนาฬิการิชาร์ด มิลล์ จึงมีราคาแพง เกิดขึ้นในปี 2006 เมื่อ Thomas Perkins ผู้คว้าถ้วยรางวัล Perini Navi Cup การแข่งขันเรือยอชต์ ซึ่งมีริชาร์ด มิลล์ สนับสนุนการแข่งขันนั้น ประกาศผ่านรายการทีวีในสหรัฐอเมริกาช่องหนึ่งว่า ราคานาฬิการิชาร์ด มิลล์ เรือนเดียวสามารถซื้อนาฬิกา Rolex ได้ 1 ถาด

ในปี 2014 ริชาร์ด มิลล์ ได้ตอบคำถามสำนักข่าว CNBC ที่สหรัฐอเมริกาที่ว่า บริษัทได้ขายนาฬิกาที่มีราคาเรือนละ 2 ล้านดอลลาร์หมดแล้วจริงหรือ ซึ่งริชาร์ด มิลล์ ก็ตอบว่า เป็นความจริง ต้องเข้าใจว่านี่คือนาฬิกาที่มีเทคนิคมีกลไกมาก ส่งผลให้นักข่าว CNBC ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เพราะไม่นึกว่านาฬิกาจะสามารถมีราคาได้สูงขนาดนี้

เว็บไซต์นี้ได้ให้ข้อมูลเพื่อตอบคำถามที่ว่าทำไมนาฬิการิชาร์ด มิลล์ ถึงมีราคาแพง

อย่างแรก คือ ดูดี มองเห็นและจำได้ในระยะไกล ด้วยตัวเรือนสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงกลางป่อง (tonneau-shaped case ) หรือ (barrel) ที่ริชาร์ด มิลล์ ออกแบบด้วยตัวเอง จนเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ วัสดุที่ใช้ในการทำตัวเรือนมีเพียง 3 อย่าง คือ ทองคำขาว ทองคำสีกุหลาบ และไทเทนียม ซึ่งตัวเรือนที่ออกแบบโดยริชาร์ด มิลล์ นี้ มีราคาแพงและผลิตได้ยาก เพราะมี 3 ชั้นประกอบกัน คือ หน้า หลัง และตรงกลาง แต่ละส่วนพื้นผิวความโค้ง และที่สำคัญพื้นผิวที่มีความโค้งทั้ง 3 ชิ้นนี้ต้องประกบกันอย่างลงตัวในระดับความเนียนที่ 100 ของมิลลิเมตร เพื่อป้องกันความชื้นและฝุ่นละออง นอกจากนี้ยังมองเห็นโครงสร้างกลไกภายในได้อย่างชัดเจน

อย่างที่สอง ใช้วัสดุไฮเทคล้ำยุค เพราะริชาร์ด มิลล์ เริ่มใช้ตัวเรือนและฐานตัวเรือนที่มักจะใช้กันในการผลิตรถยนต์สำหรับการแข่งขัน Formula 1 รวมไปถึงสำหรับการผลิตยานอวกาศ และเรือยอชต์ที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งวัสดุเหล่านี้เป็นวัสดุที่เทคโนโลยีมีความทันสมัยล้ำยุค การนำวัสดุเหล่านี้มาใช้เป็นองค์ประกอบของนาฬิกาและความสามารถในการที่จะใช้เพื่อผลิตนาฬิกาไม่ใช่เรื่องง่าย ริชาร์ด มิลล์ ได้ใช้เวลาหลายปีทุ่มเทและลงทุนเป็นเงินหลายล้านฟรังก์สวิส เพื่อทำความเข้าใจวัสดุและเรียนรู้ที่จะนำมาใช้ในการผลิตนาฬิกา ยกตัวอย่าง ซีรีย์ รุ่น RM056 series และ RM 07-02 Lady Pink ที่ตัวเรือนทำจากคริสตัล แซฟไฟร์ ซึ่งริชาร์ด มิลล์ ต้องหาวิธีการเจียระไนคริสตัลใหม่ เพื่อให้เข้ารูปทรง tonneau case

RM 07-02 ตัวเรือนเป็น พิ้งค์แซฟไฟร์ใสมองเห็นกลไกด้านใน

อย่างที่สาม กลไกด้านในที่สูงกว่ามาตรฐาน และต้องออกแบบอย่างละเอียดลออ รวมทั้งมีการเคลือบโดยเทคนิค PVD (Physical Vapor Deposition) ช่วยให้ก้าวข้ามข้อจำกัดงานวิศวกรรมพื้นผิว ขณะที่ชิ้นส่วนกลไกใช้ไทเทเนียมผสมกับวัสดุอื่นที่คิดค้นด้วยทีมวิศวกรของริชาร์ด มิลล์ เอง ดังจะเห็นจากตัวอย่างรุ่น RM018 Boucheron ที่ wheel สร้างจากพลอยกึ่งมีค่าซึ่งผ่านวิธีการหลอมแบบใหม่ เป็นนวัตกรรมที่ใช้เวลาคิดค้น

นาฬิการิชาร์ด มิลล์ ถือว่าใกล้เคียงกับรถแข่งฟอร์มูลา 1 ที่ใช้วัสดุล้ำยุค ผ่านการประกอบด้วยมือและกลไกชั้นเยี่ยม ที่สำคัญมีการผลิตจำนวนจำกัด

ริชาร์ด มิลล์ ผู้ก่อตั้งนาฬิกาหรูระดับตำนานที่มีมาพร้อมกับระบบไฮเทค ก่อตั้งโดยริชาร์ด มิลล์ ปัจจุบันนาฬิการิชาร์ด มิลล์ เป็นหนึ่งในนาฬิการะดับโลกรายแรกที่ได้รับการยอมรับในด้านวัสดุที่ใช้ในการผลิตและกลไก และยังเป็นนาฬิการะดับโลกรายแรกที่จับนักกีฬาชื่อดังมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ และสวมใส่ริชาร์ด มิลล์ ขณะแข่งขัน

ในบทสัมภาษณ์ของริชาร์ด มิลล์ ผู้ก่อตั้งนาฬิการิชาร์ด มิลล์ ที่ตีพิมพ์ใน Forbes เดือน พฤศจิกายน 2016 ริชาร์ด มิลล์ กล่าวว่า มีความต้องการที่จะสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาตลอด และเมื่ออายุได้ 50 ปี ขณะที่ยังทำงานเป็นซีอีโอของบริษัทจิวเวลรี่อันดับต้นๆ ของฝรั่งเศสรายหนึ่งก็เริ่มตระหนักว่า จะต้องทำเดี๋ยวนี้มิฉะนั้นจะไม่ได้ทำเลย มองย้อนกลับไปก็ยังจำได้วันนั้นได้ ที่เริ่มต้นแกะสลักต้นแบบนาฬิกาของตัวเองลงบนสบู่ก้อนหนึ่ง

Richard Mille ผู้ก่อตั้งนาฬิกา Richard Mille ที่มาภาพ : https://www.hautetime.com/ceo-interview-one-on-one-with-richard-mille-founder-richard-mille-sa/80306/

ริชาร์ดบอกว่า เบื่อกับการทำการตลาดแบบเดิม จึงบอกตัวเองว่า เมื่อทำผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ทำในแนวทางที่ตัวเองต้องการ ผลิตนาฬิกาในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ ราคาของนาฬิกาจะเป็นผลของการเลือกใช้เทคนิคการผลิต ปริมาณที่จะผลิต ไม่สนใจว่าจะออกมาแพงหรือไม่ แต่จะเป็นราคาที่สมควรจะเป็น

จากนั้น ริชาร์ดก็รวบรวมทีมงานช่างทำนาฬิกาในสวิตเซอร์แลนด์ ที่จะสามารถผลักดันแนวคิดของเขาให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้ นั่นคือ เป็นนาฬิกาที่มีความซับซ้อน น่าสนใจ สวมใส่สบายและสวยงาม จากต้นแบบที่แกะลงในสบู่

แนวคิดการผลิตนาฬิกาของริชาร์ดยึดหลัก 3 ประการ คือ ข้อแรก ต้อมีเทคนิคและนวัตกรรมที่ดีที่สุดไม่ว่าจะใช้เงินเท่าไร ข้อสอง ต้องมีศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุดไม่ว่าจะใช้เงินเท่าไร และข้อสาม ต้องมีมรดกมีวัฒนธรรมของการประกอบนาฬิกาด้วยมือคนที่ดีที่สุดไม่ว่าจะใช้เงินเท่าไร

การที่ริชาร์ดมีความชื่นชอบในการขับรถแข่ง จึงเริ่มผลิตนาฬิกาให้กับนักขับฟอร์มูลา 1 โดย Felipe Massa นักขับดาวเด่นของฟอร์มูลา 1 เป็นรายแรกที่ได้สวมใส่นาฬิการิชาร์ด มิลล์ จากนั้น ริชาร์ดได้ขยายไปสู่วงการกีฬาอื่น ทั้ง กอล์ฟ เทนนิส เรือใบ เพราะรักที่จะท้าทายตัวเองในการผลิตนาฬิการให้กับกีฬาแต่ละประเภท

ริชาร์ดไม่สนใจการตลาดแบบดั้งเดิม เพราะรู้ดีว่าเขาผลิตนาฬิกาให้กับคนที่เหมาะสม ดังนั้นจึงกำหนดเพียงเงื่อนไขเดียวคือต้องใส่นาฬิการิชาร์ด มิลล์ ขณะแข่งขัน ยกตัวอย่างเช่น Rafael Nadal นักเทนนิสชื่อดังที่ใส่นาฬิการิชาร์ด มิลล์ ขณะแข่งส่วนนักกอล์ฟ Bubba Watson ก็ใส่นาฬิการะหว่างแข่งเช่นกัน รวมไปถึง Pablo MacDonough นักกีฬาโปโล ซึ่งนาฬิกาที่ Nadal หรือ Watson สวมใส่เป็นรุ่นลิมิเต็ดที่ลดแรงกระแทกและกันสั่นสะเทือน ต่างจากนาฬิกาหรูในตลาดรายอื่นๆ

ริชาร์ดยังเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนการแข่งขันกีฬาหลายรายการ เช่น Le Mans Classic , Chantilly Arts & Elegance ริชาร์ด มิลล์, Les Voiles des St Barth yacht regatta, Lacoste Ladies Open golf tournament

ในการให้สัมภาษณ์Hautetime ปี 2016 ริชาร์ด มิลล์ กล่าวว่า ปี 2015 บริษัทผลิตนาฬิกา 3,200 เรือน และปี 2016 คาดว่าน่าจะผลิตได้ 3,600-3,700 เรือน สำหรับเขาแล้ว การที่ได้ออกแบบนาฬิกาเป็นการเติมเต็มความฝัน แนวคิด แต่ก็ผ่านกระบวนการการคิดว่าว่าจะออกแบบเพื่ออะไรและเหมาะกับโลกหรือไม่

ยกตัวอย่างเช่น การใช้วัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ มีการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า รวมไปถึงการเสื่อมสภาพ เพื่อให้มั่นใจอย่างแท้จริง เนื่องจากนาฬิกาในระดับราคานี้จะต้องอยู่คู่โลกไปอีกนานหลายร้อยปี

ริชาร์ดกล่าวว่า การเลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ที่เป็นนักกีฬามีเงื่อนไขเดียวคือให้สวมใส่ขณะแข่ง เพราะเป็นบทพิสูจน์ได้ว่านาฬิกามีความคงทนและใช้งานได้จริง นอกจากจะเลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์จากการตกลงที่จะสวมใส่นาฬิกาขณะแข่งแล้ว ริชาร์ดยังเลือกจากบุคลิกภาพ เป็นคนที่อัธยาศัยดี และมักจะร่วมงานกันนาน ไม่ว่านักกีฬารายนั้นจะมือขึ้นหรืออันดับลดลง ซึ่งก็จะส่งผลให้ลูกค้าเห็นได้ว่า เมื่อบริษัทดีต่อพาร์ตเนอร์ ก็ย่อมจะดีกับลูกค้าเช่นกัน

เซเลบริตี้ที่ใส่ริชาร์ด มิลล์ นาฬิการิชาร์ด มิลล์ เป็น 1 ในแบรนด์นาฬิกาหรูระดับทอปที่เหล่าเซเลบริตี้ในหลายวงการ ทั้ง ดารา นักแสดง นักกีฬา นักดนตรี ชื่อดังนิยมสวมใส่

รายงานข่าวของ CNBC ระบุว่า Rafael Nadal ได้ร่วมทำงานกับริชาร์ด มิลล์ และเปิดตัวนาฬิการิชาร์ด มิลล์ รุ่นแรกที่มี Nadal เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในปี 2010 ในราคา 525,000 ดอลลาร์ ต่อมาในปี 2013 ได้เปิดตัวรุ่นใหม่คือ RM027-01 ที่มีราคา 690,000 ดอลลาร์ Nadal ใส่ริชาร์ด มิลล์ ในการแข่งขันอีกครั้งปี 2017 ตามรายงานของ

Rafael Nadal กับ RM 27-03

ในรายงานข่าว 25 Top Watches Hollywood Loves ระบุว่า Kevin Hart ซึ่งเป็นดารานักแสดงคนหนึ่งที่หลงใหลในนาฬิกา โดยแบรนด์ที่ชื่นชอบ ได้แก่ Audemars Piguet, Patek Philippe, Rolex และริชาร์ด มิลล์ ซึ่งริชาร์ด มิลล์ ที่ Kevin มีไว้คือรุ่น RM 035 Americas Rafael Nadal จัดเป็น Limited Edition เพราะมี 50 เรือนเท่านั้น ราคา 120,000 ดอลลาร์ จากริชาร์ด มิลล์ สาขา Beverly Hills

นอกเหนือจากนี้ยังมีคนดังคนอื่นที่สวมใส่ริชาร์ด มิลล์ ตามรายงานของ thejewelleryeditor.com ในปี 2016 ได้แก่ Wayde van Niekerk นักวิ่ง ชื่อดังชาวแอฟริกาใต้ ทั้งนี้เมื่อ Wayde วิ่งเข้าเส้นชัยระยะทาง 400 เมตรพร้อมสถิติใหม่ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ บราซิล สายตาของผู้ชมการแข่งขันได้พุ่งไปที่นาฬิกาบนข้อมือที่มีสายสีส้มเหมือนของ Rafael Nadal ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกาหลายคนยืนยันว่าเป็นนาฬิกาแบรนด์ริชาร์ด มิลล์

Wayde van Niekerk ที่มาภาพ : http://www.thejewelleryeditor.com/watches/know-how/who-wears-richard-mille-watches/

รายชื่อเพื่อนและแบรนด์แอมบาสเดอร์ของริชาร์ด มิลล์ ยังประกอบด้วยนักวิ่งชื่อดังอีกคนหนึ่งคือ Yohan Blake, นักกอล์ฟหญิง Diana Luna, นักเทนนิสดาวรุ่งจากเยอรมนี Alexandre Zverev นักขับฟอร์มูลา 1 อีกราย Romain Grosjean นักแข่งแรลลี Sebastien Loeb กับ Sebastien Ogier นักแสดง Jackie Chan, Michelle Yeoh, Natalie Portman รวมไปถึงเชฟชื่อดัง Carlo Cracco ตลอดจนนักออกแบบท่าเต้น Benjamin Millepied

บรรดาเซเลบริตี้ที่สวมใส Richard Mille(ภาพจากhttp://www.thejewelleryeditor.com/watches/know-how/who-wears-richard-mille-watches/)

แม้ผู้จัดจำหน่ายจะไม่เปิดเผยว่าใครบ้างที่เป็นลูกค้าริชาร์ด มิลล์ แต่รายงานชิ้นนี้ระบุชื่อลูกค้าคนสำคัญ อย่างเช่น ในกลุ่มศิลปินฮิปฮอปแรปเปอร์ คือ Pharrell Williams และ Kanye West กลุ่มนักร้องนักดนตรี Ed Sheeran กับ Seal and Chris Brown ดารานักแสดงตลก Kevin Hart, Terry Crews, Joe Maganiello กลุ่มนักฟุตบอลคือ Neymar da Silva ผู้จัดการฟุตบอลอิตาลี Roberto Mancini

ในวงการเมือง Dmitry Peskov โฆษกนายกรัฐมนตรีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ใสริชาร์ด มิลล์ RM 52-01 ซึ่งมีราคา 500,000 ดอลลาร์ในงานแต่งงาน จึงเป็นที่มาของข้อกล่าวหาคอร์รัปชันต่อ Dmitry Peskov เพราะมีราคาสูงกว่าเงินเดือนที่เขาได้รับถึง 4 เท่า

ข้อมูลรายงานข่าวนี้ระบุว่า มีริชาร์ด มิลล์ Boutique 30 แห่งและมี Official Retailer 44 แห่งทั่วโลก

ในปี 2013เว็บไซต์ therichest.com รายงานการจัดอันดับ ริชาร์ด มิลล์ รุ่นที่แพงที่สุดไว้ 11 รุ่นด้วยกัน โดยรุ่นที่มีราคาต่ำสุดในกลุ่มนี้มีราคา 500,000 ดอลลาร์ ที่นักกอล์ฟชื่อดัง Bubba Watson ใส่ ส่วนรุ่นที่แพงที่สุดคือ RM 56 Sapphire ราคา 1.56 ล้านดอลลาร์ แต่ในปี 2014 ได้เปิดตัว รุ่นRM 56-02 ที่มีราคา 2.2 ล้านดอลลาร์ออกมาในเว็บไซต์บริษัท

นาฬิกาบนข้อมือพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นรุ่นอะไร แต่พอที่จะเทียบเคียงได้อยู่ 4 รุ่นด้วยกัน โดยเป็นการเทียบเคียงด้วยภาพและราคาในเว็บไซต์ The Watch Quote ดังนี้

หนึ่ง รุ่น RM 21 ราคา 378.000 ปอนด์ คำนวณเงินบาทจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2560 ที่ราคาเฉลี่ย 44.45 บาท ได้ 16.8 ล้านบาท

สอง รุ่น RM 22 ราคา 402,500 ปอนด์หรือ 17.8 ล้านบาท

สาม รุ่น RM14 ราคา 296,500 ปอนด์หรือ 13.17 ล้านบาท

สี่ รุ่น RM 03 ราคา 307,000 ปอนด์หรือ 13.64ล้านบาท

นาฬิกาบนข้อมือของพลเอก ประวิตร จะเป็นริชาร์ด มิลล์ รุ่นใด ต้องรอผลการชี้แจงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.