รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2017/08/ปูตินพักร้อนในไซบีเรีย-ภาพจาก-rbth.com_-620x344.jpg)
สัปดาห์แรกของสิงหาคม ทั้งประธานาธิบดีสหรัฐ อเมริกาและรัสเซียต่างก็ถือโอกาสลางานพักร้อน โดนัลด์ ทรัมป์ พักร้อนแบบยังทำงานอยู่นาน 17 วันที่สโมสรกอล์ฟ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ส่วนวลาดิเมียร์ ปูติน พักร้อนที่เขตป่าเมืองหนาว (Taiga) ในภาคใต้ของไซบีเรีย แต่สื่อต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น CNN, New York Times หรือ The Guardian ได้นำภาพถ่ายการพักร้อนของ วลาดิเมียร์ ปูติน ออกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง
แม้จะเป็นผู้นำที่มีภารกิจมากมาย แต่ในช่วง 1-3 สิงหาคม ปูตินหยุดแวะมาพักผ่อนที่เมือง Tuva ทางภาคใต้ของไซบีเรีย และตั้งอยู่ทางเหนือของมองโกเลีย ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังเมือง Blagoveshchensk ที่อยู่ทางรัสเซียตะวันออกไกล (Russia Far East) ช่วงพักผ่อนสั้นๆ 2-3 วันในพื้นที่เขตป่าเมืองหนาว ทางการรัสเซียได้เผยแพร่ภาพถ่ายปูตินกำลังตกปลาในทะเลสาบ เข้าป่าเก็บเห็ด และเดินลุยป่า โดยมีรัฐมนตรีกลาโหม Sergei Shoigu และผู้บริหารเขต Tuva ร่วมคณะด้วย
ภาพการพักร้อนของปูตินเต็มไปด้วยกิจกรรมนอกสถานที่ สะท้อนการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาสามัญ ของผู้นำการเมืองที่มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งของโลก New York Times บรรยายภาพการพักร้อนของปูตินว่า ช่วงพักร้อนกลางแจ้ง ปูตินเลือกที่จะไม่สวมเสื้อ เบ็ดตกปลาเป็นอุปกรณ์สำคัญ เมื่ออยู่ที่ทะเลสาบ แม้ในช่วงฤดูร้อน แม้น้ำในทะเลสาบจะยังคงเย็น แต่ปูตินก็แสดงให้เห็นว่าการดำน้ำในทะเลสาบเป็นการผจญภัยอย่างหนึ่ง และเวลาสวมเสื้อ ปูตินจะเป็นคนมีรสนิยมแฟชั่นแบบลุยๆ ที่เสื้อมีกระเป๋าหลายใบ
ดินแดนที่ลี้ลับ
คนรัสเซียเรียกไซบีเรีย (Siberia) ว่า ซิเบียร์ (Sibir) แต่คนทั่วโลกรู้จักและมีภาพลักษณ์ต่อดินแดนไซบีเรีย ที่มาจากหนังสือนิยายขายดีของ Boris Pasternak เรื่อง Doctor Zhivago และนิยายของ Aleksandr Solzhenitsyn เรื่อง The Gulag Archipelago นักประพันธ์รัสเซียทั้ง 2 คนนี้ ได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม ทั้งนิยาย ภาพถ่าย และภาพยนตร์ตะวันตก ทำให้คนทั่วโลก เกิดจิตนาการต่างๆ ที่ลี้ลับเกี่ยวกับไซบีเรีย
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2017/08/รถไฟทรานไซบีเรีย.jpg)
ไซบีเรียไม่มีพรมแดนที่แน่นอน แต่มีพื้นที่ใหญ่ครอบคลุม 3 ใน 4 ของดินแดนรัสเซีย เทือกเขาอูราล (Ural) ที่ทอดยาวจากทะเลอาร์กติกมาจนถึงคาซัคสถาน คือพรมแดนทิศตะวันตกของไซบีเรีย เทือกเขาอูราลเป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรปกับเอเชีย จากเทือกเขาอูราล ดินแดนไซบีเรียขยายมาถึงทะเลญี่ปุ่นและทะเลแบริ่ง รัสเซียเรียกไซบีเรียในส่วนนี้ว่ารัสเซียตะวันออกไกล (Russia Far East) ทางใต้ของไซบีเรียคือพื้นที่พรมแดนระหว่างรัสเซียกับคาซัคสถาน มองโกเลีย และจีน พื้นที่บริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าที่มีพวกชนเผ่าเร่ร่อนอาศัยอยู่ ในอดีต จีนต้องสร้างกำแพงเมืองจีนขึ้นมาเพื่อป้องกันการรุกรานของชนเผ่าเร่ร่อนพวกนี้
ความลี้ลับของไซบีเรียทำให้คนทั่วโลกมีความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนหลายอย่าง ประการแรก คือ เข้าใจผิดว่าไซบีเรียคือดินแดนของน้ำแข็งและหิมะ มีอุณหภูมิไม่เคยสูงกว่าจุดเยือกแข็ง เป็นความจริงที่ว่าพื้นที่ที่คนเราอาศัยอยู่ที่มีอุณหภูมิติดลบมากสุดในโลกอยู่ที่ไซบีเรีย หมู่บ้านชื่อ Oimiako เคยบันทึกอุณหภูมิว่าลบ 71 องศาเซลเซียส แต่อากาศที่หนาวเย็นของไซบีเรียก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ทางใต้ของไซบีเรียมีอากาศหนาวติดลบแค่ 15 องศา และมีอากาศอุ่นในฤดูร้อน เช่น พื้นที่เขต Tuva ที่ปูตินเดินทางไปพักผ่อนเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงมีเส้นทางวิ่งอยู่แถบทางใต้ของไซบีเรีย
ความเข้าใจผิดประการที่สอง คือ ไซบีเรียเป็นดินแดนคุมขังนักโทษการเมือง โดยถูกส่งให้ไปอยู่ในค่ายกักกันแรงงาน ในอดีต นักโทษหลายล้านคนถูกส่งมาอยู่ในค่ายใช้แรงงานในไซบีเรีย ที่ Aleksander Solzhenitsyn เรียกว่า Gulag แต่หนังสือพิมพ์ในตะวันตกยังคงใช้คำว่าไซบีเรีย ที่หมายถึงเรือนจำ ในปี 2012 เมื่อสมาชิก 3 คนของคณะนักร้องรัสเซียวง Pussy Riot ถูกตัดสินจำคุก หนังสือพิมพ์บางฉบับในอังกฤษพาดหัวข่าวว่า “Pussy Riot ถูกส่งไปไซบีเรีย” ทั้งๆ ที่ถูกคุมขังในเรือนจำอื่นๆ ของรัสเซียส่วนยุโรป
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2017/08/Vladivostok_Railway_station_P8050426_2200-620x413.jpg)
รถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย
แต่เรื่องดีๆ เกี่ยวกับไซบีเรียคือ รถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย ทุกวันนี้ ไซบีเรียคือดินแดนที่ถูกตัดผ่านด้วยเส้นทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย รัสเซียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ทั้งประเทศมีทั้งหมด 11 เขตเวลา (Time Zone) หากเวลาที่เมืองวลาดีวอสตอคอยู่ที่ 6 โมงเช้า เวลาที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กจะอยู่ที่ 19.00 น. เฉพาะดินแดนไซบีเรียมีทั้งหมด 8 เขตเวลา เส้นทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียจึงเหมือนกับเป็นกระดูกสันหลังของประเทศที่เชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆ เข้าด้วยกัน ในสมัยสหภาพโซเวียต รถไฟทรานส์ไซบีเรียใช้ขนนักโทษต่างๆ มายังค่ายกักกันในไซบีเรีย
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2017/08/รถไฟสายทรานไซบีเรีย-ภาพจาก-titantravel.co_.uk_.jpg)
เมื่อกล่าวถึงรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย หมายถึงรถไฟที่วิ่งตลอดเส้นทางอยู่บนดินแดนรัสเซีย จากนครมอสโกมาจนถึงเมืองวลาดิวอสตอค มีระยะทางทั้งหมด 9,288 กิโลเมตร ที่ชานชาลาสถานีรถไฟเมืองวลาดิวอสตอคจะมีอนุสาวรีย์มีชื่อเสียงตั้งอยู่ โดยมีตัวเลขเขียนว่า 9,288 นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์นี้ เมืองอูลัน-อูเด (Ulan-Ude) ตอนกลางของไซบีเรีย เป็นสถานีชุมทาง ที่มีรถไฟสายทรานส์มองโกเลียวิ่งแยกลงไปทางใต้จนถึงนครปักกิ่ง ภาพยนตร์เรื่อง Transsiberian (2008) ก็มีเนื้อหาเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนรถไฟสายทรานส์มองโกเลีย จากปักกิ่งไปมอสโก
รถไฟทรานส์ไซบีเรียใช้เวลาสร้าง 25 ปี ในช่วงระหว่าง 1891-1916 ปัจจุบัน การเดินทางจากมอสโคว์มาวลาดิวอสตอคใช้เวลา 7 วัน ในอดีตใช้เวลา 9 วัน ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 รถไฟทรานส์ไซบีเรียสร้างชื่อเสียงให้กับการส่งออกผลิตภัณฑ์เนยของไซบีเรียไปยังยุโรปตะวันตก หนังสือชื่อ Travels in Siberia ผู้เขียน Ian Frazier เขียนไว้ว่า ในปี 1903 ช่วงที่เลนิน ผู้นำปฏิวัติรัสเซีย ลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ พรรคพวกคนหนึ่งบอกเลนินว่า กลิ่นเนยหอมมาก เลนินพูดตอบว่า คงจะเป็นเนยของเรา ที่มาจากไซบีเรีย โดยเฉพาะเนยที่มาจากทุ่งหญ้า Barabinsk ที่ตัวเองเคยลี้ภัยไปอยู่ 2 ครั้ง แม่บ้านคนอังกฤษก็บอกว่า พวกเธอรู้จักเนยที่มาจาก Barabinsh
การท่องเที่ยวที่ขายอากาศและหิมะ
หลังการล่มสะลายของสหภาพโซเวียต รัสเซียประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำมากในช่วงทศวรรษ 1990 แต่นับจากปี 2000 เป็นต้นมา ไซบีเรียกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจรัสเซียฟื้นตัว เพราะ 80% ของน้ำมันดิบ 85% ของก๊าซธรรมชาติ และ 80% ของถ่านหินอยู่ในไซบีเรีย ทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัสเซียหลังยุคคอมมิวนิสต์ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและมั่งคั่งขึ้นมาใหม่
ภาพถ่ายปูตินพักผ่อนในไซบีเรียอาจต้องการจะสื่อให้คนรัสเซียเองได้เห็นถึงมนต์เสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยวในไซบีเรีย และหันมาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น เว็บไซต์ siberiantimes.com รายงานว่า บริษัทท่องเที่ยวในออสเตรเลียชื่อ 56th Parallel กำลังเปลี่ยนภาพลักษณ์ของไซบีเรียให้กลายเป็นปลายทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวมีฐานะ รักการผจญภัย และต้องการไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่คนไม่แออัด
ในฤดูหนาว ไซบีเรียมีแหล่งท่องเที่ยวสำหรับการเล่นสกี แหล่งอบซาวน่า การนั่งเรือโฮเวอร์คราฟต์ นั่งแคร่เลื่อนหิมะลากโดยสุนัข การแสดงบัลเลต์ และเหล้าว็อดก้าดีที่สุดในโลก ส่วนหน้าร้อน ไซบีเรียก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับการเดินท่องป่าเมืองหนาว ล่องแพ ปีนเขา หรือพายเรือคายัก
![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2017/08/ปูตินและคณะล่องเรือในทะเลสาบของไซบีเรีย-ภาพจาก-rbth.com_-620x413.jpg)
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติของไซบีเรียมีศักยภาพเพราะมีลักษณะคล้ายๆ กับสถานที่ท่องเที่ยวของสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่กลายเป็นแบบอย่างความสำเร็จของการท่องเที่ยวว่า ทำอย่างไรจะสามารถขายอากาศและหิมะ สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่ส่วนใหญ่เพาะปลูกไม่ได้ และมีหิมะปกคลุมปีหนึ่งหลายเดือน
แต่สวิตเซอร์แลนด์มีอยู่อย่างหนึ่งที่ธรรมชาติให้มา คือทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขา ในระยะแรกๆ พวกมาท่องเที่ยวเป็นนักผจญภัย แล้วต่อมาก็เป็นนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก อุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องอาศัยนักท่องเที่ยวที่มีรายได้เหลือใช้และระบบขนส่งที่คนมีเงินพอจะจ่ายได้ แต่ความสำเร็จของการท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ก็ยังมาจากความรู้สึกของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชมต่อ “คุณภาพที่สูง” ของสิ่งต่างๆ ที่เรียกว่า “ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์”
เอกสารประกอบ
Ian Frazier. Travels in Siberia, Farrar, Straus and Giroux, 2010.
Janet M. Hartley. Siberia, Yale University Press, 2014.