ThaiPublica > เกาะกระแส > เปิดราคาบุหรี่-เหล้า-เบียร์ หลังสรรพสามิตขยับโครงสร้างภาษี

เปิดราคาบุหรี่-เหล้า-เบียร์ หลังสรรพสามิตขยับโครงสร้างภาษี

17 กันยายน 2017


นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต แถลงข่าวปรับโครงสร้างภาษี เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2560 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม กรมสรรพสามิต

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2560 เวลา 10.00 น. นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต แถลงข่าว หลังจากกฎกระทรวงกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิต กฎหมายลูกของพระราชบัญญัติสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ นายสมชายกล่าวว่า การปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้นำระบบแบบผสมมาใช้ในการจัดเก็บภาษีสุราและยาสูบ โดยใช้ “ราคาขายปลีกแนะนำ” เป็นฐานในการคำนวณภาษีแทนราคาหน้าโรงงาน กล่าวคือ ในอดีต กรมสรรพสามิตใช้วิธีการคำนวณภาษีตามมูลค่าหรือคำนวณตามปริมาณ วิธีไหนรัฐได้เม็ดเงินภาษีมากที่สุดให้ใช้วิธีนั้น แต่หลังจากกฎหมายฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ กรมสรรพสามิตจะเก็บภาษีสุราทั้งตามมูลค่าและตามปริมาณรวมกัน

ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดเก็บภาษีสะท้อนถึงความฟุ่มเฟือยและคำนึงถึงสุขภาพของประชาชน จึงทำการปรับลดอัตราภาษีตามมูลค่าลง แต่ปรับเพิ่มอัตราภาษี ทำให้สัดส่วนของอัตราภาษีสุราเปลี่ยนแปลง จากเดิมกรมสรรพสามิตเก็บภาษีสุราตามมูลค่า 80% เก็บภาษีตามปริมาณ 20% โครงสร้างภาษีใหม่ เก็บตามมูลค่าในสัดส่วน 45% ตามปริมาณ 55% ทั้งนี้เพื่อ ให้สอดคล้องกับหลักสากล ส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคสุราที่มีดีกรีต่ำ ลดปัญหาสุราเถื่อน ส่วนสาเหตุที่ต้องปรับลดอัตราภาษีตามมูลค่า เนื่องจากกรมสรรพสามิตเปลี่ยนฐานในการคำนวณภาษีจากราคาขายส่งช่วงสุดท้ายไปใช้ราคาขายปลีกแนะนำ ซึ่งมีราคาสูงกว่า เพื่อไม่ให้มีภาระภาษีเพิ่มขึ้นมากนัก ตามหลักรายได้คงที่ (Revenue Neutrality) จึงปรับลดอัตราภาษีตามมูลค่าลง

นายสมชายกล่าวว่า ในส่วนของยาสูบก็ใช้วิธีการจัดเก็บภาษีแบบผสมเช่นเดียวกัน คือ เก็บภาษีทั้งตามมูลค่าและตามปริมาณรวมกัน โดยใช้ “ราคาขายปลีกแนะนำ” เป็นฐานคำนวณภาษีเช่นเดียวกับสุรา โดยการจัดเก็บภาษีตามปริมาณนั้น กรมสรรพสามิตจะเก็บภาษีบุหรี่มวนละ 1.20 บาท หรือซองละ 24 บาท จากนั้นทั้งผู้นำเข้าและโรงงานยาสูบต้องเสียภาษีตามมูลค่าด้วย ซึ่งมี 2 อัตรา คือ สำหรับบุหรี่ที่มีราคาขายปลีกเกินซองละ 60 บาท ต้องเสียภาษีตามมูลค่าอีก 40% ของราคาขายปลีก ส่วนบุหรี่ที่ราคาขายปลีกไม่เกิน 60 บาทต่อซอง เสียภาษีตามมูลค่า 20% ของราคาขายปลีก เป็นเวลา 2 ปี หลังจากนั้นให้เสียภาษีที่อัตรา 40% ของราคาขายปลีก

ส่วนภาษีเครื่องดื่ม นายสมชายกล่าวว่า เน้นไปที่ปริมาณความหวาน โดยกรมสรรพสามิตเก็บภาษีเครื่องดื่มทั้งตามมูลค่าและตามปริมาณความหวาน เช่น ชา กาแฟ ต้องเสียภาษีตามค่าความหวานทั้งมูลค่าและปริมาณ ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีค่าความหวานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ต้องเสียภาษีตามปริมาณค่าความหวานที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตจะให้เวลาผู้ประกอบการลดค่าความหวานลงภายใน 6 ปี โดยอัตราภาษีตามปริมาณความหวานจะทยอยปรับขึ้นทุกๆ 2 ปี

“การปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพของประชาชน เช่น เหล้าที่มีดีกรีสูงๆ ก็ต้องเสียภาษีมากกว่าที่มีดีกรีต่ำ และถ้าเป็นเหล้า-บุหรี่ที่มีราคาแพง ก็ต้องเสียภาษีตามมูลค่า ทั้งนี้เพื่อลดการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย รวมทั้งสร้างความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการ และไม่เป็นภาระกับประชาชนมากนัก คาดว่ากรมสรรพสามิตจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 2.54% หรือประมาณ 13,066 ล้านบาท” นายสมชายกล่าว

นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต กล่าวว่า สำหรับการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาของสินค้าหลายรายการที่เสียภาษีสรรพสามิต ดังนี้ สุราขาว หรือเหล้าขาวภาระภาษีเพิ่มขึ้น 0.84-3.49 บาท/ขวด สุรากลั่นหรือสุราสีผลิตในประเทศ ภาระภาษีเพิ่มขึ้น 8-30 บาท/ขวด สุรากลั่นหรือสุราสีนำเข้าจากต่างประเทศ ภาระภาษีลดลง 3-26 บาท/ขวด เบียร์ราคาถูก ภาระภาษีเพิ่มขึ้น 0.50-2.66 บาท/ขวด เบียร์ราคาแพง ภาระภาษีลดลง 0.99-2.05 บาท/ขวด ไวน์ผลิตในประเทศราคาไม่เกิน 1,000 บาท ภาระภาษีลดลง 25 บาท/ขวด ไวน์นำเข้าจากต่างประเทศภาระภาษีเพิ่มขึ้น 110 บาทขึ้นไป และบุหรี่ราคาต่ำกว่า 60 บาท ภาระภาษีเพิ่มขึ้น 4-15 บาท/ซอง ส่วนบุหรี่ราคาเกิน 60 บาท ภาระภาษีเพิ่มขึ้น 2-14 บาท/ซอง

เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมไม่ผสมน้ำตาล ภาระภาษีลดลง 0.25-0.36 บาทต่อขวด น้ำอัดลมที่ผสมน้ำตาล ภาระภาษีเพิ่มขึ้น 0.13-0.50 บาทต่อขวด เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ภาระภาษีเพิ่มขึ้น 0.32-0.90 บาทต่อขวด ยกเว้นเครื่องดื่มบำรุงกำลังขนาด 150 ซีซี ภาระภาษีลดลง 0.11 บาท/ขวด น้ำพืชผักผลไม้ภาระภาษีเพิ่ม 0.06-0.54 บาทต่อขวด ชาและชาเขียว ภาระภาษีเพิ่มขึ้น 1.13-2.05 บาทต่อขวด และกาแฟ ภาระภาษีเพิ่ม 1.35 บาทต่อขวด

“จะเห็นได้ว่าการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตครั้งนี้มีสินค้าหลายรายการต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น และก็มีหลายรายการเสียภาษีลดลง แต่อย่างไรก็ตาม กรมสรรพสามิตคาดว่าจะมีผู้ประกอบการบางราย ยอมรับภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นบางส่วน เนื่องจากสภาพตลาดที่มีการแข่งขันกันสูง ปรับขึ้นราคาขายสินค้าเล็กน้อย หรือไม่ปรับราคาขาย อย่างเช่น กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ภาระภาษีเพิ่มขึ้น 2% แต่ผู้ประกอบการรถยนต์ยืนยันกันกรมสรรพสามิตจะไม่ปรับราคารถยนต๋”นายณัฐกร กล่าว

อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ในส่วนของการจัดเก็บภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ให้เสียภาษีตามปริมาณอย่างเดียว โดยน้ำมันเบนซินและดีเซลให้ใช้อัตราเดิม ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นและน้ำมันเตาให้ใช้อัตราใหม่ ส่วนรายการสินค้าที่มีการปรับลดอัตราภาษีให้สอดคล้องกับการใช้ราคาขายปลีกแนะนำมาคำนวณภาษี ได้แก่ รถยนต์ แบตเตอรี่ จักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์เครื่องหอมและเครื่องสำอาง

นอกจากนี้ยังกำหนดอัตราภาษี 0% สำหรับรายการสินค้าที่จัดเก็บภาษีได้น้อย เนื่องจากไม่มีความคุ้มค่าในการบริหารจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิต ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า, แก้ว, เครื่องแก้ว, พรมและสิ่งทอปูพื้น ส่วนรายการสินค้าที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษี ได้แก่ ไนต์คลับ, ดิสโกเธค, ผับ, บาร์, ค็อกเทลเลาจน์ รวมถึงสถานที่จำหน่ายบัตรอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจัดให้มีการแสดงดนตรี การแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง ซึ่งปิดทำการหลัง 24.00 น. จัดเก็บภาษีจากรายรับ อาบ อบ นวด จัดเก็บจากรายรับ สนามแข่งม้า จัดเก็บจากค่าผ่านประตูและรายรับ และสลากกินแบ่งรัฐบาล เดิมได้รับยกเว้น แต่โครงสร้างภาษีใหม่

อ่าน โครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิต ที่นี่!