ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : ศาลออกหมายจับ”ยิ่งลักษณ์” ลือออกนอกประเทศแล้ว – บุญทรง-ภูมิ ไม่รอด” และ ไต้ฝุ่น ‘ฮาโตะ’ ถล่ม ‘ฮ่องกง-มาเก๊า’ ระดับ 10

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : ศาลออกหมายจับ”ยิ่งลักษณ์” ลือออกนอกประเทศแล้ว – บุญทรง-ภูมิ ไม่รอด” และ ไต้ฝุ่น ‘ฮาโตะ’ ถล่ม ‘ฮ่องกง-มาเก๊า’ ระดับ 10

26 สิงหาคม 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 19-25 ส.ค. 2560

  • ศาลไม่เชื่อออกหมายจับ”ยิ่งลักษณ์” ลือออกนอกประเทศแล้ว – บุญทรง-ภูมิ ไม่รอด
  • “อภิศักดิ์” แจง ให้เวลา 6 ปีปรับตัวรับ “ภาษีน้ำตาล”
  • ปตท. ยัน ยังร่วมมือกับเซเว่น
  • กยศ. เตรียมหักเงินเดือนลูกหนี้จ่ายหนี้
  • ไต้ฝุ่น “ฮาโตะ” ถล่ม “ฮ่องกง-มาเก๊า” ตายแล้ว 16 เจ็บนับร้อย
  • ศาลไม่เชื่อออกหมายจับ”ยิ่งลักษณ์” ลือออกนอกประเทศแล้ว – บุญทรง-ภูมิ ไม่รอด

    นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

    วันที่ 25 ส.ค. 2560 ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม. ๒๒/๒๕๕๘ ซึ่งมีอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ และมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต

    แต่ปรากกฏว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้มาปรากฏตัวที่ศาลตามนัด โดยทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาด้วยเหตุผลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน มีอาการเวียนศีรษะรุนแรงจนไม่สามารถเดินทางมาศาลได้

    ทว่า ศาลไม่เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีอาการป่วยจริงเนื่องจากไม่มีใบรับรองแพทย์มายืนยัน รวมทั้งเห็นว่าอาการป่วยที่อ้างนั้นไม่ถึงขั้นทำให้มาศาลไม่ได้ จึงออกหมายจับและปรับนายประกัน (ริบเงินประกัน) เต็มสัญญา 30 ล้านบาท ส่วนการอ่านคำพิพากษานั้นเลื่อนไปเป็นวันที่ 27 ก.ย. 2560 เวลา 09.00 น.

    ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวลือรายงานออกมาจากหลายสำนักข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางออกนอกประเทศไปตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 23 ส.ค. 2560 แล้ว

    ส่วนทางด้านของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ซึ่งมีนัดฟังคำพิพากษาในวันเดียวกัน เว็บไซต์ไทยพับลิก้า รายงานว่า ศาลได้ตัดสินว่ามีความผิดคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)โดยให้นายบุญทรง มีโทษจำคุก 42 ปี และ นายภูมิ มีโทษจำคุก 36 ปี ขณะที่ผู้ต้องหารายอื่นๆได้ถูกพิจารณาโทษลดหลั่นกันไปตามมูลเหตุการกระทำความผิด

    “อภิศักดิ์” แจง ให้เวลา 6 ปีปรับตัวรับ “ภาษีน้ำตาล”

    นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่ากากรระทรวงการคลัง
    ที่มาภพา: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (https://www.prachachat.net/?p=28331)

    วันที่ 25 ส.ค. 2560 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า การออกกฎหมายลูกของพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งมีมติเห็นชอบไป สืบเนื่องจากกฎหมายใหม่มีการเปลี่ยนฐานภาษีจากราคาซีไอเอฟ หรือราคา ณ โรงงาน เป็นราคาขายปลีกแนะนำ ซึ่งจะทำให้ราคาเพิ่มขึ้นจากกำไรที่เพิ่ม ดังนั้นจึงต้องมีการประกาศอัตราที่ลดลง เช่น จากเดิมอาจจะเก็บ 20% ก็ลดเหลือ 15% เพื่อให้ภาระภาษียังเท่าเดิม

    “คนที่มี profit margins ปกติก็จะเสียภาษีเท่าๆ เดิม ยกเว้นคนที่ไปตั้ง profit margins สูงๆ หรือบางรายสำแดงต้นทุนต่ำ เพื่อหวังเสียภาษีน้อย ก็อาจจะมีผลกระทบบ้าง แต่โดยเฉลี่ยแล้วส่วนใหญ่จะมีภาระเท่าเดิม” นายอภิศักดิ์กล่าว

    นายอภิศักดิ์กล่าวว่า จะมีการประกาศอัตราภาษีในส่วนของรถยนต์ออกมาก่อน เพื่อให้มีการปรับตัวได้ รวมถึงสินค้าอื่นๆ ก็จะมีภาระใกล้เคียงเดิม แต่สินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงมาก จะเป็นเครื่องดื่ม จากเดิมบางอย่างไม่เสียภาษี ก็จะมีการเก็บ เพื่อให้เป็นธรรม รวมถึงมีการเปลี่ยนให้จัดเก็บตามปริมาณน้ำตาลด้วย จากเดิมที่จัดเก็บตามราคาอย่างเดียว

    “เพื่อบรรเทาปัญหาของผู้ผลิต ผู้บริโภค รวมถึงเกษตรกรชาวไร่อ้อย เราจะแบ่งเป็น 2 เทียร์ แล้วให้เวลาปรับตัว 6 ปี อัตราจะค่อยๆ ขึ้นไปจนไปถึงอัตราที่อยากเห็นในอีก 6 ปีข้างหน้า ส่วนขั้นตอนการปรับตัวจะแบ่งเป็น 3 ขั้น ครั้งละ 2 ปี โดย 2 ปีแรก จะเก็บอัตราน้อย ซึ่งจะแบ่งตามระดับปริมาณน้ำตาลด้วย ถ้าน้ำตาลมากก็เสียภาษีสูง โดยกำหนดว่าถ้าต่ำกว่า 6 กรัม/100 ซี.ซี. ก็จะได้รับยกเว้น” รมว.คลังกล่าว

    รมว.คลัง กล่าวด้วยว่า รัฐบาลไม่ได้เก็บภาษีเฉพาะจากน้ำตาลอย่างเดียวอย่างที่มีหน่วยงานด้านสาธารณสุขและองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) เสนอมา เพราะหากทำเช่นนั้นจะกระทบ เป็นปัญหาทั้งระบบ

    ส่วนมาตรการภาษีสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากสิ่งที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเสนอมา เกินกว่าที่ฐานะการคลังจะรับได้ ซึ่งรัฐอยากเห็นการท่องเที่ยวที่ท้องถิ่นได้ประโยชน์ แต่ก็ยังติดปัญหาเรื่องการออกใบเสร็จของท้องถิ่น ดังนั้นอยู่ระหว่างแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่

    ปตท. ยัน ยังร่วมมือกับเซเว่น

    หลังจากที่เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ (PTTRM) เปิดเผยว่า ปตท. อยู่ระหว่างพิจารณาจะต่อสัญญาหลักความร่วมมือการดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น-อีเลฟเว่น” ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ทั่วประเทศ กับ ซีพี ออลล์ ต่อไปหรือไม่ จากปัจจุบัน เซเว่น-อีเลฟเว่น มีร้านสาขาที่เปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ประมาณ 1,100 แห่ง และจะทยอยหมดอายุสัญญาลงใน 6 ปีข้างหน้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินศักยภาพความแข็งแกร่งของร้านสะดวกซื้อ “จิฟฟี่” ที่ปัจจุบันมีอยู่ 149 สาขาในสถานีบริการน้ำมัน และ 6 สาขานอกสถานีบริการน้ำมัน

    “ภายใน 2-3 ปีนี้ จะต้องได้ข้อสรุปว่า ปตท. จะพิจารณาต่อสัญญาแฟรนไชส์กับเซเว่น-อีเลฟเว่น หรือไม่ โดยจะพิจารณาจากสถิติคนเข้าร้านและรายได้ รวมถึงความพร้อมของจิฟฟี่ ที่ขณะนี้เร่งสร้างความแข็งแกร่งในแบรนด์และคาดว่าใน 6 ปีข้างหน้าจะมีความพร้อมมากขึ้น” น.ส.จิราพรกล่าว

    ต่อมา เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก PTT news โพสต์ข้อความระบุว่า “ปตท. ยืนยันยังคงร่วมธุรกิจกับ เซเว่นอีเลฟเว่น หลังเป็นพันธมิตรที่ดีกันมายาวนาน

    นายสุชาติ ระมาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท. ยืนยันเดินหน้าธุรกิจค้าปลีกในประเทศด้วยการจับมือกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเปิดให้บริการในสถานีบริการ ปตท. ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความสัมพันธ์อันดีกันมายาวนาน โดยปัจจุบันมีร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น เปิดให้บริการในสถานีบริการ ปตท. แล้วกว่า 1,400 แห่งทั่วประเทศ และยังคงมีแผนงานที่จะร่วมกันขยายให้มีจำนวนรวมกว่า 1,700 แห่ง ในอีก 4-5 ปีนี้”

    กยศ. เตรียมหักเงินเดือนลูกหนี้จ่ายหนี้

    วันที่ 24 ส.ค. 2560 เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ กยศ. เตรียมเดินหน้าเชื่อมระบบกับกรมสรรพากร ในการรับชำระหนี้ลูกหนี้ กยศ. จากองค์กรนายจ้าง คาดว่าจะเริ่มหักเงินเดือนลูกหนี้ กยศ. ทั้งรายเก่าและใหม่เป็นรายเดือน คาดเริ่มได้ในไตรมาส 1 ปี 2561 โดย กยศ. จะเชื่อมระบบกับสรรพากร แล้วให้สรรพากรจะเชื่อมระบบกับนายจ้าง หากนายจ้างไม่หักเงินเดือนนำส่ง นายจ้างจะต้องรับภาระจ่ายหนี้แทนลูกหนี้ กยศ.

    ทั้งนี้ สิทธิในการหักเงินเดือนของ กยศ. ตาม พ.ร.บ. ลูกหนี้จะต้องถูกหักเงินภาษีรายได้ให้กรมสรรพากรก่อน รองลงมาคือประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และต่อมาเป็น กยศ. ก่อน จึงจะสามารถหักเงินเดือนเพื่อใช้ให้สถาบันการเงินได้

    นายชัยณรงค์ กล่าวว่า ในเดือน ต.ค. นี้มีแผนจะเริ่มนำร่องจัดประชุมสัญจรกับสมาชิกสภาองค์กรนายจ้างแห่งประเทศไทยที่จังหวัดระยองเป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่มีนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก โดยปัจจุบัน กองทุนมีผู้กู้ยืม 5.28 ล้านราย คิดเป็นวงเงินรวมกว่า 5 แสนล้านบาท มีลูกหนี้ที่ค้างชำระอยู่ประมาณ 2 ล้านราย คิดเป็นวงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาท และมีลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างฟ้องร้อง 1.2 ล้านราย คิดเป็นวงเงิน 1 แสนล้านบาท

    ไต้ฝุ่น “ฮาโตะ” ถล่ม “ฮ่องกง-มาเก๊า” ระดับ 10

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (https://goo.gl/mFTBoK)

    เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์รายงานโดยอ้างสำนักข่าวต่างประเทศว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่น “ฮาโตะ” พุ่งเป็นอย่างน้อย 16 รายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 ส.ค. 2560 หลังจากไต้ฝุ่นฮาโตะพัดผ่านสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในพื้นที่ตอนใต้ของจีน รวมถึงฮ่องกงและมาเก๊า โดยทางด้านมาเก๊านั้นกว่าครึ่งเมืองยังคงไม่มีไฟฟ้าหรือน้ำประปา
           
    สถานีทีวีทีดีเอ็มของทางการมาเก๊ารายงานว่า ไต้ฝุ่นฮาโตะที่มาพร้อมความเร็วลมกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงถือเป็นพายุระดับ 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด และเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดนับแต่ปี 1968 ที่เคยพัดถล่มศูนย์การพนันเสี่ยงโชคใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้ และเป็นที่พำนักของผู้คนราว 600,000 คน
           
    อย่างไรก็ดี ขณะที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตบริหารพิเศษของจีนเช่นกันและอยู่ใกล้เคียงกัน มีการประกาศเตือนภัยว่าฮาโตะอาจทวีความรุนแรงถึงระดับ 8 หรือสูงกว่านั้นอีก ทางการมาเก๊ากลับเตือนภัยไต้ฝุ่นลูกนี้ที่ระดับ 3 เท่านั้น