ThaiPublica > เกาะกระแส > “บิ๊กป้อม” โยน 6 คำถามให้นายกฯตอบ-ยัน คสช.เป็นมิตรทุกฝ่าย -มติครม.ยกเว้น VAT หนุนซื้อ-ขายทองผ่าน TFEX

“บิ๊กป้อม” โยน 6 คำถามให้นายกฯตอบ-ยัน คสช.เป็นมิตรทุกฝ่าย -มติครม.ยกเว้น VAT หนุนซื้อ-ขายทองผ่าน TFEX

14 พฤศจิกายน 2017


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน แทน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ติดภารกิจร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน 2560 ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และจะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยในเวลา 02.30 น.ของวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้

การประชุมสุดยอดอาเซียนในครั้งนี้ นอกจากการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนด้วยกันแล้ว ยังเป็นการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้นำประเทศคู่เจรจา ประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย และเลขาธิการสหประชาชาติ การประชุมอาเซียนบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี) การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก และการประชุมผู้นำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค โดยปีนี้จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำวาระพิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์อาเซียนกับสหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหภาพยุโรปด้วย

“บิ๊กป้อม” โยน 6 คำถามให้นายกฯตอบเอง-ยัน คสช. เป็นมิตรทุกฝ่าย

พล.อ. ประวิตร กล่าวถึงความร่วมมือของประชาชนในการตอบคำถาม 6 ข้อของนายกรัฐมนตรีว่า ตนไม่ได้สนใจว่าคนจะมากน้อยขนาดไหน แล้วแต่ประชาชน ที่บรรยากาศไม่คึกคักเพราะ ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น โดยปฏิเสธเรื่องการเกณฑ์คนมาตอบคำถาม ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ กล่าวในรายการต้องถาม ทางสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ คำถามนี้ไม่ได้เน้นในเรื่องใดทั้งนั้น จะเป็นการหยั่งเสียงประชาชนหรือไม่ ต้องไปถามนายกรัฐมนตรีเอง ท่านอยากรู้เข้าตัวท่านเอง แต่ท่านไม่ได้ตั้งพรรคการเมือง

เมื่อถามถึงคำถามที่ 2 ที่ระบุว่า การที่ คสช. จะสนับสนุนพรรคการเมืองใดก็ถือเป็นสิทธิ์ของ คสช. ใช่หรือไม่ เพราะนายกฯ ก็ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่แล้ว เป็นคำถามที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดอย่างนั้น คำถามดังกล่าวเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีอยากจะรู้จากประชนเท่านั้น ไม่ได้ต้องการนักการเมือง

จากกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาวิจารณ์อย่างรุนแรงว่าเป็นคำถามที่ไม่ให้เกียรตินักการเมือง พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า เป็นการมองกันคนละแง่ พร้อมถามกลับว่าคำถามนี้ไม่ได้ถามนักการเมืองใช่ไหม อย่างไรก็ตามพรรคการเมืองจะมองอย่างไรนั่นเป็นความคิดของเขา เขาคิดอย่างไร ก็ออกมาพูด ซึ่งตนไม่มีปัญหาอะไร ส่วนจะเป็นการผลักมิตรให้เป็นศัตรูหรือไม่นั้น ยืนยันว่า คสช. ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร เป็นมิตรกับทุกคน ทุกพรรค ตอนนี้ยังไม่ได้สนับสนุนพรรคใดเลย ยังไม่มีอะไรเลย ไปถามล่วงหน้าจะตอบได้อย่างไร

เมื่อถามว่าการตั้งคำถาม 4 ข้อและ 6 ข้อ ครั้งนี้เป็นการดำเนินการเชิงรุกทางการเมืองของ คสช. หรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า “ผู้สื่อข่าวก็มองไปกันเอง ทำไมไม่มองไปในทางที่บริสุทธิ์บ้าง ว่าท่านนายกฯ ต้องการรู้จักประชาชน ต้องการดูเสียงจากประชาชนว่าอย่างไร”

เมื่อถามต่อว่าหากเสียงบอกให้ตั้งพรรค ก็จะตั้งใช่หรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า “ก็ยังไม่รู้ ยังไม่รู้อะไรเลย มาถามไปข้างหน้าหมด ยังไม่เกิดอะไรเลย แล้วจะให้ผมตอบไปข้างหน้าได้อย่างไร ในเมื่อข้างหน้ายังไม่ออก แล้วจะไปตอบอย่างไร” เมื่อถามว่าประเมินสถานการณ์ข้างหน้าว่าเป็นอย่างไร พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า “ไม่ ยังไม่วาง เรื่องของท่านนายกฯ จบ เปลี่ยนเรื่อง

คสช.แจงยังไม่ได้หารือปลดล็อกเลือกตั้งท้องถิ่น

พล.อ. ประวิตร กล่าวถึงการเลือกตั้งท้องถิ่น ว่า คสช. จะเป็นผู้กำหนดการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งต้องให้ คสช. พิจารณาก่อนจะเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนหรือไม่ แต่อย่างไรก็ยังไม่แน่นอน เพราะขณะนี้ยังไม่มีการหารือกัน ส่วนเรื่องการปลดล็อกทางการเมืองให้เลือกตั้งท้องถิ่นนั้น ยังเป็นเรื่องต้องพิจารณาในขั้นตอนดูว่าจะเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้มีการส่งสัญญาณเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ เรื่องดังกล่าวต้องฟัง คสช. ตนตอบอะไรไม่ได้ หากตอบไปไม่ตรงจะเกิดความเสียหาย สำหรับเรื่องกิจกรรมที่สามารถทำได้ในการเรื่องตั้งท้องถิ่น เรื่องนี้ต้องไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะเป็นเรื่องของเขา เขาเป็นองค์กรอิสระ ไม่ต้องมาฟัง คสช. ซึ่งหากมีการปลดล็อกให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้นตนไม่มีความกังวลอะไร ถ้ามีจะปลดทำไม

ยันไม่รู้ปรับ ครม.- ปัดตอบโยก “จักรทิพย์” นั่ง รมต.

พล.อ. ประวิตร กล่าวถึงเรื่องการปรับ ครม. ว่า วันนี้ไม่มีการคุยเรื่องดังกล่าวในที่ประชุม ซึ่งไม่มีใครทราบทั้งนั้น แม้แต่ตนยังไม่รู้เลยว่าจะได้อยู่ต่อหรือไม่ เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีรู้อยู่คนเดียว และนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้มาปรึกษาเรื่องดังกล่าวกับตน ทุกอย่างแล้วแต่ท่าน ท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาล กรณีกระแสข่าวว่ามีรัฐมนตรีบางท่านเตรียมเก็บของแล้วนั้น เป็นเรื่องที่นักข่าวเขียนกันไปเอง

เมื่อถามว่า สำหรับ พล.อ.ประวิตรแล้วใจยังสู้หรือไม่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ ผมยังไม่รู้ตัวผมเลย” เมื่อถามว่าตอนนี้สุขภาพแข็งแรงดีใช่ไหม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้” เมื่อถามว่า คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์จะกล้าปรับพล.อ.ประวิตร ออกจากครม.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร หัวเราะเบาๆ ก่อนตอบว่า “ไปถามนายกฯ สิ ถามอะไรผมล่ะ”

พล.อ. ประวิตร กล่าวถึงกระแสข่าวการแต่งตั้งโยกย้าย พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาเป็นรัฐมนตรี และให้ พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เป็น ผบ.ตร. แทนว่า หากสื่ออยากย้าย ก็ย้ายเลย ไม่จำเป็นต้องยืนยันกระแสข่าว ให้รอดูกันเอง

เมื่อถามว่าเป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.อ. จักรทิพย์ โดนเลื่อยขาเก้าอี้ตลอด พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ เพราะไม่ได้เป็นคนเลื่อย เมื่อถามว่าส่วนตัวมองว่าคุณสมบัติของ พล.ต.อ. จักรทิพย์ นั้นสามารถที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีได้หรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ตนที่จะพิจารณาเรื่องคุณสมบัติ ไม่เกี่ยวกับตน เป็นเรื่องของนายกฯ

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

มติ ครม. มีดังนี้

ยกเว้น VAT หนุนซื้อ-ขายทองผ่านตลาด TFEX

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้อขายทองคำแท่งตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีการรับมอบส่งทองคำแท่ง) เพื่อเป็นการสนับสนุนการซื้อขายและส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% และเป็นการสร้างเสถียรภาพต่อระบบการเงิน

โดยกำหนดให้บุคคลธรรมดาผู้มีเงินได้จาก 1) การขายทองคำแท่งตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (เฉพาะกรณีที่มีการโอนด้วยวิธีการโอนทางบัญชี) และ 2) เงินชดเชยเลื่อนการรับส่งมอบทองคำ สามารถหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ของเงินได้จากผลต่างระหว่างราคาขาย ณ วันเปิดสัญญากับราคาทองคำแท่งสำหรับการส่งมอบ ณ วันที่แจ้งความประสงค์และได้จับคู่ส่งมอบทองคำแท่ง หรือ ณ วันครบกำหนดอายุสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือของเงินชดเชยดังกล่าว และเมื่อถึงกำหนดยื่นรายการเพื่อเสียภาษีให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้ดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ดังกล่าวไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักภาษีไว้นั้นคืนหรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายทองคำแท่งตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฯ ทั้งนี้เฉพาะทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% ที่ยังไม่ได้ประกอบขึ้นเป็นทองรูปพรรณหรือของรูปพรรณ

มาตรการนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนให้ภาครัฐสามารถกำกับดูแลการซื้อขายทองคำได้ง่ายขึ้น โดยมีกฎหมายกฎเกณฑ์และหน่วยงานกำกับดูแลที่ชัดเจน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของระบบการเงินไทยจากช่องว่างที่มีผู้เข้ามาประกอบธุรกิจให้บริการซื้อขายทองคำแท่งแบบออนไลน์ที่ไม่มีการกำกับดูแล รวมทั้งเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนในการซื้อขายทองคำ จากเดิมที่ต้องไปซื้อขายที่ร้านทองกัน นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับมาตรฐานการซื้อขายทองคำแท่งให้ทัดเทียมกับการซื้อขายทองคำแท่งในต่างประเทศและพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายทองคำแท่งในภูมิภาค สำหรับผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐคาดว่าจะมีการสูญเสียรายได้ภาครัฐบางสว่น แต่เป็นกรณีที่มิใช่เป็นการประกอบการกิจการเป็นการทั่วไป จึงไม่มีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้โดยรวม นายณัฐพร

สำหรับบริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX เป็นศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เป็นทางการภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยปัจจุบัน TFEX ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้มีการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทองคำที่มีการส่งมอบสินค้าอ้างอิง คือ Gold-D Futures เป็นสัญญาแรก โดย 1 สัญญามีค่าเท่ากับทองคำ 100 กรัม และกำหนดให้มีการส่งมอบทองคำจริงกำหนดไว้ที่ 1 กิโลกรัม หรือ 10 สัญญา โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 มีการซื้อ-ขายทองคำผ่านตลาด TFEX คิดเป็นมูลค่า 12,000 ล้านบาท

เลื่อนก่อหนี้-เบิกจ่ายเงินโครงการลงทุนอปท.-รัฐบาลถึง 31 มี.ค.61

นายณัฐพร กล่าวว่า ครม. มีมติขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายเงินโครงการตามมาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ และสังคมในท้องถิ่น ออกไปเป็นภายในเดือนมีนาคม 2561 จากเดิมที่ ครม. มีมติเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2559 เห็นชอบในหลักการมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยสนับสนุนการลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลและ อปท. (Matching Fund) ได้อนุมัติกรอบวงเงินลงทุน 19,795 ล้านบาท โดยรัฐบาลอุดหนุนครึ่งหนึ่ง และกำหนดให้ต้องก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จในไตรมาส 1 และ 2 ของปีงบประมาณ 2560 ตามลำดับ ต่อมาวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 ครม. มีมติให้ขยายกรอบเวลาให้ก่อหนี้ผูกพันในกรณีที่ อปท. ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วภายในปีงบประมาณ 2560 และเบิกจ่ายตามงวดงานต่อไป พร้อมทั้งขยายเวลาส่งโครงการได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2560

ในภายหลังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ได้เสนอขออนุมัติงบกลางจำนวน 185.72 ล้านบาทเพื่อไปสบทบกับ อปท. อีก 225.6 ล้านบาท รวมเป็น 411.33 ล้านบาท อีก 517 โครงการ 38 จังหวัด ซึ่งเป็นโครงการที่ตรวจสอบแล้วว่ามีความพร้อมในการดำเนินการและเป็นโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้ขอรับการสนับสนุน

อย่างไรก็ตาม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้รับแจ้งจากสำนักงบประมาณในวันที่ 26 กันยายน 2560 ว่าได้เบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2560 จำนวน 176.04 ล้านบาท สมทบกับเงินของ อปท. อีก 221.77 ล้านบาท รวมเป็นวงเงิน 397.81 ล้านบาท รวม 511 โครงการ ทำให้กรมฯ ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายได้ไม่ทันตามมติก่อนหน้านี้และต้องขอขยายระยะเวลา อนึ่ง ผลการดำเนินงานในปัจจุบันทั้ง 2 ครั้งมีจำนวนโครงการ 3,223 โครงการ วงเงิน 2,802.56 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสนับสนุนจากรัฐบาล 1,247.13 ล้านบาท และ อปท. อีก 1,555.43 ล้านบาท

ขยายกรอบเวลาโครงการชลประทานขนาดใหญ่ 3 แห่ง

นายณัฐพร กล่าวว่า ครม. อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ วงเงิน 10,500 ล้านบาท จากระยะเวลาเดิม 9 ปี ตั้งแต่ปี 2553-2561 เป็น 14 ปีตั้งแต่ปี 2553-2566, โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ วงเงิน 4,800 ล้านบาท จากระยะเวลาเดิม 8 ปีตั้งแต่ปี 2554-2561 เป็น 11 ปีตั้งแต่ 2554-2564 และโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ วงเงิน 15,000 ล้านบาท จากระยะเวลาเดิม 6 ปีตั้งแต่ปี 2555-2560 เป็น 11 ปีตั้งแต่ปี 2555-2565

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ความล่าช้าของโครงการเกิดจากการจัดหาที่ดิน เนื่องจากเจ้าของบางรายไม่ยอมรับราคาค่าทดแทนที่ภาครัฐกำหนด รวมทั้งบางแปลงติดข้อกฎหมายทำให้ต้องออกกฎหมายเวนคืนที่ดิน นอกจากนี้ยังมีปัญหาบางพื้นที่เป็นพื้นที่ป่าที่ต้องขออนุญาตเพิกถอนความเป็นอุทยานแห่งชาติก่อน

เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของผู้นำอาเซียน-แคนาดา

พ.อ. อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของผู้นำอาเซียน-แคนาดา ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-แคนาดา ในโอกาสครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-แคนาดา โดยมีสาระสำคัญของร่างถ้อยแถลงร่วมฯ เน้นย้ำถึงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับแคนาดาในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ในด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมทั้งด้านประชาชนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมาโดยตลอด โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน และสนับสนุนสันติภาพ เสถียรภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในประชาคมโลก

เห็นชอบรายงานการประชุม ASEAN-EU ด้านความยั่งยืน

พ.อ. อธิสิทธิ์ กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบเอกสารผลการประชุม ASEAN-EU Dialogue on Sustainable Development โดยมีสาระสำคัญของร่างถ้อยแถลงข่าวของประธานร่วมของการประชุมฯ ดังนี้ 1) การเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ในกระบวนการบูรณาการระดับภูมิภาค 2) การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน 3) การเปิดตัวโครงการความร่วมมือใหม่ระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป 4) การใช้ประโยชน์จากข้อริเริ่มและโครงการต่างๆ ของอาเซียนในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน 5) การขับเคลื่อนประเด็นคาบเกี่ยวที่จะช่วยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้หลายเป้าหมาย 6) การให้ความสำคัญกับบทบาทของภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาควิชาการในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน และ 7) การติดตามผลจากการประชุมฯ โดยแสวงหาข้อริเริ่มความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการพัฒนาแผนงานความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป และการจัดตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อส่งเสริมการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน

เห็นชอบร่างแถลงการณ์ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย – ยุโรป ครั้งที่ 13

พ.อ. อธิสิทธิ์ กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 13 (13th ASEM Foreign Ministers’ Meeting: ASEM FMM 13) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-21 พฤศจิกายน 2560 ณ กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ดังกล่าวจะเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ที่แสดงความมุ่งมั่นและเจตนารมณ์ทางการเมืองของที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ที่ประเทศสมาชิก ASEM ให้ความสำคัญ ได้แก่

    1) ความเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกัน การเคารพซึ่งกันและกัน และการมีผลประโยชน์ร่วมกันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยครอบคลุมด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การคมนาคม การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การศึกษา

    2) การส่งเสริมสันติภาพ ซึ่งที่ประชุมได้ให้คำมั่นต่อการต่อต้านการก่อการร้าย การใช้ความรุนแรงอย่างสุดโต่ง และการนิยมความรุนแรงทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับพหุภาคี

    3) การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจะเร่งรัดในการอนุวัติเป้าหมายของวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ค.ศ. 2030 (เช่น การขจัดความยากจน การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก)

    4) อนาคตของการประชุมเอเชีย-ยุโรป เช่น การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 14 คาดว่าจะจัดขึ้นที่ราชอาณาจักรสเปน

อ่าน มติครม.วันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ที่นี่!